“หยุดมองฉันด้วยสายตาแบบนี้นะ”
“ทำไมล่ะ น่าเกลียดเหรอ”
“ตรงข้ามต่างหาก”
“...”
“ขอร้องล่ะ ช่วยเข้าใจหน่อยเถอะว่าฉันกำลังอดทนมากขนาดไหน”
ฉันไม่เข้าใจในสิ่งที่ราฟาเอลพูดเลยสักนิด แต่ดูจากสีหน้าของเขาแล้วเหมือนเขากำลังอดทนกับอะไรบางอย่าง มีเรื่องอะไรในใจหรือเปล่านะ
“ราฟ...”
“อะไรเล่า”
“จูบได้ไหม”
“!!!”
“เอ่อ...ถะ...ถ้านายไม่อยากจูบก็...อื้อ!!!”
ยังพูดไม่ทันจบ ราฟาเอลก็โน้มตัวลงมาประกบปากจูบฉันอย่างดูดดื่ม ครั้งนี้เป็นจูบที่ร้อนแรงกว่าทุกครั้งที่เคยจูบมา ลิ้นของเขากวาดต้อนไปทั่วโพรงปาก สองแขนของฉันถูกเขาตรึงไปกับเตียงจนขยับไม่ได้ ร่างกายท่อนบนที่เปลือยเปล่าของอีกฝ่าย สัมผัสกับร่างกายบางส่วนที่ไร้เสื้อผ้าปกปิดของฉัน
ร้อน...
...ทำไมร้อนอย่างนี้นะ
“คืนนี้....ค้างที่นี่ได้ไหม”
เขาถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่งก่อนจะเอ่ยคำถามนั้นด้วยน้ำเสียงอ้อนหน่อยๆ นานทีปีหนจะได้เห็นหมาป่าจอมเจ้าเล่ห์อย่างราฟาเอลในโหมดนี้ อยากจะถ่ายคลิปเก็บไว้ดูชะมัด
“ได้สิ เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จแล้วจะแอบข้ามมานะ”
“อ่า...ให้ตายสิ ไม่อยากแยกจากสักวินาทีเลย”
เขาทิ้งตัวนอนลงข้างๆ แล้วดึงฉันเข้าไปกอดไว้แน่น กดศีรษะของฉันให้ซุกลงกับอกกว้าง ฉันเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกันนะ ฉันเอง...ก็ไม่อยากจะแยกจากสักวินาทีเหมือนกัน
[นั่นน่ะเขาเรียกว่าคิสมาร์ก!]
เสียงยัยแยมแหลมปรี๊ดออกมาจากปลายสาย เมื่อฉันถ่ายรูปบริเวณที่ถูกราฟาเอลทำรอยเอาไว้ส่งให้แยมกับมิ้นต์ดู แยมที่เห็นข้อความก่อนใครเลยรีบโทรมาเมาส์
“คิสมาร์ก? คืออะไรเหรอ”
[ถ้าพูดภาษาชาวบ้านก็รอยดูด แต่ถ้าจะพูดให้เข้าใจถึงความหมายที่แท้จริงของคิสมาร์กเลยก็คือ...มันเป็นสัญลักษณ์ที่ผู้ชายจะทำกับผู้หญิงของเขา]
แยมอธิบาย ขณะที่ฉันกำลังคิดหาวิธีที่จะปกปิดรอยแดงที่ต้นคอ ไอ้จุดอื่นๆ พอจะใส่เสื้อผ้าปกปิดไว้ได้อยู่หรอก แต่ที่ต้นคอเนี่ยสิปัญหา ไม่รู้จะแก้ยังไงดี
[อารมณ์เหมือนว่า เธอเป็นของฉัน ทำนองนั้นน่ะ เป็นการแสดงความเป็นเจ้าของอย่างหนึ่ง]
“ละ...ล้ำลึกมาก ทีแรกฉันนึกว่าฝีดาษลิงซะอีก”
[ฝีดาษลิงบ้านเธอสิยะเป็นจ้ำแดงๆ นี่....พูดก็พูดเถอะนะ พวกเธอคบกันมาตั้งหลายปีแต่ก็ยังไม่เคยนอนด้วยกันเลยใช่ไหมล่ะ]
“ไม่นะ พวกเรานอนด้วยกันประจำเลย คืนนี้ฉันก็จะไปนอนที่ห้องเขา เห็นแบบนี้แต่พวกเราก็ตัวติดกันจะตายไป”
ฉันรีบปฏิเสธและแก้ความเข้าใจผิดของยัยแยม ความหวานของคู่เราก็ไม่น้อยไปกว่าคู่ของใครเลยนะ
[ไม่ใช่แบบนั้นย่ะ ฉันหมายถึงนอนแบบดึ๊บๆ กันอะ]
“ดึ๊บๆ?” ทำไมในหัวถึงมีภาพหนอนชิเมโจได๋โผล่ขึ้นมาได้นะ
[โอ๊ยยยย หมายถึงเอากันจ้าเอากัน เธอกับราฟาเอลยังไม่ได้เอากันเลยใช่ไหมล่ะ]
“ยัยแยม! พูดบ้าอะไรเนี่ย ของแบบนั้นจะไปเคยไดยังไงกันเล่า”
แค่จูบฉันก็ระทวยแล้วเหอะ ถ้าโดนมากกว่านั้นล่ะไม่อยากจะคิด...
