ตอนที่ 8 ขัดจังหวะ
ถังเหมยหลินถูกเขากอดแทนจากกักขังเมื่อครู่ นางมิได้พยศแล้วกลับปล่อยให้เขาโอบกอดตามสบาย รู้สึกอบอุ่นหัวใจเสียเหลือเกิน ทุกคราเขามักจะแข็งกระด้าง เอ่ยวาจาไม่น่าฟัง แต่เมื่อครู่นี้ถ้อยคำของเขากึ่งอ้อนวอนขอร้องใช่หรือไม่
แล้วนางจะใจอ่อนยินยอมเพียงเพราะถ้อยคำหวาน ๆ นั้นหรือ...ฝันไปเถิด นางไม่มีทางยินยอมกลายเป็นเหยื่ออย่างแน่นอน ดังนั้นแล้วหญิงสาวจึงแกะมือเขาออกจากการโอบกอดนาง แล้วจ้องมองเขาอย่างหมั่นไส้ เอ่ยขึ้นอีกหนึ่งประโยค
“ความผิดอันใดกันรึที่คิดว่าจะปลดข้า จะหย่ากับข้ามันไม่ง่ายไปหน่อยหรือ สิบปีมานี้ข้าผ่านอะไรมาบ้าง เพื่อท่านข้ายอมเจ็บ เพื่อท่านข้ายินดีรับหวังเพ่ยอิงเข้ามา เพื่อท่านข้ายินยอมทุกอย่าง แล้วท่านเล่า ทำอันใดตอบแทนน้ำใจให้ข้าบ้าง...มีหรือไม่? ...
หากยังไม่มีอย่าได้ริอ่านมาขอหย่ากับข้าอีกเป็นอันขาด หาไม่แล้วข้าจะทำทุกวิถีทางเพื่อกำจัดนางออกไปให้พ้นทาง” นางข่มขู่และอาจเป็นจริงเยี่ยงนั้น ย่อมต้องดูว่าหวังเพ่ยอิงจะมาดีหรือร้ายกันแน่ ยังไม่แน่ชัด
“อนุก็อนุ ข้าไม่อยากเถียงกับเจ้าแล้ว” ไหงเขาจึงใจอ่อนยอมนางกันเล่า นางพูดจบก็ชิงเดินหนีเขาไปอย่างดื้อ ๆ แต่เมื่อครู่เขาลืมบอกนางเรื่องสำคัญ จึงเร่งฝีเท้าตามนาง
“หลินเอ๋อร์ หยุดก่อน ข้ามีเรื่องพูดกับเจ้า” เขาเดินตามแผ่นหลัง แต่เหมือนว่านางรีบเร่งฝีเท้าเข้าไปในเรือนอย่างเร่งรีบ เขาจึงต้องรีบเดินให้ทัน
ถังเหมยหลินได้ยินเสียงทุ้มของชายหนุ่ม จึงหยุดเดินแล้วหันขวับมองเขาตาเขียวเข้ม แล้วเอ่ยกระทบกระทั่งอย่างจงใจว่า “มีอันใดจะต่อว่าข้าอีกหรือ ข้าเหนื่อยมากแล้วนะไม่อยากฟังอีกแล้ว”
เพราะถ้อยคำเขาพูดแต่ละคำที่พ่นออกมา ก็มักหักหาญน้ำใจนางทุกครา คงเป็นเรื่องคนรักอีกเช่นเคย เมื่อไรนะที่เขาจะตาสว่างเสียที แล้วหันกลับมามองผู้หญิงที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเขาบ้าง คงอีกนานสินะ ความดีจะเอาชนะใจเขาได้หรือไม่ คงไม่สามารถสู้จริตมารยาของหวังเพ่ยอิงได้กระมัง นางสู้ไม่ได้จริง ๆ
“เปล่า แค่จะบอกว่าพรุ่งนี้ต้องไปพบท่านพ่อตา เมื่อครู่ที่ข้าออกไปข้างนอกก็ไปซื้อของเยี่ยมท่าน ข้าไม่หลงลืมว่าสมควรทำสิ่งใด ไม่สมควรทำสิ่งใด” รู้สึกผิดกับนางมากจริง ๆ
