“ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นนะคะ”
“ไม่ได้คิดแบบนั้น แล้วแกจะข้ามถนนตอนเห็นรถของฉันแล่นมาทำไม แกต้องเป็นมิจฉาชีพแน่ๆ” ชลันดาชี้หน้ากล่าวหา และก็รีบกดโทรศัพท์หาคาฟาห์
“คาฟาห์คะ ช่วยดาด้วยค่ะ ดา... ดาถูกนังมิจฉาชีพมันกระโจนขวางหน้ารถ มันกำลังจะเรียกร้องเงินจากดาค่ะ”
“ไม่ใช่นะคะ ฉันไม่ได้จะทำอะไรแบบนั้นเลย”
ปรางสิตาพยายามปฏิเสธ แต่ชลันดาไม่สนใจจะรับฟัง ยังคงฟ้องคาฟาห์ต่อไปด้วยน้ำเสียงที่ผ่านการปั้นแต่ง
“คุณต้องมาช่วยดานะคะ ตอนนี้ดาอยู่ที่...”
ชลันดาบอกที่อยู่ของตนเองเสร็จสรรพ และมั่นใจว่าคาฟาห์จะต้องมาถึงในไม่ช้านี้ เพราะตรงนี้อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมหรูของเขานัก
“แกจะไปไหนไม่ได้นะ แกต้องเคลียร์กับฉันให้รู้เรื่องก่อน”
“คือฉันไม่ได้คิดจะทำอะไรอย่างที่คุณพูดจริงๆ นะคะ แล้วที่สำคัญ ฉันก็เป็นคนได้รับบาดเจ็บ...”
“ตรงไหนยะ ฉันไม่เห็นผู้หญิงหนังหนาอย่างแกเป็นอะไรตรงไหนเลย”
ชลันดากวาดตามองร่างอรชรของปรางสิตาด้วยสายตาดูแคลน ก่อนจะพบว่าที่หัวศอกของคู่สนทนามีรอยเลือดหยดออกมา แต่หล่อนไม่คิดจะใส่ใจ
“ก็แค่แผลนิดเดียวที่ข้อศอก แต่รถของฉันต้องเบรกกะทันหัน ไม่รู้ล้อสึกไปแค่ไหน ยังไงแกก็ต้องรับผิดชอบ”
ปรางสิตาถอนใจออกมาแรงๆ อย่างโมโห หล่อนมองผู้หญิงตรงหน้าและพูดออกไปตรงๆ
“คุณเป็นถึงนางแบบชื่อดัง อย่ามาเสียเวลากับคนธรรมดาอย่างฉันเลยนะคะ ขอตัวค่ะ”
“นี่แก จะไปไหนไม่ได้นะ” ชลันดารีบตามไปคว้าแขนของปรางสิตาเอาไว้ “ห้ามไปไหนเด็ดขาด รอจนกว่าแฟนของฉันจะมาถึงที่นี่ซะก่อน”
“ปล่อยฉันนะคะ”
ปรางสิตาดิ้นแรงๆ แต่ก็ไม่หลุด จึงต้องเพิ่มแรงมากขึ้น จนทำให้ชลันดาเสียหลักล้มลงไปกองกับพื้น บั้นท้ายกระแทกพื้นแรงๆ จนร้องโอดครวญ
“แก... แกทำร้ายฉัน!”
“ฉันขอโทษค่ะ ขอตัวนะคะ”
ปรางสิตากำลังจะรีบเดินจากไป เพราะไทยมุงเริ่มเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเดินไปพบกับร่างใหญ่โตของผู้ชายคนหนึ่ง เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็ต้องช็อกค้างเป็นคำรบที่สอง
คาฟาห์...
นี่โลกมันกลมอะไรนักหนานะ?
หล่อนถึงกับอ้าปากค้าง เนื้อตัวที่สัมผัสกัน แม้จะไม่ได้แนบชิดเสียดสีกันอย่างเช่นเมื่อคืนที่ผ่านมา แต่ไอร้อนจากเรือนกายกำยำก็ส่งผ่านมายังกายสาวมากมาย จนหล่อนร้อนฉ่าไปทั้งเนื้อทั้งตัว โดยเฉพาะที่อุ้งเชิงกราน
“เอ่อ... ขอโทษค่ะ”
หล่อนผละออกห่าง และจะเบี่ยงตัวหนี แต่เขาคว้าแขนเรียวเอาไว้
“ปล่อยฉันค่ะ”
“เธอมาทำอะไรที่นี่” น้ำเสียงของเขาเลือดเย็น แต่ก็ยังไม่เลือดเย็นเท่ากับสายตาพิฆาตที่ใช้มองมา
“มันเรื่องส่วนตัวของฉัน ขอตัวค่ะ”
หล่อนกัดฟันรวบรวมแรงทั้งหมดที่มี สะบัดแขนออกจากอุ้งมือใหญ่ และเมื่อได้รับอิสรภาพ สองเท้าก็ซอยถี่ๆ พาตัวเองออกมาจากนรกขุมนั้นสุดชีวิต
คาฟาห์มองตามร่างเล็กที่วิ่งหนีไปจนลับสายตา ก่อนจะเดินแหวกฝูงชนเข้าไปหาชลันดาที่นั่งกองอยู่กับพื้น และเอ่ยถาม
“เกิดอะไรขึ้นหรือดา”
“คาฟาห์คะ นัง... นังคนนั้นมันหายไปแล้วค่ะ คนที่มันกระโจนมาขวางหน้ารถของดา แล้วก็จะเรียกร้องค่าเสียหายน่ะค่ะ”
คิ้วเข้มของคาฟาห์เลิกสูงด้วยความแปลกประหลาดใจ “ผู้หญิงคนไหนหรือ”
“ก็คน... นังคนผมยาวๆ ใส่เสื้อสีฟ้า กางเกงขายาวสีขาวยังไงล่ะคะ มันหนีออกไปแล้ว”
คาฟาห์ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะถามออกไป “แล้วก็ตัวเล็กๆ ผิวขาวๆ ด้วยใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ นังนั่นแหละ”
คำตอบของชลันดาทำให้คาฟาห์รู้ทันทีว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เขากัดกรามแน่น ลุกขึ้นยืน และไม่ได้ให้ความสนใจชลันดาอีก
“ผมว่าน่าจะเข้าใจผิดกันมากกว่า”
ชลันดากัดฟันลุกขึ้นยืน ก่อนจะตัดพ้อคาฟาห์ “ทำไมคุณถึงพูดแบบนี้ล่ะคะคาฟาห์ นี่คุณคิดว่าดาโกหกเหรอคะ”
“ผมไม่ได้คิดว่าคุณโกหก แต่คุณจะให้ผมเชื่อได้ยังไงว่าแม่หม้ายผู้มีเงินเป็นร้อยล้านพันล้านจะมาเสี่ยงตายกระโจนขวางหน้ารถของคุณเพื่อเรียกร้องเงินทองน่ะ”
“แม่หม้าย...?”
