หลังจากไม่มีของให้เขวี้ยงและฟ้าพราวก็ขี้เกียจเก็บ
เธอจึงนั่งลงสงบสติอารมณ์เอาไว้ “ฉันจะบอกอะไรให้”
“ว่า?”
วิณณ์หอบทุกสิ่งที่รับไว้ด้วยสองมือวางลงบนโต๊ะหน้าโซฟา
ฟ้าพราวสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วกัดฟันพูดชัดถ้อยชัดคำ “ฉันมีคู่หมั้นแล้ว เราสองคนไม่มีทางเป็นไปได้”
ชายหนุ่มเลิกคิ้ว “คู่หมั้น?”
“ใช่!”
หญิงสาวจำเป็นต้องยกคู่หมั้นที่ยังไม่เคยเห็นหน้าคนนั้นขึ้นมาเป็นเกราะป้องกันเพื่อไล่เจ้าคนฉวยโอกาสตรงหน้าไปไกลๆ
“เพราะฉะนั้น คุณเลิกยุ่งกับฉันซะ เรื่องระหว่างเราให้จบตรงนี้เวลานี้ เจอหน้าไม่ต้องทัก เราไม่เคยรู้จักกัน ไม่เคยเกิดอะไรขึ้นระหว่างเราทั้งนั้น ฉันกำลังทำผิดต่อคู่หมั้น ฉันไม่อยากให้เขาเสียใจไปมากกว่านี้”
วิณณ์ได้ฟังยิ่งนึกขำทั้งยังนึกสนุก “แต่เธอเสียความบริสุทธ์ให้พี่แล้ว คู่หมั้นเธอคงไม่โง่มั้ง เขาไม่มีทางไม่รู้ว่าเธอไม่ซิง”
ฟ้าพราวสูดลมหายใจระงับอารมณ์เป็นครั้งที่ร้อย “ฉันจะบอกกับเขาตามตรง ไม่มีทางโกหกแน่”
“อ้อ...” ชายหนุ่มพยักหน้าถามยิ้มๆ “แล้วถ้าเขารับไม่ได้ จนถอนหมั้นเธอล่ะ”
หญิงสาวโพล่งตอบ “ก็ดีนะสิ”
“...”
ฟ้าพราวรู้ตัวว่าหลุดปากเรื่องไม่เป็นเรื่องเข้าแล้วจึงลุกขึ้นแล้วจับคนตัวโตให้ออกไปจากห้องอีกครั้ง
ในใจคิดว่าจะสลัดผู้ชายตรงหน้าอย่างจริงจังและยังจะหาเหตุผลไปยกเลิกการหมั้นอย่างเด็ดเดี่ยว
เธอไม่ควรพูดมาก แต่ต้องรีบทำ
เมื่อทั้งผลักทั้งดันร่างสูงกล้ามแน่นจนพ้นประตูห้องแล้วปิดประตูดังปึง
ฟ้าพราวจึงไม่มีโอกาสได้เห็นแววตาเจ้าเล่ห์ของวิณณ์
ชายหนุ่มผู้ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นคู่หมั้นของฟ้าพราว...
วิณณ์เดินกลับเข้าห้องของตัวเองพลางครุ่นคิดถึงคู่หมั้นของตนตลอดเวลา
มารดาเพิ่งเล่าให้ฟังว่าฟ้าพราวเป็นลูกสาวของน้าฝ้าย
เมื่อหลายปีก่อนตอนที่ครอบครัวของเขาแตกแยกย่ำแย่ พ่อเดินผิดทางไปหลงเมียน้อยจนขอหย่ากับแม่ ตอนนั้นแม่ร้องไห้เสียใจจนไม่เป็นผู้เป็นคน เขาเองที่ยังเด็กไม่สามารถช่วยอะไรแม่ได้ ตายายก็ไม่มีใครอยู่บนโลกนี้แล้ว
ปู่ย่าไม่ต้องพูดถึง พวกท่านเข้าข้างพ่อของเขาไม่ลืมหูลืมตา
โชคดีที่บริษัทเป็นสินเดิมของแม่ พ่อที่แม้ครองตำแหน่งท่านประธานจึงยินยอมไปตัวเปล่าอย่างเย่อหยิ่งในศักดิ์ศรี
ท่านนำเงินเก็บที่มีมากมายแยกไปสร้างครอบครัวใหม่ หอบประสบการณ์ที่สั่งสมไปก่อตั้งบริษัทใหม่ อยู่อย่างมีความสุขกับผู้หญิงคนใหม่ โดยทิ้งรักแท้ครั้งเก่า ทิ้งแม่กับเขาไว้เบื้องหลัง
เขากับแม่อยู่อย่างคนไร้ค่า ไม่มีราคาให้พ่อต้องใส่ใจ
น้าฝ้ายที่ตอนนั้นเป็นเลขาฝีมือดีของพ่อ ไม่ยอมตามพ่อไป แต่กลับอยู่กับแม่
