ตอนที่ 13 ไม่ปล่อยให้หลุดมือ
โจวหย่งเล่อเดินทางกลับจวนด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ระหว่างที่เดินออกมาจากจวนของตระกูลหวัง บังเอิญพบว่าหวังเหยี่ยนออกจากบ้านในเวลาค่ำมืด ชายหนุ่มไม่คิดอันใดมาก โดยปกติแล้วพี่ชายของหวังเพ่ยอิงนิสัยเกเรยิ่งนัก
ชายหนุ่มเดินทางด้วยอาชา มาถึงบ้านตนเองแล้ว เขาเดินไปยังเรือนนอนของฮูหยิน ด้วยความรู้สึกผิดต่อนางอย่างยิ่งยวด เมื่อเปิดประตูห้อง มีแต่ความเงียบสงบ ไร้เสียงเทียนส่องแสงสว่างแต่อย่างใด ชายหนุ่มจุดเทียนขึ้น แต่กลับพบว่าเตียงนอนของนางว่างเปล่า
ด้วยความร้อนใจและร้อนรน รีบหานางทุกซอกทุกมุมของเรือนแต่กลับไร้เงาของนาง จิตใจเขาว้าวุ่นกระสับกระส่ายนัก จึงเดินไปยังเรือนนอนของสาวใช้
อาชิงยังนอนหลับ ถูกปลุกด้วยน้ำเสียงอันกึกก้องหน้าประตู ก็รีบลุกพรวดขึ้นมา ด้วยความงัวเงียและความสงสัยใคร่รู้ ว่าเหตุใดท่านเขยจึงบุกมาเรือนนอนสาวใช้ในยามวิกาลนี้
“ท่านเขยมีอันใดหรือเจ้าคะ” ผู้เป็นบ่าวนั่งอยู่บนพื้นกับสหายในห้อง ทั้งสามต่างก็แปลกประหลาดใจนักหนา มิเคยพบเจอว่าคุณชายใหญ่จะมาเยือนเรือนสาวใช้เช่นนี้
สาวใช้นางหนึ่งมีใจคิดคดทรยศต่อฮูหยิน แอบชม้ายชายตาเล็กน้อยมอบให้ท่านราชครูที่มีสีหน้าบึ้งตึง “พวกเจ้าดูแลนางอย่างไร ปล่อยให้ฮูหยินหายออกไปจากเรือน” น้ำเสียงขึงขังดุดันยิ่ง ทำให้สาวใช้ที่ส่งสายตาพราวระยับถึงกับรีบก้มหน้าลงพื้นทันใด
ด้วยเพราะสาวใช้นางใดคิดปีนเตียงคุณชายทั้งสอง จุดจบคงไม่ต้องพูดอันใดมาก เมื่อก่อนเคยมีสาวใช้คิดปีนเตียงคุณชายใหญ่ แต่ไม่สำเร็จ กลับทำให้คุณชายใหญ่โกรธเกรี้ยวสาวใช้ผู้นั้น จึงสั่งลงโทษเอาเป็นเยี่ยงอย่างถูกโบยเกือบพิการ แล้วขับออกจากจวนแทน
สาวใช้ทั้งหลายที่คิดคดทรยศ อาจหาญปีนป่าย ย่อมได้รับโทษทัณฑ์เยี่ยงนั้น ยกเว้น...คุณชายรอง ที่มีจิตใจอันบริสุทธิ์ผุดผ่อง ชื่นชอบสาวใช้ของตน จึงรับนางเป็นอนุอย่างเปิดเผย ซ้ำยังให้เกียรติ มิได้แต่งภรรยาเอกหรือภรรยารองเข้ามา ให้อนุที่รักนั้นเสียอกเสียใจ
ทว่ากลับโชคร้ายยิ่งนัก อนุอันเป็นที่รักยิ่งของคุณชายรองได้จากไปอย่างสงบ จึงพลอยทำให้คุณชายน้อยกลายเป็นเด็กกำพร้า สาวใช้ในจวนต่างอิจฉาตาร้อน บ้างก็ชิงชังคุณชายน้อยมิได้สนใจไยดีมากนัก ถึงอย่างไรก็เป็นได้แค่บุตรชายของอนุผู้หนึ่งเท่านั้น