...สู่ขิตแน่นอน
[ไม่ได้การแล้วนะยัยซัน คบกันมาขนาดนี้แล้ว เธอจะมาทำหน้าระรื่นพอใจกับอีแค่นอนจับมือกันแล้วหลับไปไม่ได้! ทั้งที่เขาเที่ยวนอนกับคนอื่นไปทั่วแบบนั้น แต่กับเธอที่เป็นแฟนยังไม่เคยได้กันเลยสักครั้ง แบบนี้ต้องเผด็จศึก!]
[ใช่ ต้องเผด็จศึก!]
ยัยมิ้นต์ที่ไม่รู้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ กดเข้าร่วมประชุมในสายสนทนาเห็นด้วยกับความคิดของแยม
“พวกเธอหมายความว่าไง”
ฉันถามเสียงสั่น เริ่มกังวลแล้วว่าจะต้องเรื่องราวยุ่งๆ ตามมาอีกเป็น กระบุงแน่นอน
[หมายความว่าเธอต้องนอนกับราฟาเอลให้ได้ไงล่ะ นอนที่หมายถึงเอากันน่ะ!]
แยมบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง นี่ใช่ลำไส้คิดกันหรือไงยะ อยู่ดีๆ จะให้ไปบอกเขาว่า ‘มาเอากันเถอะ’ งั้นเหรอ มีหวังถูกจับโยนลงมาจากชั้นสองแน่ๆ
[ยัยแยมพูดถูก ไม่แน่นะ ถ้าเขาได้นอนกับเธอ เขาอาจจะเลิกนอนกับผู้หญิงคนอื่นเลยก็ได้ มาคิดๆ ดู ที่เขาไปเอากับผู้หญิงคนนั้นที คนนี้ที อาจเพราะแค่อยากระบายอารมณ์ก็ได้ แบบ...เวลามีอามณ์ทางเพศขึ้นมา แต่นอนกับแฟนตัวเองไม่ได้ เลยหาผู้หญิงอื่นมาระบายความใคร่ทำนองนั้น]
คำพูดของมิ้นต์ทำให้ฉันเริ่มคิดตาม
จริงหรือเปล่านะ ถ้าฉันนอนกับราฟาเอล เขาจะหยุดแตะต้องผู้หญิงคนอื่นใช่ไหม...
[ลองดูก็ไม่เสียหายนะ ยังไงพวกเธอก็เป็นแฟนกันอยู่แล้ว นอนด้วยกันมันเรื่องปกติจะตาย] แยมย้ำ
“แต่ฉันไม่รู้ต้องเริ่มยังไงนี่”
[ไม่ยาก เดี๋ยวพวกฉันเทรนด์ให้!]
มิ้นต์พูดขึ้นอย่างมั่นใจ แปลว่าคืนนี้ฉันจะต้องเตรียมตัวตกเป็นของ ราฟาเอลอย่างนั้นสินะ คะ...แค่คิดก็ตื่นเต้นจนเลือดกำเดาจะไหลแล้ว!
[เหลือเวลาอีกกี่ชั่วโมงที่เธอต้องไปห้องของหมอนั่น]
“นัดไว้ตอนสี่ทุ่มน่ะ อีกประมาณสองชั่วโมง ทำไมเหรอ”
[เดี๋ยวพวกฉันไปหา] ยัยแยมบอก
“เดี๋ยวสิ ถึงกับต้องมาหากันถึงที่เลยเหรอ”
[แน่นอนสิ เพื่อนจะมีผัวเป็นตัวเป็นตนทั้งที รุ่นพี่เรื่องบนเตียงอย่างพวกฉันก็ต้องไปเทรนด์ให้ถึงที่สิจ๊ะ]
ยัยมิ้นต์ตอบ พวกเธอเพิ่งอยู่ปีสามเองนะ อะไรจะทำตัวกร้านโลกกันขนาดนี้!
[แค่นี้แหละ เดี๋ยวไปหา]
แล้วทั้งสองคนก็ตัดสายไป
เดี๋ยวก่อนนะ แบบนี้ก็หมายความว่าคืนนี้ฉันจะ...
เสียตัวให้ราฟาเอลงั้นเหรอ!