ตอนที่ 14 จะกัดท่านป้า
เสี่ยวเปาร้อนใจนัก คิดว่าท่านป้าถูกท่านลุงกัดคออีกแล้ว ด้วยเพราะเป็นเด็กไม่รู้ความจึงรีบวิ่งพรวดพราดออกจากห้องนอน พ่อบ้านเฉิงกำลังดูสำรวจความเรียบร้อยก่อนที่จะเข้าไปนอนพักผ่อน เพราะยามนี้ก็ค่อนข้างที่จะดึกมากแล้ว
ทว่าชายชรากำลังจะเดินกลับไปยังเรือนบังเอิญพบกับคุณชายน้อยวิ่งหน้าตั้ง เขาจึงรีบวิ่งตามเอ่ยถามความกับคุณชายขึ้นว่า “คุณชายน้อยจะไปที่ใดกันขอรับ นี่ก็ดึกมากแล้ว”
“ข้าเป็นห่วงท่านป้านะสิ เร็วเข้ารีบไปห้ามท่านลุงกับข้า” ท่าทางเสี่ยวเปาที่เอ่ยขึ้นมา ทำให้พ่อบ้านเฉิงรั้งแขนคุณชายน้อยเอาไว้เสียก่อน ด้วยความสงสัยยิ่งนัก
“ทำร้ายอันใดขอรับ ปกติแล้วคุณชายใหญ่มิใช่คนใจร้าย รังแกใครง่าย ๆ โดยเฉพาะฮูหยินน้อยย่อมไม่มีทางเป็นเช่นนั้น” ชายชราก็ยังไม่ปล่อยแขนของเสี่ยวเปา แม้ว่าคนอายุน้อยกว่าจะพยายามสะบัดแขนให้หลุดพ้นแล้วก็ตาม
“เหลวไหลใหญ่แล้วท่านปู่เฉิง ข้าเอาหัวเป็นประกัน เมื่อกลางวันข้ายังเห็นรอยกัดตรงคอของท่านป้าเลย ท่านลุงทำร้ายท่านป้า” เด็กน้อยกล่าวตอบอย่างใสซื่อไร้เดียงสา เพราะได้พบมาท่านป้าคอแดง ๆ แบบนั้น เขาจะทนได้อย่างไรกัน ที่เห็นว่าท่านป้าถูกท่านลุงรังแกอย่างโหดร้าย
ถ้อยคำนี้ทำให้ชายชราหัวเราะเสียงดังทีเดียว พร้อมกับย่อกายลงยกมือขึ้นป้องปากกระซิบกระซาบเรื่องของชายหนุ่มและหญิงสาว หากแต่งงานเป็นสามีภรรยากันแล้ว ย่อมต้องมีเรื่องเช่นนี้ ไม่แปลกที่เด็กน้อยอย่างเสี่ยวเปาจะไม่รู้ความ
“เสี่ยวเปาทราบแล้วขอรับ จะกลับเข้าไปนอนเดี๋ยวนี้” ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ เขาหลงเป็นห่วงแทบตาย ที่ไหนได้ท่านลุงรักท่านป้ามากนี่เอง ถ้าอย่างนั้น เขาก็รักท่านป้าเหมือนกับท่านลุงถ้าอย่างนั้น จะกัดคอท่านป้าเพื่อแสดงความรักที่มี
ท่านป้าคงจะดีใจมากแน่ ๆ
ส่วนท่านลุงและท่านป้าที่ถูกเป็นห่วงเป็นใย ยามนี้ในห้องนอนกลับมาสู่ความเงียบสงบ ไร้เสียงดังเอี๊ยดอ๊าดแล้ว ร่างบอบบางถูกกกกอดกักขังเอาไว้อย่างทะนุถนอม ชายหนุ่มเอ่ยเสียงทุ้มขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า “เมื่อครู่เจ็บหรือไม่ ข้าพลั้งมือไป”
โจวหย่งเล่อมิใช่คนใจร้าย และเห็นนางเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งเป็นห่วง นางร้องเสียงครวญครางแว่วหวาน ก็ยิ่งทำให้เขาฮึกเหิม จนหลงลืมพลาดพลั้ง สอดประสานเป็นหนึ่งเดียวอย่างรุนแรงไปเพราะความใคร่กระสันเสียวซ่าน
“เจ็บสิถามได้” นางตอบอย่างแง่งอน พร้อมกับปิดเปลือกตาลง ยามนี้ร่างกายอ่อนแรงอ่อนล้าไปหมดแล้ว น้ำเสียงจึงแผ่ว ๆ ลงไปมาก
“เช่นนั้นนอนกันเถิด พรุ่งนี้พวกเราต้องเดินทางแต่เช้า” ชายหนุ่มกระซิบเบา ๆ แล้วประทับรอยจุมพิตบนหน้าผากมนของภรรยา เพราะพรุ่งนี้ต้องเดินทางไปบ้านของนาง
และยังต้องเผชิญหน้ากับท่านหญิงและพ่อตาอีกด้วย ส่วนแม่ยายนี่มิเป็นอันใดมากนัก นางมีจิตใจงดงาม เว้นเพียงแต่ใต้เท้าถังที่มักต่อว่ายามพานพบหน้า
ครั้งนั้นใต้เท้าถังเคยวาจาต่อว่าเขา มิคู่ควรกับบุตรสาวของชายชราอีกด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้นมิได้ถือโทษโกรธเคือง ก็เพราะว่าบิดาและมารดาล้วนห่วงหวงบุตรของตนแทบทั้งสิ้น
ทางด้านหวังเยี่ยนได้นัดแนะกับเหล่าพวกพ้อง พรุ่งนี้จะต้องล้างแค้นให้จงได้ และต้องจับถังเหมยหลินมาเป็นนางบำเรอของตนให้ได้อีกด้วย ความแค้นที่ถูกนางหยามศักดิ์ รู้ถึงไหนก็อับอายถึงนั่น
ชายผู้สูงศักดิ์มีแผนการหนึ่ง ย่อมจำเป็นต้องให้หวังเพ่ยอิงแฝงตัวเข้าไปในจวนของตระกูลโจว ก็เพราะว่าเขามิอาจส่งสายลับแฝงเข้าจวนตระกูลถังได้ ดังนั้น หากจะโค่นตระกูลถังต้องให้แผนนี้เท่านั้น อำนาจในมือของโม่ฮองเฮามากขึ้นทุกที
แต่มารดาของเขามีตำแหน่งเป็นแค่กุ้ยเฟย จะทำการอันใดเพื่อส่งเสริมฐานอำนาจเขาให้ดำรงตำแหน่งรัชทายาทได้เล่า ย่อมต้องใช้แผนนี้ เพราะตระกูลโม่และถังเกี่ยวดองกับโม่ฮองเฮา ทำให้พี่ใหญ่มีอำนาจ และยังเกิดจากโม่ฮองเฮาอีกด้วย
เขาจะไม่ยอมให้พี่ชายที่อ่อนแอมีอำนาจมากกว่าตนได้อย่างไรกันเล่า หากเขาได้ครอบครองตำแหน่งองค์รัชทายาทแล้ว ย่อมมีอำนาจตัดสินใจเรื่องบางเรื่องที่สำคัญ ยามนั้นเขาจะเป็นผู้กุมอำนาจทั้งหมดของวังหลวง
หากทุกอย่างเป็นอย่างที่เขาคาดคิดละก็...ถังเหมยหลันย่อมต้องร้องไห้อ้อนวอนขอให้เขายื่นมือช่วยเหลือนาง แล้วจะใช้ผลประโยชน์นี้ ทำให้นางพลีกายให้เขาเชยชม มิใช่ชื่นชอบรองแม่ทัพจ้าวเสิ่นหยาง มิเห็นว่าจะมีดีกว่าเขาสักนิด
“องค์ชายสามพ่ะย่ะค่ะ ดึกแล้วเชิญบรรทมเถิดพ่ะย่ะค่ะ จะได้ไม่เสียพระพลานามัย” ขันทีชราเอ่ยกล่าวด้วยความเป็นห่วง ท่าทางนอบน้อมยืนก้มหน้าเล็กน้อย เกรงว่าหากพูดอันใดให้ระคายหูไป ตนเองจะถูกทำโทษอย่างหนัก อายุก็มากแล้วหากถูกโบยขึ้นมา เกรงว่าไม่อาจรักษาชีวิตเอาไว้ได้
“เปิ่นหวางยังไม่ง่วง กำลังคิดอยู่ว่า หากรับถังเหมยหลันเข้ามา จะทำอันใดกับนางดีนะ” องค์ชายสามประทับนั่งอยู่ในห้องอันกว้างขวาง มิใช่ห้องบรรทม แต่เป็นห้องหนังสือ บนโต๊ะมิได้มีตำราหรือม้วนไม้ไผ่ มีสุราหนึ่งกา กับผลไม้วางเอาไว้
นางกำนัลทั้งหลายมิได้ให้เข้ามายังห้องหนังสือ นอกเสียจากจะเป็นขันทีผู้นี้ ที่ได้รับความไว้วางใจให้เข้ามาในห้องนี้ได้ อีกทั้งในห้องนี้มีความลับซ่อนเอาไว้อยู่ในห้องลับด้านหลังของตู้วางหนังสือ
“องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ คุณหนูรองถังมิใช่สตรีอ่อนโยนแม้แต่น้อยนิด เหตุใดจึงปักใจกับนางเช่นนี้กันเล่าพ่ะย่ะค่ะ” ท่านหญิงผู้นั้นภายนอกอ่อนโยนแสนดี ทว่ากลับดื้อรั้นเสียเหลือเกิน องค์ชายสามส่งเทียบเชิญให้นางเข้ามายังตำหนัก ร่วมดื่มชาชื่นชมดอกไม้งาม แต่ทว่าท่านหญิงกลับปฏิเสธและยังฉีกเทียบเชิญต่อหน้าต่อตา
หากนำนางเข้าตำหนักมาอยู่ในฐานะพระชายา เกรงว่าอาจทำให้เขาตายเร็วขึ้นเป็นแน่ ท่านหญิงผู้นี้มีนิสัยเยี่ยงไรกัน เพียงพานพบครั้งแรกนางก็ถือตัวเย่อหยิ่งเสียเหลือเกิน มิอ่อนน้อมเอาเสียเลย
“นางยิ่งดื้อรั้นเหมือนม้าพยศนั่นสิดี เปิ่นหวางอยากกำราบนางให้อยู่ใต้แทบเท้า คนตระกูลถังช่างลำพองตนเองเหลือเกิน อีกเดี๋ยวก็คงจะได้รับข่าวร้ายแน่ ๆ”
รุ่งอรุณวันใหม่มาเยือน เสี่ยวเปาตื่นแต่เช้าตรู่ ชะเง้อคอมองไปยังห้องของท่านป้า ก็ไม่เห็นว่าจะมีเสียงใด ๆ เล็ดลอดออกมา
อาชิงสาวใช้ของคุณหนูตื่นแต่เช้าเช่นเดียวกัน นางถืออ่างน้ำล้างหน้าและน้ำบ้วนปาก ยืนเคียงข้างคุณชายน้อยด้วยความสงสัย อาชิงและเสี่ยวเปามองตากันไปมา
อาชิงเอ่ยถามว่า “คุณชายน้อย ปล่อยให้ฮูหยินนอนต่อดีหรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่ได้ ทำอย่างนั้นไม่ได้ ข้าไม่ยอมให้ท่านลุงรักท่านป้าคนเดียว” ก็เขารักของเขานี่นา ท่านลุงกัดคอท่านป้าเพราะรัก วันนี้เขาจะกัดคอท่านป้าบ้าง เพราะรักท่านป้าไม่แพ้ท่านลุง
ส่วนด้านในห้องชายหนุ่มรู้สึกตัวตื่นตั้งนานแล้ว ลุกขึ้นมาสวมเพียงแค่กางเกงเท่านั้น เส้นผมสีน้ำหมึกสยายกำจายเต็มแผ่นหลัง ทอดมองภรรยาสาวที่นอนเปลือยกายอยู่บนเตียงกว้าง ลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ เขาค่อย ๆ ดึงผ้าห่มคลุมถึงลำคอ เกรงว่าเสี่ยวเปาจะโวยวายแล้วเข้ามาโดยพลการ
โจวหย่งเล่อนั่งลงบนเตียง ความยวบยาบทำให้หญิงสาวค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างเชื่องช้า “ท่านพี่ตื่นนานแล้วหรือเจ้าคะ” นางรู้สึกถึงสายตาอันอ่อนโยนที่เขามองมา
“เจ้านอนต่ออีกหน่อยเถิด ข้าจะไปตระเตรียมของขวัญกลับบ้านพร้อมกับเจ้า” ถึงแม้วันนี้จะรับหวังเพ่ยอิงเข้ามา แต่สตรีที่นอนมองเขาตาแป๋วอยู่บนเตียงนี้คือภรรยาที่เขาคิดว่ามิได้มีใจให้นางก็ว่าได้ แต่แล้วเขากลับกลืนน้ำลายตนเอง มิอาจหักห้ามใจไม่ให้ล่วงเกินนาง แต่นางทั้งหอมทั้งแสนดี ใครจะไม่รักไม่หลงกันเล่า
“แล้วท่านพี่ไม่คิดไปรับนางหรือเจ้าคะ” หมากกระดานนี้นางสามารถคุมเอาไว้ได้ หากเขายังยืนยันคำเดิมว่า วันนี้จะเดินทางกลับบ้านพร้อมกับนาง เช่นนั้นแล้ว หวังเพ่ยอิงต้องเจ็บปวดใจเป็นอย่างมาก อยากจะรู้นักว่าสตรีนางนั้นจะใช้มารยาอันใดอีกเพื่อเรียกร้องความสนใจจากชายผู้นี้
“ข้าบอกเจ้าแล้ว ว่าจะไม่ปล่อยเจ้าให้หลุดมือ ที่ผ่านมาข้าอาจเป็นคู่หมั้นที่ไม่ดีนัก แต่ข้าจะพยายามเป็นสามีที่ดีเพื่อเจ้านะ เพื่อลูกของเรา” ยังกล่าวไม่จบและยังไม่ได้โน้มใบหน้าลงมาหอมแก้มนุ่ม ๆ ของนาง กลับถูกเสียงโวยวายของหลานชายทำลายบรรยากาศอันแสนหวานไปจนได้
“ท่านลุงออกมานะ ท่านลุงห้ามกัดท่านป้าอีก” เสี่ยวเปาไม่ทนอีกต่อไป ยกมือขึ้นทุบประตู พร้อมกับบ่นกระปอดกระแปดท่านลุง อาชิงหน้าแดงหูแดง ครั้นจะปิดปากคุณชายน้อยก็ไม่ทันเสียแล้ว ใครจะคิดเล่าว่าเสี่ยวเปาจะตะโกนคำนี้ออกมา
โจวหย่งเล่อรู้สึกมันเคี้ยวหลานชายยิ่งนัก หลงลืมไปเสียสิ้นว่า แต่งกายไม่สุภาพ เขาเดินเปิดประตูด้วยความหงุดหงิด เมื่อเปิดออกก็พบว่าเสี่ยวเปายืนหน้าตาบึ้งตึงซ้ำยังเท้าเอวจ้องเขม็งอย่างไม่พอใจอีกด้วย
“จะมากเกินไปแล้วนะเสี่ยวเปา ข้ากัดป้าเจ้าที่ใดกันหะ” ชายหนุ่มขึ้นเสียงอย่างคนหัวเสีย อาชิงรีบเผ่นหนีอย่างเร่งรีบ มิกล้าเข้าไปด้านในห้อง
เพราะเห็นท่านเขยแต่งกายไม่เรียบร้อย หน้าที่แดงอยู่แล้วก็ร้อนผ่าวขึ้นจึงต้องรีบหนีกลับไปยังเรือนของตนเพื่อสงบจิตสงบใจ นางดีใจจนเนื้อเต้นที่ในที่สุดท่านเขยกับคุณหนูของนางได้เข้าหอกันแล้ว
“ก็ที่คออย่างไรเล่า” เสี่ยวเปายังคงขึ้นเสียง แล้วก็เถียงอยู่เช่นนั้น เขาไม่ยอมท่านลุงเป็นอันขาดวันนี้เป็นไงเป็นกัน เขาจะกัดท่านป้าเพื่อแสดงความรักให้ได้ ตามที่ท่านปู่เฉิงบอกว่า ท่านลุงรักท่านป้าจึงกัดคอ เขาก็รักเหมือนกันวันนี้จะต้องแสดงความรักที่เขามีต่อท่านป้าให้ประจักษ์แก่สายตา
“เสี่ยวเปา วันนี้ข้าไม่ลงโทษเจ้าไม่ได้แล้ว” กล่าวจบก็บิดหูของหลานชาย พร้อมกับอุ้มขึ้นพาดบ่า มือหนาตีก้นเสี่ยวเปาเสียงดังไม่น้อย
เสี่ยวเปาเจ็บจนทนไม่ไหว ร้องโวยวายเสียงดัง ขอร้องให้ท่านป้าออกมาช่วย “ท่านป้าช่วยด้วย ท่านป้าช่วยด้วย ท่านลุงตีข้า กำลังจะฆ่าหลานตัวเองแล้ว”
ผู้ถูกเรียกขานนั้น ซุกอยู่ใต้ผ้าห่ม พึมพำขึ้นเบา ๆ “ขอโทษนะเสี่ยวเปา ข้าคงช่วยเจ้าไม่ได้”