ตอนที่ 7 พี่สาวจอมแอ๊บ

1301 คำ
ตลอดทั้งวันต้นหลิวทำงานด้วยอารมณ์ขุ่นมัวเพราะเห็นนลินชอบส่งยิ้มมาให้บ่อยครั้ง เดินเข้าบริษัทตอนกลางวันก็มักจะเจอนลินกับสายฝนอยู่ด้วยเสียทุกครั้ง การพบกันก่อนหน้านั้นไม่ได้ทำให้เธอกับคีรันมีปัญหากันมากนัก เถียงกันนิดหน่อยก็เข้าใจกันได้ ทว่าสายตาของนลินเวลามองคีรันมันทำให้เธอมั่นใจว่าอีกฝ่ายคิดไม่ดีแน่ วันนี้เป็นวันศุกร์หลังเลิกงานเธอเลือกจะรีบกลับห้องแต่ก็ไม่วายเจอนลินกับพนักงานที่มากันเป็นกลุ่ม เลิกงานแบบนี้ก็คงไปเลี้ยงฉลองต้อนรับเด็กใหม่ เธอไม่ชอบเข้าสังคมจึงเลือกจะปฏิเสธ ให้ไปนั่งกับนลินเธอไม่เอาด้วยหรอก “หลิวพี่ขอคุยด้วยได้ไหม” นลินเรียกน้องสาวพาลให้พนักงานทั้งกลุ่มหยุดเดินและถอยออกไปยืนอีกมุมรอ บริเวณนั้นจึงเหลือเพียงนลิน สายฝน เหมย และอรวิภา “รู้จักกันมาก่อนเหรอเนี่ย” เหมยเริ่มกังวลเพราะนินทาอีกฝ่ายไปเยอะพอสมควร หัวหน้าฝ่ายบัญชีเริ่มร้อนรน ว่าอีกฝ่ายน้อยเสียที่ไหน หากนลินไปเล่าให้น้องสาวฟังเธอต้องแย่แน่ “ลินเป็นพี่สาวของต้นหลิวค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับพร้อมกับมองน้องสาวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย นลินมองน้องสาวที่สวมเสื้อผ้าเนื้อดี ซึ่งต่างจากตนเองที่เป็นเพียงพนักงานธรรมดาใส่เพียงเสื้อผ้าราคาถูกเท่านั้น พนักงานหลายคนที่รอเริ่มจับสังเกตสีหน้าได้ บางคนก็ทำเป็นเดินเฉียดไปฟัง บางคนมีมารยาทก็ถอยห่างนั่งรอเงียบ ๆ “พี่สาวเหรอ ไม่เห็นบอกกันบ้างเลย” อรวิภานึกแปลกใจในความสัมพันธ์ของสองพี่น้อง ต้นหลิวดูดีจนแทบไม่อยากจะเชื่อว่ามีพี่สาวเป็นพนักงานบัญชีอย่างนลิน นิสัยก็ดูต่างกันมาก ต้นหลิวกล้าคิดกล้าตัดสินใจ เธอเป็นผู้หญิงทั้งสวยและเก่ง ตรงข้ามกับนลินที่ดูเรียบร้อยกว่า รูปลักษณ์ภายนอกยิ่งไม่ต้องพูดถึง ต้นหลิวสวยและไม่มีส่วนไหนคล้ายกับนลินเลย นลินไม่ใช่คนขี้เหร่แต่หากมาเทียบกันต้นหลิวนั้นสวยจนผู้หญิงด้วยกันยังอิจฉา “หลิวไม่ได้นับผู้หญิงคนนี้เป็นญาติหรอกนะคะ เธอไม่ต้องมาทักหรืออยากรู้จักฉันนลิน” แค่เดินผ่านไปจะตายกันหรือไง เสียเวลาต้องมายืนหายใจใกล้ ๆ แบบนี้โคตรขยะแขยง “ลินเป็นพี่สาวแกนะนังหลิว” สายฝนตะโกนเสียงดังด้วยเห็นว่าต้นหลิวกำลังมองเหยียดพี่สาวตัวเอง ท่าทางเหมือนคนลืมกำพืดของต้นหลิวทำให้สายฝนรู้สึกเกลียดอีกฝ่ายมาตลอด วางท่าผู้ดีทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร ตั้งแต่สมัยเรียนก็เที่ยวร่านแย่งผัวคนอื่นไปทั่ว เธอกับนลินแค่สั่งสอนเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำเป็นเกลียดจนไม่อยากยุ่งด้วย ทำตัวเว่อร์ไม่มีใครเกิน! “…” ต้นหลิวไม่ตอบแต่หันมาจ้องหน้าสายฝนคล้ายกับกำลังถามว่า ‘แล้วไง’ อีพี่สาวคนนี้มันมีบุญคุณอะไรให้ต้องซาบซึ้งถึงต้องเคารพมัน แค่ทำตัวเป็นคนยังทำไม่ได้…แต่ดันอยากรับบทพี่สาวผู้รักน้อง “ได้ดีแล้วหยิ่งเหรอ ลืมพ่อแม่พี่น้องเลยสินะ” สายฝนมองเหยียดกลับพร้อมกับเตรียมจะต่อว่าต้นหลิวทว่านลินห้ามไว้ก่อน “ฝนอย่าว่าหลิวเลยนะ เราผิดเองที่ใจร้อนรีบทักน้อง หลิวคงอายใช่ไหมที่มีพี่จน ๆ แบบลิน พี่ขอโทษนะหลิว” นลินน้ำตาไหลพรากขอโทษน้องสาว “ไม่ต้องมาเล่นบทนางเอกแถวนี้หรอก