ชนิกานต์เดินกระทืบเท้ากลับมายังที่พัก ด้วยอารมณ์หงุดหงิดจะถูกส่งตัวกลับ แต่พอมาถึงหน้าบ้านพักก็เกิดเปลี่ยนใจเดินออกมายังหลังบ้านเพราะเธออยากเดินไปสูดอากาศข้างนอกก่อนเผื่ออารมณ์ขุ่นเคืองจะสงบลงได้บ้าง
“คุณหนูจะไปไหนครับ”
ไชยาตะโกนถามตามหลังเมื่อจู่ๆคู่หูก็หมุนตัวเดินไปอีกทาง ไม่ยอมเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวและเก็บข้าวของเตรียมเดินทางตามที่ผู้กองหนุ่มได้สั่งเอาไว้
“ขอตัวไปเดินเล่นก่อน เดี๋ยวกลับมา”
“แต่ผู้กองให้คุณหนูกลับมาอาบน้ำเก็บของนะครับ”
“ช่างเข้าสิ คนใจร้ายแบบนั้นไม่ต้องเชื่อฟังทุกเรื่องหรอก”
ชนิกานต์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด จากนั้นก็มุ่งตรงไปยังข้างหน้าโดยไม่สนใจคู่หูอีก กระทั่งเดินเข้ามาในป่าหลังบ้านพัก
“สวยจัง”
เสียงหวานพึมพำกับตัวเองโดยไม่รู้ตัว
ชนิการน์เพิ่งจะมีโอกาสได้เห็นบริเวณหลังบ้านพักแบบเต็มตาก็ตอนนี้เอง ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าหลังบ้านพักที่เป็นป่าหนาทึบจะซ่อนลำธารอยู่ ป่าเขาและลำธารที่เคยเห็นในอินเตอร์เน็ตที่ว่าสวยแล้ว กลับสู้ของจริงไม่ได้เลยสักนิด เพราะของจริงให้ความรู้สึกสดชดชื่นกว่าเยอะ
ชนิกานต์เดินต่อไปเรื่อยๆ อย่างเพลิดเพลินลืมความหงุดหงิดใจไปเสียสนิท จนในที่สุดเธอก็มาหยุดยืนอยู่ที่ริมธารที่มีแอ่งน้ำใสๆชวนให้กระโดดลงไปแหวกว่าย
“ว้าวววว!…”
หญิงสาวหลุดอุทานออกมาเพราะตกตะลึงในความสวยงามตรงหน้า แอ่งน้ำขนาดใหญ่ราวกับสระว่ายน้ำท่ามกลางธรรมชาติแบบนี้จะหาได้ที่ไหนอีก ไม่คิดไม่ฝันว่าเธอจะได้มาพบสวรรค์ท่ามกลางป่าเขาแบบนี้
“ถึงที่นี่จะไม่มีสระว่ายน้ำเหมือนที่บ้าน แต่แอ่งน้ำนี้ก็พอช่วยแก้ขัดได้”
ชนิกานต์บอกกับตัวเองเบาๆด้วยความรู้สึกดีใจปนตื่นเต้นจนต้องหัวเราะออกมาราวกับเด็กน้อยเห็นของเล่นที่ถูกใจ
‘ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอลองเล่นน้ำก่อนกลับกรุงเทพก็แล้วกัน’
คิดแล้วก็ต้องรีบหันซ้ายหันขวาเมื่อไม่พบว่าใครอยู่บริเวณนี้ก็รีบปลดเสื้อผ้าออกมากองไว้บนก้อนหินขนาดใหญ่ หลงเหลือไว้เพียงบิกินี่ตัวจิ๋วบนตัวเท่านั้น
ทางด้านอิทธิฤทธิ์ หลังจากที่ประเมินดูความเสียหายที่เกิดขึ้นพักใหญ่ ก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง ร่างสูงสง่าที่ยืนกอดอกในท่าเดิมอยู่นานก็หันมาออกคำสั่งกับลูกน้องคนสนิทด้วยน้ำเสียงเรียบไม่ต่างจากท่าทางนิ่งขรึมเดายากนั้นสักเท่าไหร่
“จ่า ไปเขียนรายงานเรื่องไฟไหม้วันนี้ส่งไห้ทางส่วนกลางด้วย”
“ครับผู้กอง” จ่าปี๊บรับคำอย่างแข็งขัน ก่อนจะเอ่ยรายงาน“เอ่อ…ผู้กองครับเรื่องยางรถในหน่วยตอนนี้สูบครบทุกคันแล้วนะครับ”
“อืม” ผู้กองหนุ่มส่งเสียงรับทราบในลำคอ ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับที่พัก
เหตุการณ์วุ่นๆที่เกิดในหน่วยล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของตัวป่านทั้งสองคน หากเขาส่งตัวกลับกรุงเทพฯช้ากว่านี้เกรงว่าทั้งสองจะก่อความเสียหายให้กับหน่วยทหารแห่งนี้มากไปกว่านี้
“พร้อมเดินทางแล้วใช่ไหม”อิทธิฤทธิ์เอ่ยถามเด็กหนุ่มที่กำลังถือกระเป๋าเดินทางออกมาจากห้อง
“ครับผู้กอง แต่ตอนนี้คุณหนูยังไม่กลับมาเลยครับ”
“แพทไปไหน”อิทธิฤทธิ์ถามพลางขมวดคิ้วยุ่ง
“เมื่อกี้คุณหนูบอกว่าจะไปเดินเล่นครับ เห็นเข้าไปทางหลังบ้านพัก”
ฟังจบอิทธิฤทธิ์ก็หมุนตัวออกจากบ้านพักทันที ชายหนุ่มก้าวยาวๆตรงไปทางที่หนุ่มน้อยบอก ขณะเดินไปก็อดที่จะบ่นพึมพำด้วยอารมณ์หงุดหงิดไม่ได้
“ก่อเรื่องไว้ขนาดนี้แล้วยังจะมีอารมณ์เดินเล่นอยู่อีก ยายตัวแสบ!”
เมื่ออิทธิฤทธิ์เดินมาหยุดอยู่ริมธารก็ต้องกำหมัดแน่นควบคุมอารมณ์โมโหเอาไว้ ทั้งที่อยากลงไปลากร่างอรชรขาวเนียนในชุดบิกินี่ตัวจิ๋วที่กำลังว่ายน้ำอย่างเพลิดเพลินอารมณ์ขึ้นมาใจแทบขาด
“ขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะแพท!”
ผู้กองหนุ่มออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงห้วนเข้มกับร่างอรชรที่จับขอนไม้ขนาดใหญ่ตีเท้าเล่นกับน้ำอย่างสนุกสนาน ไม่สนคนตัวใหญ่ที่มองมาด้วยสายตาวาวโรจน์ราวกับไปกินอะไรผิดมา
“พี่อิทว่าอะไรนะคะ แพทได้ยินไม่ถนัด”
ชนิกานต์แกล้งถามทั้งที่ยังไม่หยุดตีเท้า ดูจากสีหน้าเขาตอนนี้เหมือนจะโกรธใครมาเป็นสิบชาติ แต่เธอไม่มีทางยอมให้เขาใช้อำนาจมาออกคำสั่งกับเธอเด็ดขาด! ยอมแค่เรื่องส่งตัวกลับกรุงเทพฯ ก็ถือว่ามากพอแล้ว
“พี่บอกให้ขึ้นมาเดี๋ยวนี้!”
เสียงคำรามน่ากลัวของชายหนุ่มนั้นเหมือนต้องการข่มขวัญอีกฝ่ายให้ยอมทำตาม แต่หญิงสาวกลับไม่รู้สึกสะทกสะท้านใดใด ซ้ำยังยักคิ้วท้าทายอย่างไม่เกรงกลัวอีกด้วย
“แพทจะขึ้นก็ต่อเมื่อเล่นน้ำจนพอใจแล้วเท่านั้น พี่อิทไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่งกับแพท เพราะแพทไม่ใช่ลูกน้องของพี่”
ชนิกานต์ไม่สนใจทำตามคำสั่ง เธอบอกกับชายหนุ่มพร้อมปล่อยมือลอยคอว่ายน้ำห่างออกจากริมธาร
“บ้าชิบ!”
อิทธิฤทธิ์สบถออกมาอย่างหัวเสีย ก่อนจะหมุนตัวก้าวยาวๆ เดินกลับบ้านพักซึ่งอยู่ไม่ไกลนักเพื่อนำผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่มาให้สาวน้อย แต่ก่อนกลับไปหาเธออีกครั้งก็ไม่ลืมที่จะกำชับกับเด็กหนุ่มให้เฝ้าทางเอาไว้ ไม่ให้นายทหารหรือใครเดินเข้าไปบริเวณนั้นเป็นอันขาด!
“อย่าให้ใครไปที่ลำธารเด็ดขาด! เขาใจไหมไชยา”
“ครับผู้กอง”
ไชยารับคำโดยไม่ซักถามอะไรให้มากความ เพราะดูจากสีหน้าและท่าทางของเจ้านายหนุ่มตอนนี้ก็พอจะเดาออกมาว่าคุณหนูจอมป่วนไปก่อเรื่องไว้อีกแล้ว
“ขอย้ำว่าอย่าให้ใครเข้าไปเด็ดขาด! รวมทั้งนายด้วย!”
คำสั่งเฉียบขาดแต่แฝงไปด้วยความเรียบเย็นของผู้เป็นนาย ทำให้หนุ่มน้อยต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง ก่อนจะรีบพยักหน้ารัวเร็วรับคำอย่างแข็งขัน
“ครับ! ผมเข้าใจแล้วครับ!”
คลายหลังเจ้านายหนุ่มเดินออกไปยังไม่ถึงนาทีรถจี๊บคันใหญ่สีเขียวหลังคาผ้าใบก็มาจอดอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่ม เมื่อเห็นร่างสูงสง่าพอๆกับเจ้านายหนุ่มที่เพิ่งเดินจากไปในชุดเจ้าหน้าที่เสือไฟก้าวลงจากรถไชยาก็ยกมือไหว้ทักทาย
“สวัสดีครับหัวหน้า”
“อ้าว! ไชยาเก็บกระเป๋าจะกลับกรุงเทพฯ แล้วเหรอ”
ถามเสร็จก็ไม่คิดจะฟังคำตอบจากหนุ่มน้อยเสียก่อน แต่กลับเดินเบียดร่างสูงโปร่งทำท่าจะก้าวเข้าไปหลับบ้านพักทันที ถ้าหากไชยาไม่รีบขยับก้าวไปขวางด้วยสีหน้าตื่นตกใจเสียก่อน
“หัวหน้าจะไปไหนครับ”
“ไปยิงกระต่าย ปวดจะตายอยู่แล้ว”
“เอ่อ…ไปเข้าห้องน้ำที่บนบ้านดีกว่านะครับ”
ไชยาแนะนำ เพราะเกรงว่าหากปล่อยอีกฝ่ายเข้าไปในป่าตอนนี้เจ้านายหนุ่มที่กำชับนักหนาต้องไม่พอใจแน่ ทว่าอีกฝ่ายไม่ยอมฟังอะไรทั้งนั้น
“ไม่เป็นไร ในป่าสะดวกกว่า หลีกหน่อยฉันไม่ไหวแล้ว”
พูดจบมือใหญ่ก็ดันร่างสูงบางของเด็กหนุ่มออกไปให้พ้นทาง ก่อนจะก้าวยาวๆเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว
“อ้าวเฮ้ย! หัวหน้า…เข้าไปไม่ได้นะครับ”
“อย่าตามมาสิวะ ฉันจะไปฉี่”
“ไม่ได้นะครับ ไปทางนี้ไม่ได้”
“ทำไมจะไม่ได้ ป่าเป็นของนายคนเดียวหรือไง”
ภูมินทร์หันมาถามเด็กหนุ่มด้วยน้ำเสียงห้วนจัด ที่เดินตามมาติดๆ ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ปลดทุกข์สักที
“ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ แต่ผู้กองสั่งไม่ให้ใครเข้าไปครับ”
“ไม่เป็นไร ถ้ามันซ่อนความลับไว้หลังบ้าน ฉันจะเคลียร์กับมันเอง”
บอกพร้อมกับหันมาผลักไหล่เด็กหนุ่มเต็มแรงจนอีกฝ่ายเสียหลักเซถอยหลังไปหลายก้าว เพราะรูปร่างต่างกันมาก จากนั้นภูมินทร์ก็ก้าวอาดๆมองหาที่ปลดทุกข์ด้วยความรวดเร็ว
ด้านไชยาพอตั้งหลักได้ก็รีบวิ่งตามมาทันที