ยามนี้บุตรชายอนุที่ถูกกล่าวถึง กำลังนอนฝันหวาน ในห้วงนิทราฝันถึงมารดากำลังโอบกอดอยู่เคียงข้าง ซ้ำยังร้องเพลงกล่อมเด็กให้ฟังอีกด้วย น้ำเสียงไพเราะเสนาะหูยิ่งนัก ทำให้เขาหลับใหลลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ
ส่วนหญิงสาวที่กำลังถูกสาวใช้รวมถึงบ่าวรับใช้ทั้งหลายออกตามหานั้น นอนอยู่ในห้องนอนของผู้เป็นหลานชายที่มิใช่สายเลือดเดียวกัน ด้านนอกยังคงส่งเสียงเอะอะโวยวาย แทบจะทำให้ผู้อาวุโสตื่นได้กระมัง
ยังไม่ทันไร ชายชราผู้เป็นบิดาเดินออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่กลับหลบซ่อนอยู่ในมุมมืด มองดูบุตรชายกำลังร้อนใจดั่งไฟสุมทรวงอกก็ไม่ปาน
น้ำเสียงของโจวหย่งเล่อเคร่งเครียดยิ่งนัก “เจ้าเป็นสาวใช้นาง เหตุใดจึงปล่อยให้ฮูหยินหายตัวไป ออกไปตามหานางเสีย คืนนี้หาไม่พบ พวกเจ้าทุกคนต้องรับโทษ”
ขณะที่เขาออกคำสั่งมีสีหน้าเกรี้ยวกราดยิ่งนัก ดวงตาแดงก่ำเต็มไปด้วยความเสียใจ ครุ่นคิดมากมายว่า นางคงน้อยเนื้อต่ำใจเป็นแน่ จึงเลือกที่จะหนีออกจากจวนเยี่ยงนี้แล้วดึกดื่นป่านนี้แล้วนางไปหลบซ่อนอยู่แห่งหนใดกันแน่
หากพานพบกับอันตรายขึ้นมาจะทำอย่างไร นางเป็นสตรีบอบบางสะสวยเยี่ยงนั้น ชายใดได้พานพบมีหรือจะไม่เกิดอันตราย จู่ ๆ ก้อนเนื้อด้านซ้ายพลันเจ็บแปลบขึ้นมาทันที ราวกับว่ายามนี้กำลังถูกเข็มพิษนับพันนับหมื่นทิ่มแทงเสียดสีจนเกิดความเจ็บปวดทรมานขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“เร็วสิ ออกตามหาฮูหยินของพวกเจ้าให้พบ” น้ำเสียงของชายหนุ่มดังกึกก้องยิ่ง ทำให้โม่ซื่อมารดาของผู้ที่กำลังร้อนใจสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก แต่นางกลับไม่พบสามีข้างกาย
หญิงชราเองยังง่วงงุนไม่จางหาย นั่งอยู่บนเตียงเพื่อรอให้สาวใช้เข้ามารายงาน ได้ยินเสียงแว่ว ๆ ว่าให้ออกตามหา คาดว่าบุตรชายคงจะตามหาฮูหยินของตนกระมัง
ชายชราเห็นท่าไม่ดี เห็นสีหน้าอันเป็นทุกข์ของบุตรชายก็สาแก่ใจตนยิ่งนัก จะได้รู้เสียบ้าง หากของล้ำค่าหายไปจะเป็นเช่นไร เขาเองมีงานราชการมากมาย มิค่อยได้สนใจเรื่องวุ่นวายในจวนมากนัก
เพราะทุกอย่างล้วนยกให้ภรรยาเป็นผู้ตัดสินชี้เป็นชี้ตาย บรรดาบ่าวรับใช้ หรือลงโทษ กระทั่งเรื่องนอกจวนก็ล้วนเป็นนางตัดสินทั้งสิ้น รวมถึงการรับถังเหมยหลินมาเป็นลูกสะใภ้ ก็เป็นฝีมือภรรยาที่มีสายตาเฉียบแหลม มองปราดเดียวก็เดาได้แล้วว่า สะใภ้น้อยผู้นี้มีนิสัยใจคอเป็นอย่างไร
