EP 6 เกลียดนักคนรู้ทัน

1377 คำ
โครม!! "ระวังกันหน่อยสิวะ" ฉันหยีตามองเพดานห้องสว่างจ้าอย่างเบลอๆ ก่อนพลิกตัวควานหาตุ๊กตาหมีมากอดแล้วซุกตัวลงไปในผ้าห่ม ช่วงเวลาแห่งการนอนอันมีค่าของวันเสาร์แบบนี้ ใครมาโวยวายกันนะ... โครม! โครม! โครม!! "โว้ย พวกแก! อยากโดนหักเงินเดือนเรอะ" อ๊าก! ทนไม่ไหวแล้ว! จะหักเงินเดือนหรือหักคอกันก็ไปทำที่อื่นเซ่! ไม่ใช่ที่ข้างบ้านฉันตอนเช้าตรู่แบบนี้ ฉันจะนอน! ปั้ง! ฉันลุกขึ้นจากเตียงนอนและใช้มือล่างยันประตูเปิดออกไปที่ระเบียงทันทีด้วยความโมโหสุดจิต แต่พอกวาดสายตามองไปข้างล่างที่มีผู้ชายกล้ามโตหลายคนกำลังขนบรรดาตู้เตียงเข้าบ้านหลังข้างๆ ที่เจ้าของประกาศขายมานาน ก็กลับสะดุดตากับร่างร่างหนึ่งเข้า เขาเป็นผู้ชายตัวสูง ผิวขาวเป็นประกายท่ามกลางไอแดด เรือนผมสีดำสลวยพลิ้วตามแรงลม ...เจิดจรัสมาก *0* พอฉันเริ่มหายง่วงและตาสว่างเพราะได้แอบมองผู้ชายหล่อๆ จากบนระเบียง ก็ราวกับกามเทพสะกิดบอกให้คนนั้นเงยหน้าขึ้นมาเห็นฉันพอดี ใบหน้าคมคายแลดูครุ่นคิด ก่อนที่เขาจะคลี่รอยยิ้มกว้าง “อ้าว! เรานี่เอง ฟาริมาใช่ไหม? หมอเพิ่งย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้ละ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ ^_^” “...” “เฮ้! ฟาริมา?” ร่างสูงยกมือโบกให้ฉันที่ยืนมองเขานิ่งอยู่แบบนั้นเหมือนกำลังหลับใน แต่ไม่ใช่! ฉันกำลังช็อกซีนีม่าขั้นมหาเทพต่างหาก! ม่ายยยยย!!! ปัง! ตึกๆๆๆ! “อ๊าก!!!” แกร่ก! ปัง! "แฟร์! แกเป็นอะไร" ลันที่ตื่นแล้วและออกจากห้องไปไหนมาไม่รู้ เปิดประตูพรวดพราดเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าตื่นตกใจ ส่วนฉันที่วิ่งกลับมายืนโทรมอยู่หน้ากระจกเมื่อกี้ ก็ค่อยหันมองหน้าลันช้าๆ... ก่อนกำหมัดแน่นจนตัวสั่นแล้วกระโดดขึ้นไปนอนกรี๊ดบนเตียงต่อโดยมีหมอนปิดหน้ากั้นเสียงบนเตียงอย่างอัดอั้น! “แฟร์รี่! แกบ้าไปแล้วรึไง!!” ลันตามมาดึงหมอนออกจากหน้าฉัน โฮกกก แกไม่เข้าใจ! แกไม่เข้าใจช้าน!!! “แกดูสารรูปฉันสิ” ฉันลุกขึ้นทำหน้าเหมือนหมาป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ขณะอธิบายให้ลันฟัง “แล้วไง?” “เมื่อกี้” ฉันเบะปาก “ฉันโผล่หน้าออกไปที่ระเบียง แล้วแกทายสิว่าฉันเจอใคร” “แกเจอโรเบิร์ต แพทติสัน พ่อกล้ามงามของฉันรึไง -..-” “ไม่ใช่! ฉันเจอหมอคนใหม่ของโรงเรียนเราที่ฉันเตะผ่าหมากเขาไปวันก่อนต่างหาก T^T! แถมแกดูสภาพยัยเพิ้งที่เพิ่งงัดตัวเองออกมาจากฟูกนอนอย่างฉันสิ ผีบ้าจากป่าช้าวัดดงหมาหอนก็ไม่ปาน ฉันไม่มีหน้าไปเจอคุณหมอสุดหล่อแล้วอะ อับอ๊าย! โฮ...” “ที่จริงแกน่าจะอายตั้งแต่ตอนเตะกลางตัวหมอเค้าไปวันนั้นแล้วนะ -_-” ก็ตอนนั้นฉันยังไม่ปลื้มนี่โว้ย! แล้วฉันก็เตะกระป๋องๆๆ ไม่ได้เตะผ่าหมากหมอสักหน่อย ทำไมลันไม่เข้าใจ แง~ ก๊อกๆ! เสียงจากกระจกหน้าต่างนั้นทำให้ฉันกับลันหันมองหน้ากัน ก่อนที่ฉันจะกระวีกระวาดลุกขึ้นวิ่งไปล้างหน้าประแป้งแล้วรวบๆๆ มัดๆๆ ผมตัวเองให้เป็นจุกดังโงะแก้ขัดไปก่อนภายในเวลาสามสิบวินาที จากนั้นจึงกระแอมไอเบาๆ แล้วเดินเฉิดฉายไปเปิดกระจกหน้าต่าง โดยมีลันเดินตามมาแบบเซ็งๆ และอย่างที่คิดไว้! คนที่ปาหินก้อนเล็กใส่กระจกหน้าต่างฉันคือคุณหมอสุดหล่อบาดหัวใจบาดไส้ติ่งนั่นเอง >_///ฉันรีบอาบน้ำอาบท่าแต่งหน้าอ่อนๆ จนสวยเช้งเพื่อออกเดตกับคุณหมอสุดหล่อ แต่น่าเสียดายที่มีก้างชิ้นโตแบบลันเตรียมตัวตามไปด้วย ชิ! ไม่น่าชวนมันมาให้คำปรึกษาเรื่องเซย์เมื่อคืนจนมันมานอนค้างด้วยเลย นอกจากไม่ได้รับการชี้ทางสว่างแล้วลันยังสันนิษฐานบ้าบอว่าเซย์ชอบฉันอีก เง้อๆ “ชื่อพีรณัฐ อัครชาญชัย เรียกสั้นๆ ว่าหมอพีร์ จบอายุรกรรม แต่ลงเรียนเสริมจิตเวชมาด้วยสองคอร์ส สมัยเรียนอยู่เก่งมาก วินิจฉัยเคสยากๆ ได้หลายเคส พอกลับมาไทยเลยโดนแย่งตัวจากหลายโรงพยาบาล แต่หมอบอกว่าขอทำความคุ้นเคยกับประเทศไทยสักพักก่อน เลยมารับงานโรงเรียนเราปีนึงเฉย เออ เป็นคนแปลกดี แต่เดี๋ยวก็ย้ายไปโรงพยาบาลแหละ รับงานโรงเรียนเราปีเดียวเองมั้ง” ลันเช็กข้อมูลหมอจากเว็บบอร์ดของโรงเรียนเราด้วยไอโฟนสุดรักสุดหวงของมันระหว่างที่ฉันกำลังเลือกเสื้อผ้า ประวัติเริ่ดมากค่ะ!!! นี่ละ... ป๊ะป๋าของลูก(ในอนาคต)ช้าน!!! “แล้วตกลงแกคิดเรื่องเซย์ออกรึยัง ว่าจะเอาไง” คนกำลังอารมณ์ดีมาสะกิดเรื่องนี้ให้เขวอีกละ -_-^ “ช่างมันสิ! ฉันไม่เอาด้วยหรอกกับข้อเสนอบ้าๆ นั่นน่ะ ตอนนี้ฉันมีเป้าหมายใหม่แล้ว ฉันจะบ่มเพาะความรักกับหมอพีรณัฐคนนี้~” แอบเห็นในกระจกว่าลันถอนหายใจแรง เธอนั่งไขว่ห้างอยู่บนเตียงและกำลังมองมาที่ฉันด้วยสายตาเป็นกังวล “บอกตรงๆ นะแฟร์ ฉันไม่เคยรู้สึกไว้ใจคนในอาชีพหมออีกเลยตั้งแต่แกมีเรื่องกับหมอฟ่าน” “...” “ถามจริง แกไม่เข็ดเหรอวะ?” ฉันไม่ตอบ แต่ก้มหน้าก้มตาเลือกเสื้อผ้าต่อราวกับคำถามของเพื่อนรักเป็นเพียงฝุ่นผงที่ลอยมาตามลมและเพียงไม่นานก็จะจางหายไป คนในอาชีพนี้อาจเคยทำร้ายฉันจนถึงขั้นทำให้ฉันกลัวเสียงฝนในความมืดแทบบ้าจนถึงทุกวันนี้ แต่ฉันจะไม่มีวันเหมารวมว่าหมอทุกคนเป็นคนไม่ดี เพราะคนที่ทำเรื่องเลวทรามกับฉันเป็นเพียงคนชั่วที่สวมชุดขาวอันสูงค่าเท่านั้น ความทรงจำเกี่ยวกับหมอฟ่านเป็นจุดดำเพียงจุดเดียวในชีวิตของฉัน ที่คิดถึงเมื่อไหร่ฉันจะรู้สึกหายใจไม่ออก เลยอยากจะพยายามลืมๆ มันไป ไม่ใช่แค่พยายามจะลืมให้ได้... แต่ฉันต้องลืม! พวกเราพาหมอพีร์ตะลอนๆ ไปทั่วทุกมุมของกรุงเทพฯ เพื่อหาซื้อข้าวของเครื่องใช้และเสื้อผ้าเมืองร้อนของหมอ จากนั้นก็ชวนกันมานั่งพักเหนื่อยที่บุ๊คกี้คาเฟ่เจ้าประจำ ที่นี่เป็นร้านเครื่องดื่มที่มีหนังสือให้เลือกอ่านเล่นระหว่างนั่งชิลอยู่ในร้านเยอะมาก ฉันอยู่ที่นี่ได้เป็นวันๆ เลยละ “ตอนเช้าเราไปโรงเรียนยังไงล่ะแฟร์?” ฉันบอกหมอเองว่าให้เรียกชื่อเล่น เพื่อความสนิทสนมกลมเกลียวของสองเรา ถามเรื่องไปโรงเรียนกับฉันนี่แสดงว่าจะชวนฉันไปด้วยกันสินะ ,,>w“หื่นออกตาแล้วแก” ลันยื่นหน้ามากระซิบ แต่พอฉันหันไปแยกเขี้ยวใส่มันก็รีบบอกคุณหมอว่าขอตัวไปห้องน้ำ แล้วลุกออกจากโต๊ะไปโดยไม่สนใจสายตาเหมือนหมาหวงปลากระป๋องของฉันเลยซักนิด แง่ง...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม