“รับสายพี่ด้วย”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะที่มาส่ง” พอได้ยินเสียงเล็กขานรับเขาก็รีบออกรถทันที
หนูเล็กรีบเดินเข้าบ้านเพื่อไปจัดการพี่ชายตัวดีที่ไม่ยอมรับสายทำให้เธอต้องใกล้ชิดผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง
หากเลี่ยงได้เธอก็อยากเลี่ยง ภูผาน่ากลัวและอันตรายกว่าที่คิด พยายามทำใจให้แข็งทุกครั้งที่เขาเข้าใกล้ ไม่มีครั้งไหนเลยที่สำเร็จ รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่ได้คิดจริงจัง ก็ยัง...
“พี่เน็ต พี่เน็ตทำไมไม่รับสะ สายคะ”
“เอ่อ หนูเล็กหายดีแล้วเหรอ” กลิ่นแก้วกำลังทำอาหารอยู่ในครัว ตกใจเล็กน้อยที่อยู่ๆ หนูเล็กก็โผล่เข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว
“หายดีแล้วค่ะ สวัสดีค่ะพี่แก้ว” หนูเล็กรีบยกมือไหว้รุ่นพี่ทันที เธอไม่รู้หรอกว่ากลิ่นแก้วมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร คงมาธุระแต่ว่าธุระอะไรจะเช้าป่านนี้
“ทานมื้อเช้ามาหรือยัง เน็ตยังไม่ตื่นเลย”
“ยังเลยค่ะ แต่ไม่ขอรบกวนดีกว่า หนูเล็กขอตัวขึ้นไปหาพี่เน็ตก่อนนะคะ” กลิ่นแก้วพยักหน้าให้รุ่นน้องและหันไปทำอาหารเช้าต่อ
ก๊อก ก๊อก
เมื่อลองหมุนลูกบิดปรากฏว่าไม่ได้ล็อกน้องสาวจึงรีบเปิดเข้าไปไม่รอให้เจ้าของห้องเอ่ยปากอนุญาตก่อน
“พี่เน็ต ตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“อ้าว ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วเหรอ” น้ำเสียงงัวเงียของพี่ชายทำเอาน้องสาวควันออกหู ก่อนหน้ายังเป็นห่วงเป็นใยไปเยี่ยมทุกวัน เกิดอะไรขึ้นกับพี่ชายที่อยู่ ๆ ไม่รับสายแถมยังหลับเป็นตายขนาดนี้
“ตอบมาก่อนว่าพี่แก้วมาอยู่ในบ้านเราได้ยังไง” น้องสาวคาดคั้นเรื่องที่อยากรู้
“แก้วยังไม่กลับเหรอ”
“อะไรยังไง ยังไม่กลับก็แสดงว่ามานานแล้ว” น้ำเสียงเล็กๆ กับท่าทางอยากรู้ของน้องสาวทำให้พี่ชายอย่างเขาจนมุม พยายามจะปกปิดเอาไว้ไม่ให้ใครรู้ แต่เพราะมีบางอย่างที่ทำให้เขาตัดสินใจทำแบบนี้
“อืม เมื่อคืนพี่แก้วค้างที่นี่ กับพี่ ห้องนี้ บนเตียงนี่ด้วย”
“โอ๊ะ” หนูเล็กรีบยกมือปิดปาก เพราะเท่าที่รู้มากลิ่นแก้วพยายามหาทางใกล้ชิดภูผามาตลอด เธอก็นึกว่า กลิ่นแก้วชอบภูผาเสียอีกหรือว่าเป็นแบบนั้น
“ไม่ต้องมาตกใจ”
“ตกใจสิคะ หนูเล็กก็นึกว่าพี่แก้วชอบพี่ขาเสียอีก”
“ก็ทำนองนั้น แต่พี่มาก่อน แล้วไอ้ผาก็ไม่ได้คิดแบบนั้นกับแก้วด้วย”
“รักเขาล่ะสิ” หนูเล็กพอเดาเรื่องราวทั้งหมดออก พี่ชายคนนี้คงใกล้ได้เวลาถอดเขี้ยวแล้ว หากกลิ่นแก้วจะเข้ามามีบทบาทในบ้าน เธอก็ยินดี ดีเสียอีกจะได้มีเพื่อนผู้หญิงกับเขาบ้าง
“บ้าน่ะ แล้วนี่ภูผามาส่ง?”
“ก็ใช่หน่ะสิคะ เป็นเพราะพี่”
“โอเคๆ พี่ยอมรับผิด อย่าเพิ่งด่าตอนนี้พี่รีบ สายแล้ว ตอนเย็นค่อยเคลียร์กันนะน้องรัก”
“เป็นแบบนี้ซะทุกที”
ช่วงเย็น
“ทำไมไม่โทรมา” หนูเล็กนอนมองหน้าจอมือถือแล้วพูดลอย ๆ ไม่ได้ตั้งใจรอขนาดนั้น แต่เพราะมีคนสั่งไว้ว่าจะโทรหา เย็นป่านนี้แล้วก็ยังไม่มีสักสายหรือว่าเขาพูดเล่น
หนูเล็กตั้งใจจะไปเรียนพรุ่งนี้ ตลอดวันที่ว่างก็เก็บกวาดห้องนอน เก็บผ้าในตะกร้าซัก ไม่มีใครคอยทำให้ต้องทำเอง ส่วนเรื่องอาหารก็กดสั่งเดลิเวอรี่เอา ไม่ถนัดทำเอง มีพี่ชายก็เหมือนไม่มี บ้านไม่ค่อยอยู่ ช่วยเหลือตัวเองจนชินไปแล้ว
ระหว่างที่นอนมองหน้าจอมือถือก็ได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาจอด ทีแรกคิดว่าคงเป็นพี่ชายแต่ไม่ใช่เพราะห้องของพี่ชายอยู่ก่อนถึงห้องของเธอ
และเสียงฝีเท้าก็มาหยุดอยู่ที่หน้าห้องของตน
“ใครคะ”
“พี่เอง กินข้าวหรือยัง”
“ยังค่ะ แป๊บนึงนะคะ” เธอรีบวิ่งไปเปิดประตูแล้วก้าวเท้าออกมายืนข้างนอกพร้อมกับใช้มือดันประตูห้องปิดอย่างรวดเร็ว
“กลัวอะไร”
“เปล่าค่ะ พี่เน็ตไม่อยู่”
“พี่รู้ พี่ไม่ได้มาหาไอ้เน็ต พี่มาชวนเธอออกไปกินข้าว”
“อ่อ แล้ว”
“โทษที แบตหมดหน่ะ ก็เลยไม่ได้โทรหา” รู้ได้ยังไงว่ากำลังจะอ้าปากถามเรื่องนี้ รู้ทันทุกเรื่องเลยสินะ
“ขอเวลาเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้มั้ยคะ”
“ตามสบาย”
“พี่ขาลงไปนั่งรอข้างล่างก่อนก็ได้นะคะ”
“กลัวอะไร พี่หิวข้าวเร็วๆ เถอะ” หนูเล็กรีบปิดประตูห้องแล้วไปจัดการตัวเองทันที ชุดเดรสสีหวานกับกระเป๋าผ้าใบโปรดพร้อมออกไปกินข้าวกับรุ่นพี่ พักหลังมานี้ภูผาไม่ยอมห่างเธอเลยนอกจากไปเรียนและติดธุระ ว่างก็แวะมาหาหรือไม่ก็เรียกให้เธอไปหาตลอด
“มาแล้วค่ะ ไปกัน” น้ำเสียงสดใสหลังจากหายป่วยมาพร้อมกับรอยยิ้มที่เปรียบเสมือนแสงแดดยามเช้า ทำให้ผู้พบเห็นสดชื่นและได้รับพลังงานอย่างมหาศาล
“อยากกินอะไร”
“แล้วแต่พี่ขาเลยค่ะ ให้สิทธิ์คนหิวเลือก”
“โอเค”
เป็นมื้อเย็นที่แสนอร่อยและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของคนตัวเล็กที่นั่งฝั่งตรงข้าม
“อร่อยมั้ย”
“อร่อยค่ะ” เธอตอบกลับด้วยรอยยิ้มจนทำให้ชายหนุ่มรู้สึกใจฟูแปลกๆ เขาจะหลงเด็กคนนี้จนโงหัวไม่ขึ้นมากไปแล้ว
“พี่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
“ค่ะ”
ระหว่างนั่งรอที่โต๊ะหนูเล็กก็ได้ยินเสียงซุบซิบพูดถึงตัวเธอและรุ่นพี่ที่มาด้วยกันลอยเข้าหูมาเป็นระยะ ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่เป็นการกระทำที่เสียมารยาทเอามากๆ
“นั่นหน่ะ น้องสาวเพื่อนสนิทเลยนะ คิดว่าจะจริงจังได้แค่ไหนเชียว”
“ได้ข่าวมั้ยว่าเพิ่งสลัดเด็กแพทย์ทิ้ง”
“โห จริงเหรอ พี่ชิงชิงหรือเปล่า”
“อย่างว่าแหละทั้งหล่อแล้วก็รวย ผู้หญิงที่ไหนก็อยากได้”
“ถ้ารู้ว่าจะถูกสลัดทิ้ง แม่จะจับให้อยู่หมัดเลย ปล่อยท้องไปเลยสิคะ”
หนูเล็กส่ายหน้าให้กับเสียงนินทา เอาเรื่องคนอื่นมาพูดสนุกปากโดยไม่รู้ว่าอันไหนจริงไม่จริง สักแต่พูด ถ้าถามตัวเองว่าเชื่อแค่ไหน คงตอบได้ทันทีว่าไม่เชื่อเลยสักนิด ตราบใดที่ยังไม่ได้ยินจากปากของภูผาเธอก็จะไม่มีวันเชื่อเด็ดขาด
เรื่องที่กำลังพูดกันสนุกปากอาจจะได้ยินมาอีกทีก็ได้
“เฮ้อ”
“เป็นอะไร” ชายหนุ่มที่กลับมาจากห้องน้ำเอ่ยถามเมื่ออยู่ๆ คนตัวเล็กก็ถอนหายใจออกมาเสียงดัง
“อยากกลับบ้านแล้วค่ะ ร้านนี้อาหารอร่อยนะคะ แต่บรรยากาศไม่ดีเอาเสียเลย” พูดจบก็หันไปมองผู้หญิงกลุ่มนั้น พวกเธอหลบตาและหยิบเรื่องอื่นขึ้นมาพูดกันต่อ
“ใครทำอะไร”
“เปล่าค่ะ กลับดีกว่า”
ระหว่างทาง
“นึกยังไงพาหนูเล็กมากินข้าวคะ” เธอเอ่ยถามแล้วหันไปมองคนข้างๆ วันนี้รู้สึกว่าเขาใจดีแปลกๆ ปกติต้องหาเรื่องกลั่นแกล้งแต่ทำไมวันนี้ถึงได้นิ่งผิดปกติ
“ว่าง”
“เนื่องในโอกาสอะไรคะ ปกติเวลานี้พี่ขาต้องอยู่ร้านเหล้าที่ไหนสักแห่งกับพวกพี่เน็ต หรือไม่ก็บ้านใครสักคน” สิ่งที่เธอพูดออกมานั้นถูกหมด
“กับพวกนั้นเมื่อไหร่ก็ได้ แต่กับเธอ โอกาสแบบนี้จะหาไม่ได้อีกแล้ว” รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของหญิงสาวหายไปในทันที แวบแรกคิดว่ามีใครทำอะไรเขาหรือเปล่า ?
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” ในใจเริ่มหวั่น รู้สึกไม่ค่อยดีเมื่อเห็นอาการของรุ่นพี่แปลกไป
“พี่ต้องไปอยู่เมืองนอกหลังจากเรียนจบ”
“เรื่องแค่นี้เองประเทศอะไรคะ หนูเล็กจะได้ชวนพี่เน็ตไปเที่ยว”
“อังกฤษ”
“ค่าตั๋วไม่เล่นเลย หนูเล็กจะเริ่มหยอดกระปุกตั้งวันนี้เลยค่ะ”
เอี๊ยด!
อยู่ๆ เขาก็เหยียบเบรกกะทันหัน ทำให้คนตัวเล็กหัวทิ่มและตกใจมาก
“พี่ไม่ได้แค่ไปทำงานเว้ย ต้องไปแต่งงานกับใครก็ไม่รู้ แม่งเอ๊ย!” ภูผาเสียอาการอย่างหนัก เขาใช้มือทุบลงบนพวงมาลัยซ้ำๆ เพราะรู้สึกแย่กับสิ่งที่ตัวเองต้องทำ
“พี่ขา เจ็บมือ อย่าทำเลยนะคะ” มือเล็กรีบคว้าไม่ให้เขาทำต่อ รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดที่เขากำลังเจอเพราะภูผาไม่เคยแสดงอาการแบบนี้ให้ใครเห็นเลยแม้แต่เธอก็เพิ่งเคยเห็นวันนี้
“แม่งเอ๊ย!”
“พี่ขา อย่าค่ะ อย่าทำแบบนี้”
เธอกอดเขาไว้แน่น ไม่อยากให้เขาเจ็บตัว แม้จะเป็นกอดที่เขาไม่ต้องการเธอก็จะทำ แม้เขาไม่ได้รัก เธอก็อยากปกป้อง
“ขอโทษกับเรื่องทุกอย่างที่ผ่านมา”
“ถ้าอยากขอโทษ พี่ขาต้องหยุดแกล้งหนูเล็กนะคะ ใจดีกับหนูเล็กมากๆ นะคะ เพราะหลังจากนี้ จะไม่มีหนูเล็กกวนใจพี่ขาอีกต่อไปแล้ว”