“เอาละ คราวหน้าอย่าโทร.ไปรบกวนเวลาทำงานของผมอีก ไม่อย่างนั้น เราสองคนจบกัน”
แล้วคาฟาห์ก็เดินกลับไปที่รถ และขับออกไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ชลันดายืนอึ้งด้วยความช็อก
นี่หล่อนทำอะไรผิดตรงไหนเนี่ย แล้วนังนั่นมันเป็นแม่หม้ายอะไร มีเงินได้ยังไง สภาพของมันยังกับยาจกแบบนั้น คาฟาห์กำลังเล่นเกมอะไรกับหล่อนกันแน่เนี่ย
“นี่พวกแกจะมองอะไรยะ หลีกไป ฉันจะขึ้นรถ”
ชลันดาระบายอารมณ์กับใครไม่ได้แล้วก็เลยมาลงกับเหล่าไทยมุงทั้งหลาย ก่อนจะขึ้นรถ และขับออกไปอย่างหัวเสียสุดๆ
คาฟาห์เดินมาหยุดด้านข้างของบิดา และเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“มาเรียบอกผมว่าท่านพ่อไม่ยอมกินมื้อเย็น”
ชายสูงวัยเงยหน้าขึ้นมองลูกชายที่หล่อเหลาไม่ต่างจากตนเองตอนหนุ่มแน่นแม้แต่นิดเดียวด้วยสายตาแง่งอน
“แกจะมาสนใจไยดีคนแก่อย่างพ่อทำไม”
“ท่านพ่อครับ ผมจะไม่ใส่ใจได้ยังไงกันล่ะครับ ในเมื่อท่านพ่อเป็นท่านพ่อของผม”
“แกอย่าทำมาเป็นพูดดีเลย ถ้าแกรักฉัน ใส่ใจฉัน อยากให้ฉันมีความสุข แกก็ต้องตามใจฉันบ้างสิ ไม่ใช่เอะอะอะไรก็ขัดใจแบบนี้”
“ผมขัดใจอะไรท่านพ่อหรือครับ”
โมฮัมหมัดย่นจมูกใส่ลูกชายอย่างโมโห “ยังจะมีหน้ามาถามอีก ก็แกเลือกคนมาดูแลพ่อไม่ได้หรือไง ทำไมต้องเลือกนางยักขมูขีมาดูแลพ่อด้วย นี่พ่อจะถูกกินหัววันละไม่รู้กี่รอบแล้ว แกเคยรู้ไหมเนี่ย”
คาฟาห์เป่าลมออกจากปากแรงๆ อย่างอ่อนใจ
“ผมรู้ว่าท่านพ่ออยากได้สาวสวยหุ่นบางร่างน้อยมาดูแล แต่ผมคิดว่าผู้หญิงพวกนั้นไม่น่าจะชอบการดูแลคนแก่นะครับ”
“ฉันไม่ได้ต้องการผู้หญิงหุ่นบอบบางมาดูแลสักหน่อย ฉันอยากได้หนูปรางมาดูแลต่างหากล่ะ”
“หนูปราง?”
“นี่อย่าบอกนะว่าแกลืมหนูปรางน่ะ”
น้ำเสียงจริงจังและท่าทางยิ้มหวานของบิดา ทำให้คาฟาห์ฉุกคิดขึ้นมาได้ทันควัน
“กานติมาสินะครับ”
“ใช่เลย... ถูกต้อง” โมฮัมหมัดดีดนิ้วอย่างดีใจ “แกช่วยไปตามตัวหนูปรางมาดูแลฉันหน่อยได้ไหมคาฟาห์”
“ไม่มีทางครับ” ศีรษะทุยสวยของคาฟาห์ส่ายไปมา ดวงตาคมกริบดุกระด้าง
“งั้นฉันก็จะอดข้าวประท้วง”
“ท่านพ่อครับ ยัยแม่หม้ายนั่นมีเงินถุงเงินถังมากมาย ไม่มีทางที่เจ้าหล่อนจะมารับจ้างดูแลชายสูงวัยอย่างท่านพ่อหรอกครับ เชื่อผมเถอะนะครับ มาเรียดีที่สุดแล้ว”
“ไม่เอา พ่ออยากได้หนูปราง”
“ท่านพ่อครับ”
ยิ่งเห็นบิดาแสดงท่าทางคลั่งไคล้ผู้หญิงคนนั้นมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเต็มไปด้วยความเดือดดาล และชิงชัง
“ไอ้ลูกใจร้าย เสียแรงที่ฉันตามใจแกทุกอย่าง”
บิดาของเขาสะบัดหน้าหนี แสดงกิริยาไม่ต่างจากเด็กชายถูกขัดใจเลยแม้แต่น้อย
คาฟาห์ถอนใจออกมาอย่างจนปัญญา แม้จะไม่อยากเห็นบิดาทุกข์ใจ แต่เขาก็ยอมให้ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาอยู่ในบ้านไม่ได้เด็ดขาด เพราะหล่อนคือตัวอันตราย
อันตรายทั้งต่อบิดา และทั้งตัวเขาเอง...!
“ผมจะไปยกอาหารมานั่งกินกับท่านพ่อนะครับ”
“ก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่กิน ฉันจะเข้านอนแล้ว” โมฮัมหมัดแสดงอภินิหารความแง่งอนออกมาสุดพลัง “ไปเรียกแม่มาเรียยักขมูขีมาพาฉันเข้านอนได้แล้ว”
“ท่านพ่อครับ... ผมรู้ว่าท่านพ่อไม่พอใจ แต่ผมยอมให้ท่านพ่อพาผู้หญิงพรรค์นั้นเข้ามาในบ้านของเราไม่ได้หรอกครับ ท่านพ่อโปรดเข้าใจผมด้วย”
“ผู้หญิงพรรค์นั้น มันพรรค์ไหนกัน ไหนแกลองอธิบายให้พ่อฟังหน่อยสิ คาฟาห์”
ผู้หญิงพรรค์ไหนอย่างนั้นหรือ...?
ก็ผู้หญิงสายพันธุ์แพศยาเจ้ามารยา และก็มีความสามารถพิเศษโน้มน้าวหัวใจของผู้ชายสูงวัยให้คล้อยตามได้อย่างง่ายดายยังไงล่ะ ไม่สิ... แม้แต่ผู้ชายที่ยังหนุ่มยังแน่นอย่างเขาก็ยังอดหวั่นไหวไปกับเจ้าหล่อนไม่ได้
กรามแกร่งที่มีไรหนวดของคาฟาห์ขบกันแน่นจนเป็นสันนูน ความชิงชังถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นเกราะป้องกันหัวใจกระด้างของตนเองอย่างแน่นหนา
“ก็พันธุ์ที่เห็นเงินแล้วตาโตยังไงล่ะครับ”
โมฮัมหมัดอมยิ้ม มองกิริยาของลูกชายอย่างรู้ทัน “ดูท่าทางแกพยายามจงเกลียดจงชังหนูปรางมากเลยนะ นี่แกกำลังพยายามต่อสู้กับอะไรอยู่หรือเปล่า คาฟาห์”
“ผมไม่ได้พยายามเกลียดครับ แต่ผมเกลียดแม่นี่จากใจจริงๆ เอาละครับท่านพ่อ...” ชายหนุ่มยกมือขึ้นส่งสัญญาณว่าจะไม่พูดถึงผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว “ผมจะไปตามมาเรียมาให้ แล้วท่านพ่อก็เข้านอนนะครับ อ้อ แล้วก่อนนอนก็ดื่มนมอุ่นๆ สักแก้วด้วยนะครับ”
“ฉันเป็นพ่อของแกนะ ไม่ใช่ลูกชายของแก”
คาฟาห์ฝืนยิ้มออกมา “ผมทำทุกอย่างเพราะรัก และหวังดีกับท่านพ่อครับ”
“โอเคเลยไอ้ลูกชาย... งั้นทุกอย่างที่ฉันทำลงไป หรือกำลังจะทำ มันก็เพราะฉันรักและหวังดีกับแกเหมือนกัน จำเอาไว้นะ เจ้าคาฟาห์ตัวแสบ”
คนเป็นลูกชายอมยิ้มน้อยๆ และส่ายหน้าไปมา อ่อนใจกับความแง่งอนไม่ต่างจากเด็กชายของบิดา
“ราตรีสวัสดิ์ครับ ท่านพ่อ”
โมฮัมหมัดมองลูกชายที่เดินจากไปแล้วด้วยสายตาหมายมาด ก่อนพึมพำอุบอิบในลำคอ
“เกลียดอะไรได้อย่างนั้นโว้ย เจ้าลูกชาย”