อีกทั้งเมื่อได้ตกแต่งเข้ามาก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังสักนิด กลับเป็นที่รักใคร่และเอ็นดูเสียเหลือเกิน ด้วยเพราะเขาไม่มีบุตรสาว ไม่แปลกหรอกที่ฮูหยินของตนจะรักและชื่นชอบลูกสะใภ้คนนี้
“เป็นอย่างไรหานางไม่พบหรือ” ชายชราแสร้งถาม เพราะเดินออกมาจากที่ซ่อนอยู่เมื่อครู่ มายืนขนาบข้างบุตรชาย มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
“ขอรับ ข้าคิดว่านางคงไปได้ไม่ไกล” ยามนี้เป็นห่วงนางแทบขาดใจ เดินหาด้วยตนเองจนทั่วแล้วก็ยังไม่พบ บิดาก็ช่างถามความอันใดกัน แล้วยังยิ้มได้อีก เขาร้อนใจทุกข์ใจจะแย่อยู่แล้ว
พ่อบ้านเฉิงเดินออกมาพร้อมกับชามเกี๊ยวและน้ำชา “คุณชายดื่มน้ำชา รับเกี๊ยวก่อนดีหรือไม่ขอรับ”
“ข้าไม่มีกะจิตกะใจจะกินมันลง ท่านลุงเฉิงเหตุใดจึงยั่วโมโหข้าเก่งนักนะ” เขายิ่งหงุดหงิดที่ภรรยาหาย แต่ดูบิดา กับพ่อบ้านเฉิงไม่เห็นจะทุกข์ร้อนอันใดสักนิด
อาชิงก็ไม่ออกตามหานายของตน กลับเข้าเรือนไปนอนพัก พร้อมกับเหล่าสาวใช้ ด้วยเพราะพ่อบ้านเฉิงก่อนจะออกมาพร้อมกับเกี๊ยว ที่ถือเอาไว้ ได้กระซิบกระซาบอันใดให้พวกนางได้รับฟังกัน
“คุณชายลองชิมก่อนสิขอรับ ว่าถูกใจหรือไม่ ฮูหยินน้อยเป็นคนลงมือด้วยตนเอง นายท่านกับฮูหยินใหญ่ชมไม่หยุดเลยนะขอรับ ส่วนคุณชายน้อยอิ่มจนพุงกางคงหลับสนิทแล้ว” พ่อบ้างเฉิงไม่ยอมบอกเสียทีว่าแท้จริงแล้ว ฮูหยินน้อยนอนอยู่ในห้องกับคุณชายน้อยต่างหาก
ถ้อยคำของพ่อบ้านสูงวัย ทำให้เขาถึงกับนั่งลงบนพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง เหลือบมองชามเกี๊ยวกลิ่นหอมยั่วยวนน้ำลายยิ่งนัก ยามนี้จิตใจไม่สงบจะให้เขากลืนกินมันลงได้อย่างไรกัน
เมื่อครู่สาวใช้เข้ามารายงานหญิงชราได้รับทราบ เช่นนั้นจึงเดินออกมาดูเสียหน่อยว่าสีหน้าของบุตรชายจะเป็นเช่นไร เพราะหาภรรยาไม่พบ
และพบว่าพ่อบ้านกำลังคะยั้นคะยอเกี้ยวในถาดที่ถือเอาไว้ นางจึงเอ่ยขึ้นสนับสนุนพ่อบ้านเฉิง “ลูกแม่เจ้าชิมเสียหน่อย นางอุตส่าห์ทำแล้วเก็บเอาไว้ให้เจ้า ดูสิมีภรรยาดีเยี่ยงนี้หาได้ที่ไหน
นางไม่เคยต่อว่า ยังส่งเสริมสนับสนุนเจ้าอีกต่างหาก ลองทบทวนใคร่ครวญให้ถี่ถ้วน ว่าใครกันที่คู่ควรกับเจ้า หวังเพ่ยอิงเกิดอันใดขึ้น วันนี้ถึงได้ให้สาวใช้บุกมาที่จวน เรียกร้องให้เจ้าตามนางไป มิใช่ว่า...ใช้ลูกไม้แบบเดิม ๆ เหมือนเคยหรอกนะ”
ผู้ถูกออกตามหาเดินออกมาจากห้องนอนของหลานชาย ใบหน้าของนางยังคงสะสวยเช่นเดิม ทว่าเส้นผมของนางถูกเกล้ารวบแบบหลวม ๆ ปักด้วยปิ่นไม้ธรรมดาเท่านั้น
“ท่านพี่กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ” เพราะได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย ทำให้นางสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก ก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกของสามี นางจึงสวมเสื้อคลุมรวมถึงสวมรองเท้า เดินออกมาแล้วก็พบว่าเขานั่งอยู่บนพื้น
“ข้าคิดว่าเจ้าหนีข้าไปเสียแล้ว” เขารีบเข้าสวมกอดนางด้วยความดีใจ น้ำเสียงสั่นเบา ๆ แล้วจางหายไปแล้ว ทว่าถ้อยคำของเขาล้วนออกมาจากใจทั้งสิ้น
“ท่านมีหัวใจไยข้าจะไม่มีหัวใจ แต่ยามนี้ข้าเหนื่อยที่จะวิ่งตามท่านแล้ว วันนี้ที่ไปพบนางด้วยอันใด นางเอาชีวิตมาขู่ท่านมิใช่หรือ พรุ่งนี้ก็ส่งเกี้ยวไปรับนางเข้าจวนก็แล้วกัน” นางได้เลือกแล้วว่าอยากชนะหมากกระดานนี้ จึงยินยอมให้หวังเพ่ยอิงเข้ามาเสีย
กล่าวจบนางจึงเลือกที่จะเดินเข้าไปในห้องของเสี่ยวเปา ยังไม่ทันที่นางจะเข้าผ่านพ้นประตูเสียด้วยซ้ำ กลับถูกชายหนุ่มดึงข้อมือแล้วกระชากนางเบา ๆ ร่างบอบบางมิทันตั้งตัวจึงถลาเข้ามาปะทะกับแผงอกของเขา ส่วนบิดาและมารดา รวมถึงพ่อบ้านเฉิงก็ปล่อยให้สามีและภรรยาปรับความเข้าใจกัน
“เจ้าเหนื่อยจะตามข้าแล้วหรือ ต่อไปนี้ไม่ต้องตามข้าแล้วนะ ข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้า” เขาเอ่ยเสียงเว้าวอน ออดอ้อนให้นางหายโกรธเขา ที่นางเป็นเช่นนี้ก็เพราะโกรธที่ทอดทิ้งนางให้เปล่าเปลี่ยวอ้างว้าง
“มันคือลมปากที่พร่ำป้อนหยอดคำหวาน จะสลักสำคัญเหมือนใจท่านมอบให้นางหรือ ข้าเหนื่อยแล้วอยากพักขอตัวก่อน” นางผละออกจากชายหนุ่ม ด้วยสีหน้าเย็นชา
“เดี๋ยวสิ พรุ่งนี้พวกเรา” เขาจะเดินทางไปพร้อมกับนาง และให้คนส่งเกี้ยวไปรับหวังเพ่ยอิงเข้ามาที่จวนแทน ส่วนเขาคิดว่ามิอาจทำให้ถังเหมยหลินเสียใจได้อีกแล้ว พบว่านางเมินเฉยเขาเช่นนี้ จิตใจเขาไม่สงบเอาเสียเลย ยามนางเอ่ยตัดรอน ใจหายตกไปอยู่บนพื้นเสียแล้ว รู้สึกวูบโหวงเสียเกิน
ถังเหมยหลินมองเขาด้วยสายตาที่ไม่พึงพอใจ นางจึงยืนกรานเสียงแข็งขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายว่า “ไม่มีคำว่าพวกเรา มีแค่ข้า...ที่เดินทางกลับจวนเพียงลำพัง ส่วนท่านก็ขอให้เข้าหอกับนางอย่างมีความสุข”
“เจ้าพูดจาเช่นนี้ เห็นทีว่าสามีคงต้องให้กำลังสั่งสอนเจ้าเสียแล้ว เป็นภรรยาควรเชื่อฟังสามีแต่โดยดี อย่าได้ตัดรอนเช่นนี้” เขารวบร่างนางเอาไว้ในอ้อมกอดแล้วอุ้มนางขึ้นมา เดินไปยังเรือนนอนของพวกเขา
ซึ่งเป็นห้องหอที่ไม่ได้ใช้งานเลยก็ว่าได้ จังหวะที่เป็นใจก็ถูกมารมาขัดขวางเสียทุกคราไป คืนนี้เขาจะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไปเป็นอันขาด
“ปล่อยข้านะ ปล่อยข้า” นางดิ้นหนี แต่ก็ไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน ได้แต่พร่ำต่อว่าต่อขานเขาเยี่ยงนี้
“ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้า ไม่มีทางปล่อยเจ้าให้หลุดมือเป็นอันขาด” มีหรือที่โจวหย่งเล่อจะปล่อยนางให้เป็นอิสระ หากปล่อยไปก็โง่นะสิ คืนนี้เขากับนางจะเป็นหนึ่งเดียว พรุ่งนี้และวันต่อ ๆ ไป จะไม่แยกจากนางอีกแล้ว
“ท่านมันเลวชั่วช้า” นางสบถต่อว่าไม่หยุดหย่อน อันที่จริงนางต่อว่าต่อขานเขาในใจไปหลายคำรบทีเดียว
ชายหนุ่มกดยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แล้ววางนางลงบนเตียงกว้าง กักขังเหนี่ยวรั้งนางเอาไว้ใต้ร่างอันบึกบึน ซ้ำยังเอ่ยวาจายียวนกวนโมโหนางอีกด้วย “คนเลวเช่นข้า คือสามีของเจ้า นางปีศาจน้อยของข้า คืนนี้...พวกเรา...”
แต่แววตาของเขาช่างพร่างพราวเสียเหลือเกิน รอยยิ้มร้ายกาจผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา เขาโน้มใบหน้าลงมาใกล้ ๆ แล้วจากนั้น เขาจึงค่อย ๆ เริ่มบทเพลงรักอย่างช้า ๆ อ่อนโยน ทะนุถนอม ราวกับว่ากลัวนางจะแตกสลาย
ถังเหมยหลินไม่ต่อต้านขัดคืน เพราะถูกเขาหยอกเย้ากับนางด้วยความอ่อนโยนนุ่มนวล จนนางสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นซาบซ่าน ที่เขาค่อย ๆ ปรนเปรอนางในค่ำคืนอันแสนหวานนี้
ส่วนเสี่ยวเปาถูกทอดทิ้งลืมตาโพลงขึ้นมาในความมืดมิด เขานั่งอยู่บนเตียงเพียงผู้เดียว เพราะได้ยินเสียงโวยวายของท่านลุง เขาเห็นท่านป้าไม่มาแล้ว จึงพึมพำขึ้นว่า “ท่านลุงมิใช่ว่าจะกัดท่านป้าอีกแล้วนะ แย่แล้วข้าจะต้องไปห้ามศึก!” เขารีบปีนเตียงลงมาทันใด.....