หลังจากอาบน้ำใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย
ฟ้าพราวจึงรีบออกไปหาซื้อยาคุมฉุกเฉินมากินเป็นการด่วน ก่อนกลับเข้าห้องมานั่งห่อเหี่ยว ครุ่นคิดอยู่คนเดียว
เมื่อคืนเธอกำลังเฮิร์ทหนักจึงไปนั่งที่ผับแล้วดื่มเหล้าจนเมา
สาเหตุที่ทำให้คลุ้มคลั่งก็เพราะลุงกับป้าตบปากรับคำให้เธอหมั้นกับใครก็ไม่รู้ พวกเขารับสินสอดทองหมั้นมาแล้วดิบดี คุยและตกลงกันเสร็จสิ้นสมบูรณ์ เธอที่รู้เรื่องนี้ก็แทบล้มทั้งยืน
‘ฟ้าก็รู้ ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน รีสอร์ทที่ลุงทำก็กำลังย่ำแย่ ไม่มีคนเข้าพักเลย พนักงานก็ลาออกเป็นว่าเล่น ที่ยังอยู่ก็แทบจะไม่มีเงินจ้าง ไหนจะต้องแบกภาระค่าบำรุงรักษาสถานที่ ป้ากับลุงก็เลยตัดสินใจไปคุยกับเจ้านายเก่าของแม่ฟ้า แล้วท่านก็ช่วยเหลือเรื่องเงินทองให้เอามาลงทุนทำธุรกิจใหม่’
เสียงอ่อนโยนของป้านุ่นพี่สาวของมารดาผู้ล่วงลับดังขึ้นในห้วงความคิดของฟ้าพราว ป้านุ่นกำลังร่ายเหตุผลของการหมั้นในครั้งนี้อย่างน่าเห็นใจ
‘ทีนี้ เงินมันมากไงฟ้า เจ้านายเก่าของแม่ฝ้ายก็เลยบอกกับป้าตามตรงว่าอยากได้หนูฟ้าไปเป็นลูกสะใภ้ ท่านอยากดูแลฟ้า เพราะสมัยก่อนตอนที่ท่านกำลังมีปัญหาครอบครัว สามีท่านไปมีเมียน้อยจนหลงหัวปักหัวปำกระทั่งหย่าขาดเลิกรา ท่านก็ได้แม่ฝ้ายช่วยเหลือไว้เยอะเลย ตอนนี้ธุรกิจของท่านก็ใหญ่โตร่ำรวย’
แม่ฝ้ายคือมารดาบังเกิดเกล้าของฟ้าพราว ท่านเสียชีวิตพร้อมกับบิดาของเธอเมื่อหลายปีก่อน เธอที่ยังเด็กมากจึงได้รับการอุปการะเลี้ยงดูทั้งเรื่องกินเรื่องเรียนจากผู้เป็นป้ากับลุง
‘นะฟ้า การหมั้นครั้งนี้ฟ้าก็คิดเสียว่าตอบแทบบุญคุณที่ลุงกับป้าเลี้ยงฟ้ามาหลายปี’
เมื่อเจอประโยคนี้เข้าไป ฟ้าพราวยังจะกล้าพูดอะไรได้อีก เธอก็เลยดื่มเหล้าย้อมใจกับร้องไห้อย่างไม่กล้าเปิดปากบอกใคร เพราะบอกไปใครก็ช่วยเธอไม่ได้ ยังไงเธอก็ต้องหมั้นหมายอยู่ดี
แต่ไม่รู้ไปทำอีท่าไหน ถึงได้ลากนายวิณณ์อะไรนั่นมาขึ้นเตียงของตัวเองได้
โธ่เอ๊ย! คนยิ่งเครียดเรื่องหมั้น ยังต้องมาเครียดเรื่องเสียซิง อยากจะบ้าตาย...
กำลังจะบ้าตายก็มีคนมาเคาะประตูห้อง ฟ้าพราวรีบปรับโหมดใกล้คลุ้มคลั่งแล้วลุกขึ้นไปเปิดประตูให้ เนื่องจากเธอคิดว่าเป็นไพลินเพื่อนสนิทมาหากันในวันหยุดสุดสัปดาห์
แต่เปล่าเลย กลับเป็นคนตัวสูงที่ทำเธอเครียดแทบบ้าอยู่ในขณะนี้ต่างหาก
หญิงสาวทำหน้าตึงขึงตาขวาง “มาทำไม?”
วิณณ์มองเธอนิ่งๆ “มาดูเธอไง เผื่อคิดสั้นฆ่าตัวตาย”
ฟ้าพราวเม้มปากแน่น ทำท่าจะปิดประตูใส่หน้า แต่เธอสู้แรงผู้ชายตัวโตไม่ได้
เขาเอามือยันประตูไว้ก่อนผลักประตูเปิดกว้าง ดันตัวเธอเข้ามาด้านใน โดยมีเขาใช้แผงอกแข็งแรงยันร่างนุ่มนิ่มของเธออย่างง่ายดาย
ฟ้าพราวมองผู้บุกรุกอย่างขุ่นเคือง ในสีหน้าฉายแววระแวดระวังคล้ายกำลังเผชิญกับพวกวิตถารบ้ากาม
ตอนนี้วิณณ์ใส่เสื้อยืดสีเนื้อกางเกงยีนส์ราคาแพง ทั้งดูดีและสุภาพ บุคลิกหล่อเท่ห์ทรงเสน่ห์ ท่าทางยังดูสุขุมนุ่มลึก ผสมผสานความเยือกเย็นอันน่าเกรงขามตามธรรมชาติ
ไม่มีความหื่นกระหายแม้แต่น้อย
ทว่าฟ้าพราวกลับยกมือขึ้นกุมหน้าอกในท่าปกป้องตัวเต็มที่
ภายใต้ใบหน้าหล่อเหลาราบเรียบวิณณ์มองเธออย่างนึกขำ
“ทำท่าของเธออะไรน่ะ”
ฟ้าพราวแก้มแดง เธอไม่ตอบ เอาแต่ยืนหน้าตึง แอบมองหาอาวุธมาฟาดใครบางคน ระหว่างมองหาก็ยกกำปั้นขึ้นข้างหนึ่งกับตั้งการ์ดด้วยฝ่ามือข้างหนึ่ง
วิณณ์โคลงศีรษะยิ้มๆ ทำคนมองต้องเผลอรู้สึกว่าเขาเท่ห์ จนเลือดในกายสาวฉีดพล่านรุ่มร้อนอย่างไม่อาจระงับ กระทั่งท่าตั้งการ์ดเริ่มหย่อนลงหน่อยๆ ก่อนจะยกขึ้นมาตึงอีกครั้ง
ชายหนุ่มเดินผ่านแม่กังฟูสาวตัวน้อยไปนั่งลงบนโซฟาด้วยท่วงท่าสบายๆ เขากลัวที่ไหน
ฟ้าพราวหาอาวุธไม่ได้จริงๆ จึงหยิบหมอนอิงขึ้นกอดแล้วโวยวาย “นาย...นายอย่าแม้แต่จะคิดไม่ซื่อกับฉัน”
“ใจเย็นน่า พี่ไม่ทำอะไรน้องหรอก”
หญิงสาวขึงตา ในความไม่พอใจเธอนึกหมั่นไส้เพิ่มขึ้นมา
เมื่อเช้าแรกตื่นก็พูดจาสุภาพดีหรอก เรียกคุณเรียกผม ตอนนี้เรียกพี่กับน้องแล้ว
ฟ้าพราวแค่นเสียงเย็นชา “เราไม่ได้เป็นพี่น้องกันแล้วก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น”
วิณณ์พยักหน้าเนิบช้า “ครับผม เราไม่ได้เป็นพี่น้องกันอย่างจริงแท้และแน่นอน แต่เราสนิทกันมาก แนบแน่นเลยล่ะ”
หมอนอิงถูกเหวี่ยงจนลอยละลิ่วมาปะทะใบหน้าหล่อๆ ทันที ดีนะที่เป็นเพียงหมอนอิง ดั้งจมูกโด่งๆ จึงไม่หัก
ชายหนุ่มเหลือบมองเธอผ่านหมอนอิงในมือเพราะรับไว้ทัน
“ไม่เอาน่า มานั่งคุยกันดีๆ เลิกโมโหเป็นนางยักษ์ได้แล้ว พี่กำลังมาแสดงความรับผิดชอบ”
“รับผิดชอบ!” แม้ปากตะเบ็งเสียงแข็ง แต่ก็เดินมานั่งลงดีๆ อย่างน้อยฟ้าพราวก็ไม่ใช่คนก้าวร้าวที่ไร้เหตุผล
เธอเป็นผู้หญิงที่มีเหตุผลในการก้าวร้าวเสมอ
สรุปก็คือก้าวร้าวถูกไหม? ช่างเถอะ!