วันนั้นเขาเองที่คิดมากจนเกิดความเครียด จึงเลือกที่จะปฏิบัติกับนางเช่นนั้น แต่...วันนี้จึงไปเดินตลาดไปที่ร้านขายสมุนไพรและของฝาก เพื่อจะนำไปฝากท่านพ่อตาในวันพรุ่งนี้
อีกทั้งยังคัดเลือกหนังสือที่ท่านพ่อตาชื่นชอบ นำไปมอบให้อีกด้วย หวังว่าจะอภัยให้เขาสักครา ที่กระทำความผิดจนยากจะอภัย แล้วยังทำให้ถังเหมยหลินชิงชังเขาเข้าไส้อีกด้วย รู้ตัวก็คล้ายว่าจะสายไปเสียแล้ว
“สิ่งที่ท่านสมควรกระทำคือ...สมควรเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวในวันแต่งงาน และเข้าหอกับข้า แต่ท่านก็เลือกที่จะหักหน้ามิใช่หรือไร ยามนี้กลับทำดีลบล้างความผิด” คิดหรือว่านางจะยกโทษให้เขาง่าย ๆ ย่อมไม่มีทาง ในเมื่อเลือกที่จะกระทำเยี่ยงนี้
ใจนางถูกเขาเหยียบย่ำจนแตกสลาย กลายเป็นเถ้าถ่าน ข่าวลือที่ออกมาจากจวนตระกูลหวัง เขาก็เพิกเฉยมิได้สนใจ หากเขาเห็นใจนางบ้างสักนิด สนใจสักหน่อย จะรู้ว่าทั้งหมดที่นางกระทำล้วนอยากดูแลเขา
อยากตอบแทนหนี้ชีวิตที่เขาเคยช่วยเอาไว้ เพราะครั้งนั้นที่เขาช่วยเหลือ จึงกลายเป็นความประทับใจ แล้วครั้งต่อมาที่เขาก็ไม่รู้ว่าได้ช่วยนางไว้อีกหน สองครั้งสองคราที่โจวหย่งเล่อได้ช่วยถังเหมยหลิน
จึงเกิดเป็นความซาบซึ้งใจขึ้น นางจะไม่มีทางคิดเข้าข้างตนเอง หากไม่ใช่เพราะโม่อวี้หรานส่งแม่สื่อไปทาบทามนาง เกรงว่าจะทำให้นางมีชื่อเสียงเสียหาย ชายหนุ่มและดรุณีน้อยตระกองกอดกันอยู่ในคูน้ำ
ผู้คนต่างก็ติฉินนินทา ดังนั้นด้วยความหวังดีและถูกชะตาจึงได้ส่งแม่สื่อทาบทามให้คุณหนูเล็กจวนถังเป็นคู่หมั้นกับคุณชายใหญ่จวนโจว
ในวันที่เขาได้รับแต่งตั้งเป็นท่านราชครู ถังเหมยหลินไปร่วมแสดงความยินดีกับเขาด้วย แต่อยู่ท่ามกลางเหล่าผู้คนมากมายต่างก็ยกย่องชายหนุ่มกำลังควบอาชาออกจากวังหลวงเพื่อกลับจวน
นางยืนมองเขาด้วยสายตาแห่งความปลื้มใจ ที่ได้พบเขาอีกครั้ง ทว่า...เขากลับมอบรอยยิ้มให้กับสตรีนางหนึ่ง ซึ่งถังเหมยหลินมาทราบทีหลังว่า สตรีนางนี้คือคนรักของโจวหย่งเล่อ
“เจ้ากำลังโกรธข้า” เห็นสีหน้าของนางก็พอเดาออก จมูกกับริมฝีปากแทบจะชิดติดกันอยู่แล้ว แต่ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่านางน่ารักยิ่งนัก จะง้อนางอย่างไรดีกัน เขาครุ่นคิดไม่จางหาย
“ไม่โกรธสิแปลก มีหรือภรรย***านไหนวันแต่งงานสามีไม่เปิดผ้าคลุมหน้าไม่เข้าหอบ้างเล่า มีแต่ท่านเท่านั้นที่ทำให้ข้าอับอายเสียหาย” ถ้อยคำของนางล้วนตำหนิต่อว่าอย่างซึ่ง ๆ หน้า
ใครเล่าไม่อับอายเสียหน้าบ้าง คงมีเขากระมังที่ไร้สมองคิดอ่าน เห็นทีว่าตำแหน่งราชครูนี้อาจถูกยัดเยียดให้เขากระมัง หรือไม่ก็คงจับฉลากได้เช่นนั้นใช่หรือไม่ เหตุใดจึงเหมือนว่ารอยหยักบนสมองเขามันช่างคล้ายดูว่างเปล่านัก
“ขอโทษข้าผิดเอง...” เขายื่นมือแล้วจับปลายนิ้วของนาง ส่งสายตาเว้าวอน คล้ายน่าสงสารจับใจ
“เก็บคำขอโทษของท่านเอาไว้เถิด ข้าไม่ต้องการฟังอีกแล้ว หากท่านทำดีกับข้าเพื่อให้ข้าดีต่อคนรักของท่าน ข้าก็ยินดี...แต่มีข้อแม้ อย่าได้ริอ่านเล่นสกปรกกับข้าเชียว ไม่เช่นนั้นข้ากับนางไม่สามารถอยู่ร่วมจวนเดียวกันได้” เขาอ้อนเยี่ยงนี้ก็ดูน่ารักดี แต่นางยังไม่ดีด้วย เพราะไม่รู้ว่าเขามาไม้ไหนกันแน่
ถังเหมยหลินไม่มีทางจะเสียเปรียบเขาอย่างแน่นอน อีกทั้งใจดวงนี้เจ็บมากพอแล้ว นับจากนี้เป็นต้นไป นางจะไม่ยอมเป็นเครื่องมือให้เขาเหยียบย่ำนางครั้งแล้วครั้งเล่า เขากำลังล้อเล่นกับหัวใจนางใช่หรือไม่ ถึงได้แสดงท่าทีออดอ้อนเยี่ยงนี้
“อืม...ข้ารู้แล้ว” เขาเสียใจอย่างสุดซึ้ง ไม่คิดว่านางจะโกรธเกรี้ยวถึงเพียงนี้ “หลินเอ๋อร์ ยังมีขนมเหลืออีกหรือไม่ ข้าหิว” เขาอยากลิ้มลองฝีมือนาง เห็นหลานชายโอ้อวดว่าขนมฝีมือภรรยาของเขานั้นอร่อยยิ่งนัก
“ข้าเทให้สุนัขกินหมดแล้ว ถ้าท่านอยากกินข้าจะขอแบ่งจากมันให้ท่านดีหรือไม่” นางเดินเข้ามาในห้อง แล้วหย่อนก้นนั่งลงบนเตียง พ่นลมหายใจเข้าออก ข่มความหงุดหงิดเอาไว้
แต่เขาก็ยังเดินตามมา พร้อมกับตะคอกนางเข้าให้ “จะมากเกินไปแล้วนะ ข้าคือสามีของเจ้า”
“สามีรึ ตรงไหน ที่ไหนกันที่เรียกว่าสามี” นางยอกย้อนต่อว่าไม่หยุด
“ปล่อยข้านะ ปล่อยข้า” ความอดทนสิ้นสุดลง โจวหย่งเล่อจึงดันร่างบอบบางให้นอนราบบนเตียง มือเขาจับข้อมือนางเอาไว้แน่น หญิงสาวดิ้นรนพยายามขัดขืน แต่แรงอันน้อยนิดหรือจะสู้กำลังของชายหนุ่มได้ แข้งขาก็ถูกนำมาใช้งาน แต่เขากลับว่องไว จัดการแขนขาของนางเสียอยู่หมัด แม้จะพยายามดิ้นหนีก็ไม่เป็นผลเสียแล้ว
โจวหย่งเล่อได้กลิ่นหอม ๆ แสนรัญจวนใจนัก ยากจะหักห้ามใจไหว จึงโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ ๆ แล้วกระซิบเบา ๆ ที่ข้างใบหู พร้อมกับซุกจมูกลงมายังลำคอขาวระหงของนาง “วันนี้ข้าจะทำให้เจ้ากลายเป็นของข้า”