แกมาทางไหนไสหัวกลับไปทางนั้นเลย” หญิงสาวพูดเสียงลอดไรฟันชี้นิ้วไล่โดยไม่แคร์เหมยที่ยืนฟังอยู่ หัวหน้าฝ่ายบัญชีคนนี้ไม่ชอบเธอนัก นับว่านลินคิดมาดีที่อยู่ติดกับเหมยเพราะจะรู้ความเคลื่อนไหวเธอทั้งหมด ป่านนี้คงเอาเรื่องในอดีตไปนินทาจนหมด “หลิวพี่ต้องทำงานเพื่อเอาเงินไปรักษาพ่อ ฮึก ที่พี่เข้ามาทักเพราะอยากให้หลิวลดดอกเบี้ยให้หน่อยได้ไหม” ดอกเบี้ยเงินกู้ที่เธอกับพ่อแม่กู้ต้นหลิวมา ตอนนี้จวนจะส่งไม่ไหว สามปีที่แล้วพ่อประสบอุบัติเหตุจึงบากหน้าขอความช่วยเหลือจากต้นหลิวผู้เป็นน้องสาว ทว่านอกจากโดนด่ากลับมายังเอาสัญญาเงินกู้ที่พ่อเคยเป็นหนี้มาขู่ด้วย ตอนนั้นแม่ก็ไม่เงินจึงเอ่ยปากขอหยิบยืม เธอและแม่จึงติดหนี้ต้นหลิวและต้องส่งดอกทุกเดือน “ฉันต้องรับรู้ด้วยเหรอ” เป็นหนี้แต่ไม่อยากจ่าย เอาสมองส่วนไหนมาคิด เงินทุกบาทเธอหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง เธออยากเอาไว้ใช้สุรุ่ยสุร่าย เอาไว้โยนทิ้งมันก็สิทธิ์ของเธอหรือเปล่า “แกเลวมากนังหลิว พี่น้องเดือดร้อนแทนที่จะช่วยเหลือ” สายฝนลูบหลังเพื่อนที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นหนักขึ้นเรื่อย ๆ “สงสารทำไมไม่ช่วยอะ ขี้เกียจตัวเป็นขนหัดทำงานบ้างจะได้รู้ว่าเงินแต่ละบาทมันมีค่า” ยืนแบมือขอเงินคนอื่นตลอดชีวิตมันใช้ได้เหรอ นลินเองก็เรียนจบก่อนเธอด้วยซ้ำ อายุก็มากกว่าทำไมไม่เลี้ยงพ่อแม่มันเองถ้ากตัญญูรู้คุณนัก อยากเป็นนักบุญแต่ใช้ทุนอีต้นหลิวคนเดียวก็ไม่ไหว “แต่งตัวดีมีรถหรู ๆ ขับแต่ทิ้งให้พี่สาวเลี้ยงพ่อแม่อยู่คนเดียว อีคนเนรคุณ” เสียงด่าทอของสายฝนเริ่มดังจนพนักงานมองเยอะขึ้น “ฮึก ๆ พอเถอะฝน ฮือ ๆ ลินจะหาทางช่วยพ่อเอง ฮึก หลิวไม่ช่วยก็ไม่เป็นไรหรอกนะ แต่ไปเยี่ยมพ่อบ้างได้ไหม” หญิงสาวขอร้องเพราะไม่รู้จะเอาชีวิตรอดต่อไปอย่างไร บ้านที่อยู่ก็กำลังจะโดนยึด หนี้นอกระบบที่อื่นก็มีอีกมาก ชีวิตของเธอและพ่อแม่มาอยู่ในจุดย่ำแย่ที่สุด เงินทองที่เคยมีก็เริ่มหดหายเพราะต้องเอามารักษาตัว จากที่ไม่ต้องทำงานก็ต้องดิ้นรนหางานทำ “ฉันไม่ว่างขนาดนั้นหรอก พ่อแกแกก็เลี้ยงดูเอาเองแล้วกัน ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนยอดกตัญญู” แววตาเฉยชาของต้นหลิวสร้างความประหลาดใจให้อรวิภาอยู่ไม่น้อย ต้นหลิวแม้จะดูนิ่ง ๆ ไม่สุงสิงกับใครแต่สำหรับอรวิภาเธอรับรู้ได้ว่าหญิงสาวเป็นคนดีคนหนึ่ง ปัญหาระหว่างต้นหลิวกับนลินดูจะหนักหนา หนักชนิดที่ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งเลือกจะมองพี่สาวตัวเองด้วยสายตาไร้เยื่อใยแบบนี้ “หลิวพี่ขอร้อง ฮึก ๆ” นลินนั่งคุกเข่าพร้อมกับยกมือไหว้ต้นหลิว เธอเห็นพนักงานหลาย ๆ คนกำลังสนใจและยิ่งไปกว่านั้นคือท่านประธานหนุ่มก็มองมาเช่นเดียวกัน “ลุกขึ้นมาถ้าไม่อยากเดือดร้อนกว่าที่เคยเป็น ลาออกไปซะจะดีกว่า” ต้นหลิวสั่งด้วยน้ำเสียงจริงจัง นลินจำต้องลุกขึ้นยืนเพราะไม่กล้าขัดใจน้องสาว ต้นหลิวในตอนนี้ไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว ต้นหลิวคนนี้ทำได้ทุกอย่าง หญิงสาวทิ้งท้ายและไม่ได้อยู่ต่อปากต่อคำกับสองคนนี้ให้ปวดหัว เธอถือว่าได้เตือนอีกฝ่ายแล้ว ถ้าไม่ฟังก็เตรียมรับผลของตัวเองได้เลย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม