ตอนที่ 12 แผนล้มเหลว
โจวหย่งเล่อพยายามใช้น้ำเย็นเข้าปลอบใจนาง จึงเอ่ยเสียงแผ่ว ๆ ขึ้นแล้วยังกุมมือนางเอาไว้ ด้วยความกลัดกลุ้มใจ พาดผ่านดวงตาคมกริบที่กำลังมองดวงหน้าอันขาวซีดของนาง
“อิงเอ๋อร์ ฟังคำข้าเสียหน่อยเถิด ข้าไม่เคยคิดจะทอดทิ้งละเลยเจ้าสักครา วอนให้เจ้าเห็นใจข้าบ้างจะได้หรือไม่” น้ำเสียงของชายหนุ่มได้เอ่ยขึ้นมา มิมีคำใดเลยที่จะปัดความรับผิดชอบต่อนาง แม้ว่าอาจมีผิดคำพูดไปบ้าง แต่ในใจเขาก็มิเคยคิดจะทอดทิ้งนางเลยสักครา
เหตุใดนางจึงเลือกที่จะใช้ชีวิตมาข่มขู่เขากันเล่า หรือว่าในใจนางมีบางอย่างที่ปิดบังเขาเอาไว้กันแน่ อีกทั้งบิดาและมารดา รวมถึงพี่ชายของหวังเพ่ยอิงเร่งรัดเขาเยี่ยงนี้ เดิมทีตกลงกันเอาไว้แล้ว หลังจากที่เขาแต่งฮูหยินเอกเข้าจวน อีกหนึ่งเดือนต่อมาถึงจะแต่งนางเข้ามาในภายหลัง
เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้ถังเหมยหลินอับอายไปมากกว่านี้ อีกทั้งเขายังกระทำตัวไม่ดีต่อฮูหยินเอาไว้มาก เพียงแค่นางเข้ามาในจวน ทำให้มารดาเขารับอาหารได้มากขึ้น บิดาก็ชื่นชมสะใภ้คนนี้ยิ่งนัก ล้วนเอาใจใส่เป็นอย่างดี
ปกติแล้ว เขามักนอนไม่หลับยามค่ำคืน คืนนั้นได้ดื่มน้ำชาที่นางมอบให้ อีกทั้งได้กลิ่นกำยานหอมอ่อน ๆ ทำให้ผ่อนคลาย ทำให้จิตใจสงบมากขึ้น นอนหลับโดยไม่สะดุ้งตื่นกลางดึกเหมือนที่ผ่านมา อาหารทั้งคาวและหวานที่นางลงมือทำนั้น รสชาติล้ำเลิศกว่าห้องเครื่องของวังหลวงเสียอีก
ทว่ายามนี้กลับรู้สึกเหมือนว่าคนรักของตนกับฮูหยินที่แต่งเข้ามา กลับมีนิสัยแตกต่างกันยิ่งนัก คนหนึ่งร้อนดั่งเปลวเพลิง อีกคนกลับดูสงบเยือกเย็นมีเหตุผลเสมอ ทำไมกันหวังเพ่ยอิงจึงกระทำตัวไม่น่ารักเหมือนเก่าก่อน กลับเอาแต่ใจยิ่งนัก
หวังเพ่ยอิงไม่ยินยอม แม้ว่าเขาจะพยายามหว่านล้อมนางก็หาได้ยินดีไม่ กลับขึ้นเสียงดังใส่เขาอย่างจงใจ “ข้าขอยื่นคำขาด พรุ่งนี้ท่านต้องส่งเกี้ยวมารับข้าเข้าจวนอย่างเอิกเกริก”
หมากกระดานนี้ของนางต้องรุกฆาตทำให้อีกฝ่ายต้องเสียใจอย่างหนักหน่วง มิอาจอยู่ในจวนให้อับอายขายหน้าได้อีกแล้ว หากเกิดข่าวลือขึ้นอีก ว่าแต่งงานยังไม่ถึงสามวัน สามีก็แต่งฮูหยินรอง เข้ามาเสียแล้ว ซ้ำยังอยู่ห้องหอไม่ออกจากห้องสองคืนสามวัน มีหรือที่ถังเหมยหลินจะทนรับความอับอายนี้ได้
“ข้าต้องปรึกษากับนางก่อน ถึงอย่างไรนางก็คือฮูหยินของข้า เป็นผู้จัดการดูแลทุกอย่างในจวนแทนท่านแม่ และนางย่อมมีสิทธิ์ทุกประการ ยามนี้ขอเพียงแค่ให้เจ้า ใจเย็นลงบ้าง” ขณะที่เขาพยายามเกลี้ยกล่อมให้คนรักใจเย็น นางกลับชักสีหน้าแล้วจ้องมองเขาอย่างแค้นเคือง
โจวหย่งเล่อพูดกับนางด้วยน้ำเสียงนุ่มไพเราะ เอ่ยเหตุผลมากมายให้หวังเพ่ยอิงยินยอมทำตามที่เขาบอก แต่นางกลับจับจ้องที่จะเอาแต่ใจเยี่ยงนี้ เห็นทีว่าเขาต้องใช้ไม้แข็งดัดนิสัยของนางเสียแล้ว
เช่นนั้นจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดันขึ้นอีกหนึ่งประโยคว่า “นางมิใช่คนใจร้ายใจดำ นางย่อมมีเหตุผลเสมอ อิงเอ๋อร์หากยังเป็นเช่นนี้ ข้าคิดว่า พวกเรามิควร...พบกันอีก”
ชายหนุ่มสะบัดมือออก พร้อมกับลุกขึ้นยืน ทอดสายตามองนางอย่างไม่พอใจนัก เขาส่ายหน้าเบา ๆ ด้วยเพราะใช้ไม้อ่อนก็แล้ว ไม่แข็งก็ไม่สำเร็จ เห็นทีว่าการที่จะต้องรับนางเข้ามาไว้ข้างกาย คงไม่ก่อเกิดผลดีต่อครอบครัวของตนเป็นแน่
หากนางไม่คิดผ่อนหนักผ่อนเบา ไร้สมองเยี่ยงนี้ อาจทำให้ครอบครัวของตนร้อนดั่งเปลวเพลิงแผดเผาอยู่ทุกวี่วันเป็นแน่ ถ้าไม่กำราบปราบนางตั้งแต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้ ภายภาคหน้ามีหรือที่จะเชื่อฟังเขา ดีไม่ดีอาจเหยียบศีรษะเขาก็เป็นได้
“ท่านคิดจะทอดทิ้งข้าก็เพราะนางใช่หรือไม่ ความรักของข้าที่มีต่อท่านมันไม่มีความสลักสำคัญเลยหรือ” หวังเพ่ยอิงตัดพ้อต่อว่า น้ำตาหลั่งไหลลงมาเป็นสายด้วยความคับแค้นใจมาก จนมิอาจพรรณนาจนหมดในค่ำคืนนี้ได้
เมื่อก่อนเขามักตามใจเสมอ ไม่ว่านางต้องการสิ่งใด แต่บัดนี้ เดี๋ยวนี้กลับเปลี่ยนไปราวกับพลิกหน้ามือเป็นหลังมือเสียอย่างนั้น
นางพ่ายแพ้ให้แก่ถังเหมยหลินแล้วหรือ แม้นำเอาความตายของนางมาข่มขู่ เขาก็ไม่แยแสสนใจนาง กลับเอ่ยวาจาหว่านล้อมชักแม่น้ำทั้งห้า แล้วจะทำอย่างไรดี หนทางของนางจะเดินไปอย่างไรดีเล่า ท่านพ่อกับแม่ใหญ่ก็คะยั้นคะยอให้นางเข้าจวนโจวให้ได้ ซ้ำยังต้องเป็นฮูหยินรองให้ได้อีกด้วยนะสิ
ส่วนพี่ชายก็ไม่เอาไหน ไปหาเรื่องก็ถูกเล่นงานกลับมา มิรู้ว่าเอ่ยโป้ปดหรือไม่ สหายของพี่ใหญ่ถูกถังเหมยหลินเล่นงานจนฟันหน้าหัก สตรีนางนั้นหรือจะเป็นวรยุทธ์ พี่ใหญ่คงแสร้งหลอกลวงกระมัง
ยามนี้สายตาของหญิงสาวกำลังอ้อนวอนชายหนุ่ม มือนุ่มรีบคว้าจับมือหนาเอาไว้แน่น ขอแค่ให้เขาตอบตกลง เรื่องทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น หากไม่ได้ตำแหน่งฮูหยินรองจะทำเยี่ยงไร
“หากเจ้ายังยืนกรานเช่นนี้อีก ก็คิดเสียว่าความรักของพวกเรามันไปด้วยกันไม่ได้ ให้มันจบลงเสียตั้งแต่บัดนี้เถิด” ถ้ายังไม่ยอมฟังความจากเขา ก็คงต้องทำเยี่ยงนี้ หวังว่านางจะกลับตัวกลับใจ ยอมรับฟังเหตุผลของเขาบ้าง อนาคตนางก็คือภรรยาของเขาอีกคน
หากยังไม่เชื่อฟังและดื้อดึงเยี่ยงนี้คงไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ ถ้าเทียบกับถังเหมยหลินแล้ว นางล้วนวางตัวเหมาะสมนัก ไม่โวยวายตีโพยตีพาย อีกทั้งกิริยาเรียบร้อยอ่อนหวาน ยามนี้ได้พบเห็นข้อดีของนาง และรอยยิ้มของนางช่างดูสดใสสุกสกาวพลอยทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้น
และอีกข้อหนึ่งที่ชื่นชมนางจากใจจริงคือ นางมิเคยต่อว่าต่อขานร้องไห้ฟูมฟายให้น่าเวทนา แม้ว่าเขากระทำกับนางอย่างเย็นชาเมินเฉยต่อนาง
ทว่าในทางกลับกันแล้ว เป็นเขาเสียมากกว่าที่จิตใจไม่สงบทุกครั้ง ที่ได้พบหน้าอันงดงาม แต่ดวงตาของฮูหยินกลับหม่นหมอง ยามที่เขาพูดจาประชดประชันนาง
“ไม่นะ พี่โจวท่านอย่าทอดทิ้งข้า ข้าไม่ยอมเด็ดขาด ถึงอย่างไรท่านก็ต้องแต่งงานกับข้า รับข้าเข้าไปเป็นฮูหยินรอง หาไม่แล้วข้าจะใช้มีดเล่มนี้ปลิดชีวิตตนเองให้ท่านดู” หวังเพ่ยอิงสอดมือเข้าใต้หมอน นำมีดคมกริบเล่มเล็ก ๆ จ่อยังลำคอของตน ดวงตาอาบไปด้วยน้ำตาแห่งความเสียใจ
ผสมผสานกับความเคียดแค้นชิงชัง ที่นางกำลังถูกเขาเมินเฉยเย็นชา เพียงเพราะสตรีนางนั้น หากไม่มีถังเหมยหลินสักคน จวนโจวย่อมจะต้องเป็นของนาง อำนาจทั้งหลายที่จวนโจวมีอยู่ นางย่อมได้รับสิทธิ์พวกนั้น
ลำคอขาวระหงถูกจ่อด้วยความเยียบเย็น แต่ใจของชายหนุ่มกลับมองนางด้วยความเคลือบแคลงสงสัย หากนางไม่วางแผนการเอาไว้ มีหรือที่จะซ่อนมีดเอาไว้ใต้หมอน เพื่อเรียกร้องความสนใจ
ดังนั้นไม่เพียงไม่เหลียวแล หรือขอร้องให้นางใจเย็น เขาเอ่ยขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายว่า “เจ้าลองใคร่ครวญเสียใหม่ สิ่งใดควรมิควรกระทำ มิเช่นนั้น เราสองก็คงกลายเป็นแค่อดีตของกันและกัน หากเจ้าอยากตายนัก ก็เชิญตามสบาย ข้าจะดูว่าเจ้ายอมสละชีวิตเพื่อความรักของพวกเราหรือไม่”
เขายังคงยืนมองนางครู่หนึ่ง ทว่าหวังเพ่ยอิงโกรธจัดจนควันออกหู เขาไม่ร้องขอให้นางเปลี่ยนใจ กลับส่งเสริมให้นางทำร้ายตนเองอีก “ท่านใจร้ายกับข้าเหลือเกิน ท่านไม่รักข้าแล้ว ใช่นะสิ ข้ามันคือคนนอกแล้วนี่นา มิใช่คนรักของท่านอีกต่อไปแล้ว”
ในเมื่อใช้ไม้แข็งข่มขู่เขารั้งใจเขาเอาไว้ไม่ได้ นางจึงเปลี่ยนแผน ใช้ไม้อ่อนแทน เมื่อครู่นาง ด่วนร้อนใจจนเกินไปนัก จึงทำให้โจวหย่งเล่อไม่พอใจ ซ้ำยังประชดประชันนางอีก
หวังเพ่ยอิงคลานลงจากเตียง แล้วกอดขาของชายหนุ่มเอาไว้แน่น ใบหน้าสะสวยแนบกับท่อนขาของชายหนุ่ม เอ่ยเสียงสั่นเครือด้วยความปวดร้าวว่า “ขะ...ข้าขอโทษ พี่โจวอย่าทิ้งข้านะ ข้ายอมแล้ว ข้ารอท่าน รอให้ท่านส่งเกี้ยวมารับข้า”
“เป็นเด็กดีเช่นนี้ตั้งแต่แรก ข้าก็คงไม่ใจร้ายกับเจ้านักหรอก อันที่จริงตำแหน่งอนุก็เหมาะสมไม่น้อย เรือนหอของเจ้าข้าก็ตกแต่งงดงามกว่าของฮูหยินเสียอีก อิงเอ๋อร์ อย่าได้น้อยใจไปเลย ฮูหยินจิตใจงดงามนัก ไม่เพียงไม่โกรธ ไม่โวยวาย นางยังยินดีให้เจ้าเข้ามาเป็นครอบครัวเดียวกันอีก”
เขารวบร่างบอบบางขึ้น แล้วดันนางให้นั่งลงบนเตียง มือหนากุมดวงหน้าของหญิงสาวเอาไว้ ส่วนด้านนอกลู่จินกำลังแนบใบหูฟังคำสนทนาของคุณหนู ร่วมกับคุณชายใหญ่ที่แอบฟังด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ลู่จิน กระซิบคุณชายใหญ่เบา ๆ ขึ้นว่า “เหมือนจะเงียบเสียงไปแล้วนะเจ้าคะ”
“พรุ่งนี้เจ้ารีบไปกระจายข่าวของท่านราชครู แล้วต้องให้ผู้คนทราบอย่างทั่วถึง ตำแหน่งราชครูคงจะอยู่ได้ไม่นานแล้ว ยามนั้นข้า...” เขายังคิดอยู่ว่าจะทำอันใดต่อไปดี โชคดีที่มีองค์ชายหนุนหลังเอาไว้ ซ้ำยังมอบเงินให้เขาก้อนโตอีกด้วย
“คุณชายใหญ่ หากตำแหน่งของท่านราชครูถูกปลดจะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ” ลู่จินคิดว่าไม่เหมาะนัก คุณหนูของนางอาจเสียใจก็เป็นได้ แม้จะมีตำแหน่งอนุไม่สูงส่ง แต่ก็ยังได้เป็นอนุของขุนนางเชียวนะ หากถูกปลดเป็นแค่คุณชายผู้หนึ่ง คุณหนูของนางจะเสียหน้าหรือไม่เล่า
“จะถูกปลดหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่ที่ว่า...โจวหย่งเล่อจะทำอย่างไร พรุ่งนี้จะส่งเกี้ยวมารับน้องข้าหรือไม่” เขายิ้มอย่างคนอารมณ์ดีแล้วเดินตัวปลิวออกไป เพื่อพบสหาย เพราะพรุ่งนี้มีแผนใหญ่ ที่เขาจะต้องจัดการถังเหมยหลินให้จดจำชั่วชีวิต
เขายังพึมพำอย่างอารมณ์ดีอีกด้วย “ถังฮูหยินพรุ่งนี้พวกเราจะได้เจอกันแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะยัดเยียดความเป็นชายให้เจ้าได้สมหวัง”