“นายไปอยู่ห่างๆ ฉันหน่อยไป”
ฉันขมวดคิ้วพาลใส่ ทำเอาเซย์อ้าปากเหวอ
“เธอจะคิดมากไปทำไม เราไม่ได้ทำอะไรผิดกันซักหน่อย”
“แต่ฉันอึดอัดนี่นา”
เซย์เงียบไปพักใหญ่ แต่ก็ไม่ยอมไปไหน ฉันเลยยกไอแพดเลื่อนคืนลันที่นั่งก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือดนตรีอยู่ข้างๆ แหม... ดรัมเมเยอร์ไม้ 1 คนนี้นี่ห่างเรื่องดนตรีไม่ได้จริงๆ นะ ว่าแต่เมื่อไหร่วงโยฯ จะเริ่มซ้อมซะทีล่ะ ฉันอยากไปหัดตีๆๆๆ กลองระบายอารมณ์แย่แล้ว
“ลัน ไปห้องน้ำกับฉันหน่อย”
หาที่ระบายออกไม่ได้เลยตัดสินใจชวนเพื่อนไปที่ไหนก็ได้ที่ไม่อึดอัดแบบนี้ เพราะเซย์มันดื้อแพ่งยืนค้ำหัวฉัน กินขนมอยู่นั่น ไม่ยอมไปไหนซะที
ลันหันมองมา ก่อนเอ่ยถามซื่อๆ
“เขื่อนแกแตกรึไง ฉันเพิ่งไปเป็นเพื่อนแกมาเมื่อสิบนาทีก่อนนี่เองนะ”
-_-; ฉันอยากหนีจากบรรยากาศมาคุนี่ต่างหาก แกเป็นเพื่อนภาษาอะไรทำไมไม่เข้าใจกันบ้างงงง
ซ่า!
ฉันรองมือใต้กระแสน้ำเย็นเฉียบจากก๊อกที่หน้าเคาน์เตอร์ของห้องน้ำชั้นสอง และแน่นอนว่าเวลาพักเที่ยงแบบนี้ย่อมมีนักเรียนคนอื่นๆ มาเข้าห้องน้ำกันบ้างประปราย เพราะฉะนั้นฉันก็ยังหนีเสียงซุบซิบนินทาไม่พ้นอย่างเคย เฮ้อ...
“อ้าว เซย์?”
ฉันอุทานเบาๆ เมื่อออกมาจากห้องน้ำแล้วเห็นตัวปัญหายืนพิงกำแพงรออยู่ เซย์หันมองมา นัยน์ตาเรียบนิ่ง หากเพียงเสี้ยววินาทีหลังจากนั้นเขาก็ฉุดข้อมือฉันให้เดินตามท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นของสาวๆ ที่กำลังทำให้ฉันประสาท -_-*
และแล้ว... พวกเราก็มีหยุดอยู่ระหว่างชั้นวางหนังสือที่ค่อนข้างเงียบและเป็นส่วนตัวในห้องสมุดจนได้
“โอเค เรามีเรื่องต้องคุยกัน” เซย์ว่า
“จัดมา” ฉันตอบเนือยๆ เฮ้อ... เริ่มจะนอยด์ขึ้นทุกทีแล้วนะ T^To
“เธอน่ะ...”
เซย์ชี้หน้าฉัน แต่พูดได้แค่นั้นก็ชะงักแล้วหันมองไปอีกทางเหมือนกำลังพยายามคิดว่าจะพูดอะไรดี หรือไม่ก็กำลังทำใจ พอหันมองมาอีกที ฉันก็มองตอบไปตาแป๋ว รอฟังว่าเซย์จะพูดอะไร
แต่แทนที่จะสื่อสารกันเข้าใจ คนตรงหน้าฉันกลับขยับหันหลังให้ซะงั้น
แล้วตกลงมันจะสื่ออะไร -0-
ฉันยืนกอดอกมองแผ่นหลังในชุดสูทนักเรียนตรงหน้าอยู่พักใหญ่ ก่อนขยับเข้าไปใกล้ แล้วฉวยจังหวะที่เซย์เผลอจี๋เอวมันซะเลย วะฮ่า!
“เฮ้ย! อย่าเล่นบ้าๆ น่ะแฟร์!”
“นายก็อย่าจั๊กจี้ดิ ฮ่าๆ”
“ห้ามกันได้ก็ดีสิ T^T”
กร๊าก! ฉันหัวเราะกิ๊กและจี๋เอวเซย์ที่หันกลับมาพยายามดันตัวฉันออกพลาง ถอยหลังหนีพลางอย่างเมามัน
“แฟร์!”
สิ้นเสียงดุ ฉันก็ถูกรวบมือทั้งสองผลักเข้าชิดชั้นหนังสือ ประหนึ่งฉากสำคัญของพระนางในการ์ตูนตาหวาน -..- แต่สาบานได้ว่าเราอยู่ในท่าล่อแหลมนี่แค่สองวินาทีเท่านั้น ความบรรลัยก็บังเกิด
ตุบ!
“ข... ขอโทษค่ะ >O6 ชั่วโมงต่อมา, ที่บ้าน...
“แกว่าไงนะ!!!”
ทันทีที่ฉันเล่าให้ลันฟังว่าหายไปไหนมาเป็นนานสองนานตอนพักเที่ยงวันนี้ เพื่อนฉันก็ยิงคำถามเดียวกับที่ฉันถามเซย์เป๊ะ อาจจะถามดังกว่าด้วยเพราะทำเอาหูฉันแทบหนวก (เวอร์) คิดผิดรึคิดถูกเนี่ยที่ชวนมันมาค้างที่บ้านเพื่อขอคำปรึกษา T^To
“ฉันบอกว่าพอฉันตะโกนใส่หน้าเซย์ อาจารย์เลอลักษณ์ก็พรวดพราดเข้ามาจากไหนไม่รู้แล้วสั่งให้ฉันกับเซย์กระโดดกบในห้องสมุดเป็นการลงโทษที่ส่งเสียงดัง เลยกลับเข้าห้องเรียนช้า”
“ไม่ใช่ ก่อนหน้านั้น!”
“เซย์มันขอเป็นแฟนกับฉัน“
“แล้วมันบอกรักแกรึเปล่า?”
ลันกอดหมอนดี๊ด๊าเหมือนเรื่องที่ฉันเล่าให้ฟังเป็นเรื่องของมันกับจิน ...เอ่อ แต่มันเลิกกันแล้วนี่เนอะ อย่าไปคิดถึงไอ้บ้านั่นดีกว่าเดี๋ยวเผลอพูดชื่อออกมาแล้วเพื่อนฉันจะเข้าโหมดเศร้าเข้าไปอีก =_=
“ไม่ได้บอกรักหรอกแก แต่มันบอกว่าอยากปกป้องศักดิ์ศรีฉันแบบลูกผู้ชายอะไรของมันไม่รู้ เท่ตายละ -_-* เซย์มันบอกว่าถ้าบอกว่าเป็นแฟนกันเรื่องจะจบไง ใครๆ จะได้เลิกเดาว่าฉันกับมันมี something wrong กันรึเปล่า เรื่องแบบนี้ยิ่งคลุมเครือแมงเม้าท์ยิ่งชอบ อะไรทำนองเนี้ย”
“แล้วแกก็เชื่อเซย์อะนะ”
ลันทำท่าผิดหวัง
“ฉันไม่ได้ตอบตกลงซะหน่อย ฉันขอคิดดูก่อน แล้วก็รอปรึกษาแกเนี่ย”
“ไม่ใช่ๆ”
ลันขมวดคิ้วมุ่น มองหน้าฉันเหมือนกำลังมองสุดยอดคนโง่ที่สมควรถูกจารึกไว้ในกินเนสบุ๊คหน้าหนึ่ง =0=
“ฉันหมายความว่าแกน่ะ! เชื่อเหรอที่เซย์มันยกเรื่องคืนนั้นที่พวกแกติดอยู่ในห้องเรียนแล้วโดนเม้าท์มาอ้าง”
“อ้าง? เพื่อ?”
“เพื่อขอแกเป็นแฟนไง”
“แล้วมันจะเอามาอ้างทำไม? ยังไง? แกทำให้ฉันงงแล้วเนี่ย -*-”
ลันกลอกตาไปมาด้วยสีหน้าเหมือนอยากลาโลกตาย ก่อนตบบ่าฉันแปะๆ
“แกไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งโง่แฟร์รี่”
“ไม่รู้ แล้วก็ไม่ได้โง่ด้วย T^T!”
“ถ้าแกไม่โง่แล้วทำไมดูไม่ออก ว่าเซย์มันชอบแก อ๊ะๆ ไม่ได้ชอบแบบเพื่อนด้วยนะ ฉันพูดแค่นี้แกเข้าใจใช่มะ ฉันรู้ว่าแกไม่โง่มาก (แต่ก็โง่)”
“...”
“-_-”
“บ้าน่า เป็นไปไม่ได้หรอก”
ฉันหัวเราะเบาๆ กับคำสันนิษฐานของลันได้แค่ชั่วอึดใจ สีหน้าจริงจังของเพื่อนก็ทำให้ฉันค่อยหุบยิ้มลงเจื่อนๆ พร้อมกับนึกย้อนไปในอดีตว่าตั้งแต่รู้จักเซย์ครั้งแรกจนถึงตอนนี้ หมอนั่นมีท่าทีอะไรแปลกๆ บ้างไหม
ก็...
ไม่น่ามีนะ -_-
เซย์อาจเคยช่วยฉันไว้จากเงื้อมมือคนหยาบช้า อาจจะเคยพาฉันไปพักที่รีสอร์ตของคุณตาเขาตอนที่ฉันเสียใจ อาจจะเคยกอดฉันตอนที่ฉันร้องไห้
แต่นั่นเพราะเขาเป็นห่วงในฐานะเพื่อนไม่ใช่เหรอ...
“นึกออกรึยัง แฟร์”
“ฉัน... ไม่แน่ใจน่ะลัน ปกติเป็นเพื่อนกันก็ต้องห่วงกัน ช่วยกันเวลาเพื่อนเดือดร้อนอยู่แล้ว จะรู้ได้ไงว่าเซย์มันคิดแบบที่แกว่าจริงๆ”
ลันถอนหายใจเบาๆ ก่อนล้มตัวลงนอนหงายบนเตียงนอนเหมือนจะยอมแพ้กับเรื่องนี้และหมดอารมณ์ให้คำปรึกษาแล้ว หากแค่ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น เสียงหวานก็เอ่ยถามในสิ่งที่ทำให้ฉันต้องคิดหนักไปทั้งคืน
“แล้วตกลง... แกจะให้คำตอบเซย์ว่าไง?”