น้าฝ้ายช่วยแม่ที่คิดสั้นฆ่าตัวตายได้อย่างหวุดหวิด
จากนั้นก็ดูแลแม่ ประคับประคองแม่ ช่วยดูแลงานบริษัทจนแม่พอหยัดยืนได้อีกครั้ง กระทั่งน้าฝ้ายประสบอุบัติเหตุกับสามี แม่จึงเหลือแค่เขา เราอยู่กันตามประสาแม่ลูกที่ถูกทิ้ง
ทันทีที่วิณณ์รู้จากปากมารดาว่าติดสินใจจับคู่ให้หมั้นหมายกับลูกสาวน้าฝ้ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาจึงตามสืบว่าเธอที่ไหน จากนั้นก็เข้าหาเธอทันที
แต่ท่าทางของเธอเมื่อคืนนี้เห็นได้ชัดเจนว่าเสียใจมาก เธอพลั้งปากพูดตอนเมาว่าไม่อยากหมั้น เขาถึงขั้นพูดอะไรไม่ออก อยากแนะนำตัวตามตรงก็ไม่กล้า ได้แต่นั่งดื่มเป็นเพื่อนเธอเงียบๆ สุดท้ายเราสองคนก็จบที่เตียงอย่างงุนงง
โคตรโชคดีที่เราสองคนเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน อยู่คอนโดเดียวกัน เพียงแต่เขาไม่เคยรู้ว่าคนที่อยู่ห้องตรงข้ามคือฟ้าพราว ลูกสาวของน้าฝ้ายก็เท่านั้น
วิณณ์ยกยิ้มมุมปากยามคิดถึงฟ้าพราว
ที่จริงเขาก็แอบมองเธออยู่เป็นบางครั้ง เห็นตั้งหน้าตั้งตาเรียนแล้วก็เรียน ออกจะหยิ่งๆ ก็เลยไม่จีบ
สุดท้ายกลับเป็นลูกสาวของน้าฝ้ายผู้ที่เขานึกขอบคุณเสมอ แล้วเธอก็กลายเป็นคู่หมั้นของเขาอย่างไม่น่าเชื่อ
แต่ขอแกล้งเธอนิดหน่อยคงไม่เป็นไรละมัง
คนที่ถูกคู่หมั้นตัวเองคิดถึงและคิดแกล้งยังคงไม่รู้ตัว เธอรีบนั่งแท็กซี่กลับบ้านของลุงกับป้าทันทีเพื่อบอกกล่าวเรื่องราวผิดพลาดตามตรงอย่างไม่คิดปิดบังหรือโกหกใคร
นุ่นเป็นพี่สาวของฝ้าย เธอกับสามีทำธุรกิจรีสอร์ทอยู่ต่างจังหวัดแต่มีบ้านอยู่ที่กรุงเทพหนึ่งหลัง โดยให้ลูกชายกับลูกสาวอยู่เป็นหลัก เด็กทั้งสองเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้นกับมัธยมปลาย
ส่วนฟ้าพราวที่ได้รับการอุปการะจนโตย้ายมาอยู่คอนโดใกล้มหาวิทยาลัยได้เกือบสี่ปีแล้ว
ทันทีที่หญิงสาวลงจากแท็กซี่แล้วเดินเข้าบ้าน น้องชายและน้องสาวต่างก็ดีใจวิ่งออกมารับ
นนท์ ลูกชายคนเล็กของป้านุ่นวิ่งโห่ร้องมาแต่ไกล จนคนถูกเรียกว่าฮีโร่ต้องยกมือขึ้นกุมขมับ
แนนนี่ เดินมาสมทบน้องชาย สาวน้อยยิ้มหวาน
“พี่ฟ้าเข้ามานั่งก่อน ดื่มน้ำเย็นๆ กินขนมอร่อยๆ นะคะ”
เอาอกเอาใจกันสุดๆ แบบนี้ ย่อมเป็นเพราะเรื่องสินสอดทองหมั้นที่ป้านุ่นได้รับเพื่อฟื้นฟูสถานภาพครอบครัวให้ดีขึ้น
สองพี่น้องยืนยิ้มแป้นมองพี่สาวตาแป๋ว ฟ้าพราวมองตอบอย่างพูดอะไรไม่ออก เธอชอบรอยยิ้มของน้องๆ ที่สุด
“เย้! พี่ฟ้ากลับมาแล้ว พี่ฟ้าผู้เป็นฮีโร่ของครอบครัว”
แนนนี่มีความฝันอยากเรียนแพทย์ เป็นหมอหญิงเก่งๆ ส่วนนนท์อยากเรียนวิศวะ พวกเขาสองพี่น้องตั้งใจเรียนมาตลอด ไม่เคยทำตัวเกเร เชื่อฟังพ่อแม่แล้วก็เชื่อฟังเธอด้วย