“คุณนาย... หมายความว่ายังไงเหรอคะ”
ปรางสิตาที่ถูกเรียกเข้ามาหาพบกานติมาตอนสายของเช้าวันใหม่หน้าตาซีดเผือด และก็พยายามคิดว่าตัวเองเข้าใจผิดไปเอง
“แกก็เห็นแล้วใช่ไหมว่าฉันกำลังไปได้ดีกับเดวิด”
กานติมาคงหมายถึง ชายสูงวัยต่างชาติคนเมื่อคืนที่หล่อนเห็นนางควบขย่มอยู่นั่นสินะ
“เอ่อ... ค่ะ...”
หล่อนก้มหน้าตอบ แก้มนวลแดงระเรื่อ
“ถึงเราจะเพิ่งเจอกันแค่วันเดียว แต่เราสองคนเข้ากันได้ดีมากในเรื่องเซ็กซ์ และที่สำคัญ เดวิดก็รวยมากด้วย แถม... อายุก็เยอะแล้ว ฉันชอบเขามาก”
ทั้งน้ำเสียงทั้งสายตาของกานติมาบอกให้รู้ว่ากำลังลุ่มหลงในตัวของชายสูงวัยคนนี้มากแค่ไหน
“แถมอาวุธของเดวิดก็ยังใหญ่โตมากกว่าผัวคนเก่าๆ ที่ฉันเคยใช้งานมาอีกด้วย ฉันมีความสุขมากตอนที่เราสองคนร่วมรักกัน”
“เอ่อ... ค่ะ...”
“ดังนั้นเมื่อเดวิดเอ่ยชวนฉันให้ไปอยู่กับเขาที่อเมริกา ฉันก็ตอบตกลงทันที”
“ค่ะ คุณนาย...”
ปรางสิตายังไม่ค่อยเข้าใจนักกับสิ่งที่กานติมาต้องการจะสื่อ
“ฉันคิดว่าจะเดินทางไปอเมริกาในอาทิตย์หน้า หลังจากที่พวกเราทำเรื่องวีซ่ากันเรียบร้อยแล้ว”
“ถ้า... คุณนายไปอยู่ที่อเมริกา แล้วที่นี่ล่ะคะ” ปรางสิตาละล่ำละลักเอ่ยถาม
“นี่แหละที่ฉันเรียกแกเข้ามาหา”
สายตาและน้ำเสียงของกานติมาทำให้ปรางสิตารู้สึกถึงลางสังหรณ์ใจไม่ดีเลย
“คุณนาย... มีอะไรให้จะปรางรับใช้เหรอคะ”
“ถ้าฉันไปอยู่ที่อเมริกา ฉันก็ไม่มีอะไรจะให้แกรับใช้อีกแล้วละ นังปราง”
“คุณนาย...!”
“ฉันเรียกคนใช้ทุกคนเข้ามาคุยหมดแล้ว แกเป็นคนสุดท้าย”
ปรางสิตาแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนเองได้ยิน
“คุณนาย... คงไม่ได้จะ... ปิดที่นี่ใช่ไหมคะ”
“ฉันจำเป็น เพราะฉันไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะกลับมาที่นี่อีก”
คำตอบของกานติมาทำให้ปรางสิตาเข้าใจถ่องแท้ในทันที กานติมากำลังจะไปจากเมืองไทย และทุกคนที่คฤหาสน์หลังนี้กำลังถูกเลิกจ้างงาน รวมถึงตัวหล่อนด้วย
“ฉันรู้ว่าแกเสียใจ แต่ฉันคิดว่า หากฉันไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่อเมริกา ฉันจะมีความสุขกว่าการให้ผู้คนที่นี่ก่นด่าเหมือนกับที่ผ่านๆ มา ฉันจะออกไปไหนก็ได้ โดยไม่ต้องใส่ผ้าปิดปาก หรือว่าสวมแว่นตาดำอีก แกเข้าใจฉันนะ นังปราง”
น้ำตาของปรางสิตาไหลซึมสองหน่วยตา แต่ก็พยายามฝืนยิ้มออกมาให้นายจ้าง เพราะถึงแม้กานติมาจะไม่ใช่นายจ้างที่ดีนัก แต่ก็ไม่เคยร้ายกาจจนหล่อนรับไม่ได้
“ปราง... เข้าใจค่ะคุณนาย”
“ขอบใจมาก ฉันมีเงินก้อนสำหรับแกนะ เอาไว้ไปตั้งตัวในระหว่างที่หางานใหม่ทำ”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณนาย ปราง... ขอรับแค่เงินเดือนอย่างเดียวค่ะ” ปรางสิตาเกรงใจ
“แกอย่าเรื่องมากเลย รับๆ ไปเถอะ เพราะกว่าแกจะหางานใหม่ทำได้ก็คงใช้เวลาไม่น้อยเลยทีเดียว”
น้ำตาที่แค่คลอเบ้าไหลรินออกมาอาบแก้มจนได้ ปรางสิตายกมือไหว้กานติมา
“ขอบคุณค่ะคุณนาย”
“แกไม่ต้องร้องไห้หรอก ฉันไปอยู่ในที่มีความสุข แล้วถ้าทางนั้นอยู่ตัวแล้ว บางทีฉันอาจจะเรียกให้แกไปรับใช้ฉันที่นู่นก็ได้ แกก็อย่าเปลี่ยนเบอร์มือถือล่ะ”
“ค่ะ คุณนาย”
“ถ้าเข้าใจแล้ว วันนี้ก็ออกไปติดต่อหาที่อยู่ซะให้เรียบร้อย อาทิตย์หน้าจะได้ย้ายไม่ฉุกละหุก”
“ค่ะ คุณนาย”
หลังมือเล็กของปรางสิตายกขึ้นป้ายน้ำตาทิ้ง ก่อนจะเดินออกมาจากห้องของกานติมาอย่างอ่อนแรง หล่อนไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า จู่ๆ วันนี้จะเดินทางมาถึง
กานติมาพบรักกับฝรั่งแก่ และใช้เวลาตัดสินใจเพียงค่ำคืนเดียวเท่านั้นในการย้ายถิ่นฐาน
“ปรางขอให้คุณนาย... มีความสุขค่ะ ขอให้คุณเดวิดรักคุณนายเพียงคนเดียว...”
หล่อนเสียใจ รู้สึกสิ้นหวัง และไร้ที่พึ่ง แต่กระนั้นก็ยังอวยพรให้กับกานติมาได้พบกับชีวิตรักที่ดี มีความสุข และอย่าพบกับความพลัดพรากอีกเลย
ปรางสิตาออกมาหาห้องเช่าราคาถูกเพื่อเป็นที่หลับนอนหลังจากที่ต้องย้ายออกจากบ้านของนายจ้างอย่างกานติมาในเร็ววันนี้ หล่อนเลือกห้องเช่าที่ไม่ห่างไกลจากตัวเมืองมากนัก เพราะมั่นใจว่ามันสะดวกสำหรับตนเองมากกว่าบ้านย่านชานเมือง
“ต้องจ่ายค่าจองห้องเท่าไหร่คะคุณน้า” หล่อนเอ่ยถามคนพามาดูห้องที่มีวัยสูงกว่าหลายสิบปี
“ห้าพันบาท ถ้าย้ายของเข้ามาเมื่อไหร่ ก็ต้องจ่ายเพิ่มอีกหนึ่งหมื่นบาทเป็นค่าประกันห้อง”
“ได้ค่ะ”
หล่อนไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากหยิบเงินในกระเป๋ายื่นให้กับหญิงตรงหน้าห้าพันบาท
“งั้นหนูจองห้องนี้เอาไว้นะคะ นี่เบอร์โทรศัพท์หนูค่ะ แล้วอาทิตย์หน้า ไม่เกินวันอังคาร หนูจะขอย้ายเข้ามาเลยนะคะ”
ผู้หญิงตรงหน้าของหล่อนรับเงินไปนับ เมื่อจำนวนครบตามที่ตกลงกันไว้ก็ระบายยิ้มตอบรับ
“ได้เลยจ้ะหนู แต่ก่อนมาโทร.แจ้งฉันล่วงหน้าก่อนนะ”
“ค่ะคุณน้า” หล่อนตอบรับ ก่อนจะยกมือไหว้ลา “งั้นฉันขอตัวกลับก่อนค่ะ”
“เดินทางปลอดภัยจ้ะ”
หล่อนยิ้มให้กับคู่สนทนาอีกครั้ง ขณะเดินออกมาจากซอยลึกที่เป็นที่ตั้งของห้องเช่าที่ราคาถูกที่สุดในย่านนี้ แต่ยังไม่ทันจะเดินออกไปพ้นซอย เสียงโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กยี่ห้อซัมซุงฮีโร่ของหล่อนก็กรีดร้องขึ้น มือเล็กรีบหยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกง เบอร์ที่หน้าจอไม่คุ้นเอาเสียเลย แต่ก็จำต้องกดรับสาย
“สวัสดีค่ะ”
“หนูปราง นี่ฉันเอง... โมฮัมหมัด”
เสียงแหบแห้งคุ้นหูของชายสูงวัยใจดีดังมาตามสาย และก็ทำให้หล่อนอดระบายยิ้มออกมาไม่ได้
“สวัสดีค่ะท่าน หนูไม่คิดเลยว่าท่านจะโทร.มาหาหนูจริงๆ”
“ฉันต้องโทร.สิ ในเมื่อขอเบอร์เอาไว้แล้วนี่นา” โมฮัมหมัดตอบกลับมาอย่างอารมณ์ดี “ว่าแต่หนูเถอะ เป็นยังไงบ้าง เมื่อคืนทำไมหายตัวไปเลย ฉันชะเง้อคอรอหนูจนจะเป็นญาติกับยีราฟอยู่แล้ว”
ทั้งๆ ที่ไม่สบายใจอยู่ แต่ปรางสิตาก็หลุดหัวเราะออกมาด้วยความขบขันจนได้
“ท่านมีอารมณ์ขันจังนะคะ”
โมฮัมหมัดระบายยิ้มขณะพูดต่อ “ฉันดีใจนะที่ทำให้หนูหัวเราะได้ ว่าแต่ยังไม่ตอบฉันเลยนะ เมื่อคืนหายไปไหน ทำไมไม่กลับมาหาฉันล่ะ”
“เอ่อ... คือว่าหนู...”
“หรือว่าเจ้าคาฟาห์มันรังแกเอา...” โมฮัมหมัดสันนิษฐาน “ไอ้ลูกคนนี้นี่ มันมีตาแต่ไม่เคยมีแววเลย ให้ตายสิ”
“เอ่อ... ไม่เกี่ยวกับคุณคาฟาห์หรอกค่ะท่าน หนู... หนูปวดท้องน่ะค่ะ ก็เลยต้องกลับก่อน”
“ไม่ต้องแก้ตัวแทนมันเลย ฉันรู้จักนิสัยลูกชายตัวเองดี ขออย่างเดียว หนูอย่าเกลียดมันเป็นพอ เพราะว่า...” โมฮัมหมัดหยุดพูดแค่นั้น ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องใหม่ “เอ่อ แล้วเมื่อไหร่หนูจะเปลี่ยนใจมาทำงานกับฉันล่ะ หนูปราง”
ปรางสิตาที่กำลังจะตกงานในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ชะงักเล็กน้อย ใจจริงก็อยากไปทำงานกับโมฮัมหมัด เพราะชายสูงวัยเอ็นดูหล่อน และเมตตาหล่อนมาก แต่พอคิดว่าลูกชายของเขาเป็นใคร หล่อนก็ต้องล้มเลิกความคิดนั้นไปในทันที
“คือหนู... คงไม่เปลี่ยนใจหรอกค่ะท่าน ขอบพระคุณท่านมากนะคะที่เมตตาหนู”
“ว้า... เสียดายจังเลย ฉันน่ะอยากให้หนูมาอยู่ใกล้ๆ”
หล่อนเองก็เสียดายเหมือนกัน โมฮัมหมัดไม่ใช่ชายสูงวัยทั่วๆ ไปที่หล่อนจะเข้าใกล้ได้ง่ายๆ
“หนูต้องกราบขอโทษท่านนะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอก เอาไว้ถ้าหนูไม่มีงานทำ อย่าลืมที่สัญญากับฉันเอาไว้นะ”
“เอ่อ... ค่ะ...” หล่อนจำต้องพูดปดอย่างไร้ทางเลือก
“โอเค งั้นฉันไม่รบกวนเวลาของหนูแล้วละ เอาไว้ฉันจะโทร.มาหาใหม่นะ”
“ค่ะ ท่าน”
หล่อนกล่าวลาโมฮัมหมัดเรียบร้อยแล้วก็สอดโทรศัพท์มือถือรุ่นเก๋ากึ้กใส่กระเป๋ากางเกงตามเดิม จากนั้นก็เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อที่จะออกไปที่ปากซอยให้เร็วที่สุด
เอี๊ยดดดดด...!!!
เสียงล้อรถบดครูดไปกับพื้นถนนดังลั่น พร้อมกับร่างอรชรของปรางสิตาที่ถลาล้มลงข้างถนน รถเบนซ์รุ่นใหม่ล่าสุดสีแดงสดคือคู่กรณี เจ้าของรถก้าวลงมาหาด้วยหน้าตาบูดบึ้ง
“อยากตายหรือยังไงยะ!”
ปรางสิตาเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบว่าคู่กรณีของตนเองคือชลันดา นางแบบสาวคู่ควงคนปัจจุบันของคาฟาห์ หล่อนกัดฟันลุกขึ้นยืน ก่อนจะพยายามพูดดีๆ กับผู้หญิงตรงหน้า
“ฉันขอโทษค่ะที่เดินไม่ทันระวัง”
“หึ... เดินไม่ทันระวัง หรือว่าจงใจจะเรียกค่าเสียหายจากฉันกันแน่ นังคนชั้นต่ำ”