“รับผิดชอบยังไงไม่ทราบคะ?”
“คบหากัน เป็นแฟนกัน แล้วแต่งงาน”
“ไม่จำเป็น” ฟ้าพราวแทบไม่เชื่อหูตัวเอง “นายมีแฟนแล้ว และฉันไม่นิยมคบซ้อนซ่อนเงื่อน ไม่คิดทำร้ายใครด้วย อีกอย่าง เรื่องแบบนี้แม้จะเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผู้หญิง แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้นกับใคร อย่าให้ความผิดพลาดชั่วข้ามคืนตัดสินอนาคตเลย เรื่องรับผิดชอบยิ่งไม่จำเป็นด้วย เพราะไม่มีอะไรมาการันตีว่าความสัมพันธ์แบบนี้จะยืนยาว เสียเวลาชีวิตเปล่าๆ”
หากเป็นผู้หญิงคนอื่น การที่ผู้ชายหล่อเท่ห์และทรงเสน่ห์อย่างวิณณ์เอ่ยปากอย่างนี้ เจ้าหล่อนคงดีใจจนเนื้อเต้น รีบตอบรับอย่างเร็วปานแสง
วิณณ์จ้องหน้าของฟ้าพราวนิ่ง “พี่ไม่มีใคร”
“โกหกให้เนียนหน่อยค่ะ เห็นควงผู้หญิงเข้าห้องออกบ่อยๆ มุกนี้ไม่ขำแล้วก็ไม่ผ่านนะคะ” หญิงสาวเชิดหน้าอย่างคนเป็นต่อ
“ผู้หญิงพวกนั้นไม่ใช่แฟนพี่ เราแค่ตกลงสนุกกันไม่มีพันธะ ไม่ผูกพัน แค่ครั้งเดียวไม่มีครั้งที่สอง พี่โสดสนิทนะครับ”
ฟ้าพราวย่นจมูกไม่เชื่อสักนิด วิณณ์จึงละประเด็นนี้ไป
“ยังไงพี่ก็จะรับผิดชอบเธอ เพราะเมื่อคืนพี่ไม่ได้ป้องกัน บางทีเธออาจจะท้อง”
หญิงสาวสะดุดกึก แม้เธอจะรีบกินยาคุมฉุกเฉินแล้ว แต่มันก็ไม่ได้ป้องกันร้อยเปอร์เซ็นต์
“แล้วทำไมไม่ใส่ถุงยางล่ะ? ตาบ้านี่!”
เธอโมโหจนควันออกหูแล้ว
ชายหนุ่มนึกขันกับท่าทางของผู้หญิงตรงหน้าจริงๆ
แววตาคมทอประกายลุ่มลึกยามจับจ้องเธออย่างลึกล้ำ
“เมื่อคืนน้องไม่ให้โอกาสพี่ปฏิเสธเลยนะ ดูเธอใจร้อนมาก ท่าทางเหมือนอดอยากปากแห้ง ถึงขนาดที่พี่หาจังหวะเว้นระยะมาฉีกฟอยล์ถุงยางไม่ทัน”
คราวนี้นอกจากหมอนอิงที่เหลืออีกใบยังมีหนังสือ ปากกา ดินสอ สมุดที่อยู่แถวนั้น ทุกอย่างถูกเหวี่ยงเข้าใส่ริมฝีปากแดงๆ บนใบหน้าหล่อๆ อย่างต่อเนื่อง
วิณณ์ร้องห้ามแต่ไม่ทันแล้ว ทุกอย่างลอยละลิ่วคล้ายถูกพายุทอร์นาโดโหมซัด