“พูดดี ๆ ก็ได้ ข้าเจ็บไปหมดแล้ว” นางเอ่ยเสียงแผ่วเบาหวังให้เขาปล่อยนางให้เป็นอิสระ แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่ไว้วางใจ
จึงยิ้มร้ายแล้วมองดวงหน้าสะสวยของภรรยา “ภรรยาที่ดีต้องเชื่อฟังสามี เจ็บนิดเดียวที่เหลือข้าจะนำพาเจ้าขึ้นสวรรค์” ว่าแล้วเขาค่อย ๆ ละเลงลิ้มเลยซอกคอแล้วค่อย ๆ ประทับจุมพิตที่ลำคอของนางอย่างอ่อนโยน ฝ่ามือหนาค่อย ๆ เคลื่อนมายังเต้านุ่มนิ่มของนางไม่ได้รุนแรงกับนาง แต่กลับอ่อนโยนยิ่งนัก
“วันนี้พวกเราเข้าหอกันนะ” เขากระซิบกระซาบเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เพราะยามนี้ไม่อาจหักห้ามใจได้แล้ว ยิ่งได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากนาง ก็ยิ่งทำให้เขาคลั่งไคล้ อยากกลายเป็นหนึ่งเดียวกับนางจนทำอันใดไม่ถูกเสียแล้ว
“ท่านคิดดีแล้วใช่หรือไม่” นางเอ่ยถามเขาอีกครั้ง นางยินดีเป็นของเขาตั้งแต่วันที่แต่งงานเข้ามา แม้จะช้าไปสักวันสองวันก็ไม่เป็นไร
“อืม เวลานี้มีเพียงแค่เราสอง หลินเอ๋อร์...เป็นของข้านะ...เป็นภรรยาของข้า เจ้ายินดีหรือไม่” เขาละจากจุมพิตดูดดึงซอกคอของนาง แล้วเอ่ยถามด้วยสายตาแห่งความหวัง มองนางอย่างต้องการให้ตอบตกลง
ฝ่ามือหนากุมดวงหน้าของนางแววตาอ้อนวอนขอร้องนี้ จะทำให้นางใจอ่อนได้หรือไม่ เขาไม่แน่ใจนัก แต่ยามนี้เขา...อดไม่ไหวแล้วจริง ๆ กลางหว่างขารู้สึกปวดหนึบขึ้นมาแล้ว มันไม่ยอมสงบหากมิได้เป็นหนึ่งเดียวกับนาง
“...” นางไม่ตอบ เพียงแค่กำลังมองดวงหน้าของเขาด้วยความยินดี
ทว่า เขากลับจับมือของนางแล้วมาลูบไล้เจ้ามังกรตัวโต หญิงสาวรีบหดมือหนี แต่เขายังออดอ้อนขึ้นอีกด้วยสายตาอันปรือหวาน “เจ้าดูสิ ลูกชายของข้าอยากอยู่กับมารดาใจจะขาด หากหลินเอ๋อร์ไม่ยินยอมให้สามี เห็นทีว่าคืนนี้คงเจ็บปวดทรมานน่าดู”
เสี่ยวเปาเห็นว่าท่านลุงหายเข้ามาในห้องของท่านป้า เกรงว่าจะเกิดอันตราย ด้วยความร้อนใจจึงลักลอบหนีออกจากห้อง โชคดีที่อาชิงไม่อยู่ เขาจะปกป้องท่านป้าเอง เด็กน้อยหยุดหอบหายใจแฮ่ก ๆ ประตู แล้วตะโกนเสียงดังขึ้นว่า “ท่านลุง อย่าทำร้ายท่านป้านะ ท่านลุง ห้ามทำร้ายท่านป้าของข้า...ท่านลุง”
เพราะถูกหลานชายขัดจังหวะ โจวหย่งเล่อตะโกนสุดเสียง “เสี่ยวเปา!...ข้าจะฆ่าเจ้า!”