แล้วม่อนจะทำอย่างไรดี

1403 คำ
                “โอ้ย...” เธอรีบก้มลงมองนิ้วนางข้างซ้ายโดนคมแก้วบาดเข้าไปจริง ๆ เลือดหยดติ๋ง ๆ เธอรีบยกมันเข้าปากเป็นวิธีห้ามเลือดแบบผิด ๆ ก่อนจะใช้นิ้วหัวแม่มือข้างเดียวกันกดปากแผลเอาไว้                 “บ้าจริง ๆ” เธอต่อว่าตัวเองและรีบทำงานตรงนั้นให้เสร็จหันตัวออกมาจากห้องทำงานของนายรีบหลบเข้าห้องนอนตัวเองหาอุปกรณ์ทำแผลที่เธอชอบพกติดตัวเป็นประจำ เพราะรู้ตัวดีว่าเป็นคนซุ่มซ่าม                 พอออกมาถึงโต๊ะอาหารนายใหญ่ก็หายไปแล้ว ม่อนถอนหายใจออกมาอีกครั้งหนึ่งสอดส่ายสายตามองหาเขาแต่ก็ไม่เห็นในบริเวณนั้น                 นายดินกลับมานั่งที่โต๊ะทำงานเปิดวิดีโอบันทึกเทปเหตุการณ์ต่าง ๆ ในบ้านในช่วงสองอาทิตย์ที่เขาไม่อยู่จากการบอกเล่าของม่อน ภูผากับปภัสสรมาที่นี่เมื่อสัปดาห์ก่อน                 ภาพโรมรันพันตูของน้องชายของเขาและปภัสสรที่แสดงความรักต่อกันกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่หน้าห้องของนายดอย ก่อนที่ทั้งสองจะหายไปอยู่ในห้องนั้นด้วยกันทั้งคืน                 เขาขบกรามเน้นที่รู้สึกตอนนี้คือโกรธคนที่เขารักมากสองคนต่างหากที่ต่างพากันทรยศหักหลังเขาและที่ช้ำที่สุดคือน้องชายคนเดียวที่เขารักที่สุดในโลกไม่น่าทำกับพี่ชายตัวเองแบบนี้เลย                 นายดินเดินกลับมายังเคาน์เตอร์เหล้าที่อยู่กลางบ้านเปิดตู้เย็นที่เขาแช่น้ำแข็งและโซดาเอาไว้ออกมา วิสกี้ที่อยู่ในตู้ถูกนำออกมาเปิดและรินมันลงในแก้ว เขากระดกยกเข้าปากแก้วแล้วแก้วเล่า                 ม่อนนั่งลงกับพื้นแอบมองเขาจากในครัวทำตามที่ป้านาสั่งไว้ทุกอย่าง หากนายดินอยู่ในบริเวณนี้ห้ามไปไหนไกลเผื่อนายเรียกใช้ เธอยกมือปิดปากหาวเป็นบางครั้ง เมื่อคืนกว่าจะลงมาจากห้องนายก็เกือบตีสอง กว่าจะข่มตาให้หลับก็นานเอาการอยู่                 ม่อนนั่งหลับอยู่ตรงนั้นไปโดยไม่รู้ตัว เธอมารู้สึกตัวอีกครั้ง เมื่อมีอะไรเย็น ๆ มากระทบที่แก้มของเธอ ม่อนค่อย ๆ ปรือตาขึ้นเมื่อเห็นหน้านายดินอยู่ใกล้ไม่ถึงศอกและฝ่ามือของเขาที่แตะอยู่บนแก้มนวลเธอตกใจแทบช็อกลนลานขยับถอยหลังหนี                 “นายจะเอาอะไรคะ” เธอรีบถามเขาออกไปเสียงสั่นมองเขาตาเหมือนลูกกวางน้อยกลัวโดนเสือตะครุบ                 “น้ำแข็งในตู้เย็นของฉันหมด” เขาเอ่ยออกมาก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นยืน ม่อนรีบเกาะตัวกับผนังข้าง ๆ ดันตัวลุกขึ้นทั้ง ๆ ที่ยังรู้สึกมึนหัวตึบ ๆ และยังตื่นไม่เต็มร้อย                 “เดี๋ยวม่อนเอาให้ค่ะนาย” เธอรีบบอกเขาหมุนตัวกลับหลังอย่างรวดเร็วร่างเซถลาทำท่าจะล้มไม่เป็นท่า นายดินคว้าร่างของเธอไว้ได้ทันไม่ให้หน้ากระแทกเหลี่ยมโต๊ะที่อยู่ใกล้ ๆ                 “เป็นอะไรเราไม่สบายหรือ?” เขาถามน้ำเสียงดูห่วงใย ม่อนใจเต้นตุบ ๆ รีบแกะมือที่ยังคงโอบรอบเอวเธอเอาไว้แน่น แผ่นหลังของเธอแนบสนิทกับแผงหน้าอกที่มีไรขนทิ่มแทงทะลุเสื้อจนโดนแผ่นหลังเจ็บ ๆ คัน ๆ เขาไม่ปล่อยแต่ดันตัวเธอให้หมุนเข้ามาหาสูดลมหายใจเข้าปอดตรงแก้มนวลอย่างจงใจ                 “ชื่อม่อนหรือเราน่ะ” เขาถามออกมาดันตัวเธอห่าง เธอตัวสั่นเป็นลูกนกตกน้ำ                 “ค่ะ ชื่อม่อนค่ะ” ม่อนตอบเขาเสียงสั่น                 “ใช้แป้งอะไรหอมดีกลิ่นคุ้น ๆ” เขาถามขึ้นมาอีกทำจมูกฟุดฟิดใกล้ ๆ เธอรีบถอยหลังกรูด                 “ไม่มีราคาอะไรหรอกค่ะ แป้งเด็กธรรมดากระป๋องละยี่สิบบาทเองค่ะ” เธอตอบเขาเสียงดัง รีบเดินไปเปิดตู้เย็นใหญ่หยิบถุงน้ำแข็งในช่องแช่แข็งออกมา แล้วห่อผ้าทุบกับพื้นโต๊ะหินที่ทำเป็นเคาน์เตอร์เสียงดังโป้ก ๆ แล้วเทใส่โถน้ำแข็งที่เขายื่นส่งมาให้                 “ทำกับแกล้มให้สักสองอย่างสิ เดี๋ยวเอาไปให้ฉันในห้องทำงานนะ” เขาคว้าโถน้ำแข็งติดมือไปด้วย เดินไปหยิบข้าวของแล้วตรงดิ่งกลับไปที่ห้องทำงานตั้งใจนั่งดูเทปบันทึกต่อ                 เขากำมือแน่นและกัดฟันกรอดอีกหลายครั้งและถอนหายใจหนักติด ๆ กัน ภาพคนรักกับน้องชายที่ยังมีอีกหลายช็อตให้เขาช็อกเล่นเหมือนสองคนนั้นช่างไม่รู้มุมกล้องจะหลบจะหลีกก็ไม่มี                   “รอฉันอยู่ข้างล่างนี้แหละหาอะไรกินไปก่อนหรือไม่ก็นอนพักฉันจะอยู่คุยกับนายดอยสักสองสามชั่วโมงแล้วเราค่อยกลับ” นายดินบอกนายสนคนขับรถก่อนจะหิ้วของฝากน้องชายติดมือไปด้วย             เขาวิสาสะใส่กุญแจเปิดห้องน้องชายเข้าไป เมื่อก่อนตอนอยู่กรุงเทพฯ เขาก็อยู่ที่นี่นายดินรู้สึกปวดห้องน้ำจึงเดินเข้าห้องที่เป็นห้องนอนประจำของเขาเสมอ เขาใช้เวลาในนั้นหลายนาทีตอนเดินออกมาจากห้องภาพที่เห็นตรงหน้า             ปภัสสรที่นุ่งชุดนอนบางเบากอดรัดกับน้องชายที่มีแค่ผ้าเช็ดตัวสีขาวผืนเดียวพันอยู่กำลังจูบกอดกันอยู่หน้าห้อง ก่อนจะพากันเข้าไปในห้องนอน หัวเราะต่อกระซิกเสียงดัง             เขารีบเดินออกมาจากห้องนั้นแทบทันที ตอนนี้หัวสมองตื้อคิดอะไรไม่ออกตรงมาขึ้นรถแล้วสั่งนายสนให้ขับรถกลับมวกเหล็กทันที                   “สารเลว...” เขาสบถคำนี้อย่างนับไม่ถ้วน                 ม่อนเดินยกถาดอาหารว่างที่พอจะทำเป็นกับแกล้มเดินมาให้เขาที่ในห้อง เธอก็ยังทำตัวลีบ ๆ ก้มหน้างุด ๆ ไม่มองหน้ามองตานายดินเหมือนเดิม มือไม้ที่สั่นเทา ยกจานถั่วทอดและเนื้อแดดเดียวที่ยกวางบนโต๊ะเกือบหก                 “ม่อนเป็นอะไรนักหนา กลัวฉันหรือ ฮึ?” เขาถามเสียงเข้มเธอรีบเงยหน้ามองเขา เด็กสาวสั่นส่ายหน้าระรัวปฏิเสธทั้ง ๆ ที่ในใจรู้สึกกลัวเขาจริง ๆ                 “ไปเถอะไปวันนี้ฉันไม่กินข้าวเย็นนะ จะไปทำอะไรก็ไป” เขายกมือโบกสะบัดไล่เธอเสียดื้อ ๆ ม่อนรีบจ้ำอ้าวออกมาจากห้องนั้นอย่างเร็วรี่                 ‘นายดินจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้หรือเขาตั้งใจจำไม่ได้กันแน่’ ม่อนยกมือขึ้นกอดอกลูบแขนตัวเองแรงสองสามที เพราะรู้สึกหนาวขนลุกไปทั้งตัว น้ำตาเริ่มเอ่อรินลงมาอีกครั้งนั่งกอดเข่ามองไปยังทุ่งหญ้าที่นายปลูกไว้เลี้ยงโคนมสุดลูกหูลูกตา “ม่อนเป็นไงบ้างลูก” เสียงลุงอุ่นทักขึ้นหลังจากที่เธอรับสาย ลุงอุ่นโทรเข้ามายังโทรศัพท์บ้าน เพราะรู้ว่านายดินไม่เคยรับสายเลยแม้แต่ครั้งเดียว                 (“สบายดีจ้ะ”) เธอตอบสั้น ๆ น้ำตาเริ่มเอ่อแค่ได้ยินเสียงลุง ที่น้ำเสียงใกล้เคียงกับเสียงของพ่อของเธอแล้วก็เริ่มอุ่นใจ                 “กินอะไรหรือยัง” ลุงยังถามต่อ                 (“จ้า”) เธอตอบรับคำง่าย                 “เออ...ลุงจะโทรมาบอกแม่ของป้านาเสียแล้ว ลุงกับป้าคงจะต้องหยุดงานอีกเป็นอาทิตย์แหละ ลุงโทรบอกนายดินแล้ว ม่อนดูแลนายดินได้ใช่ไหมลูก” ลุงเล่าต่อและถามว่าเธอจะอยู่ได้ไหม                 ม่อนหน้าสลดลงทันทีเริ่มเป็นกังวล เพราะใจจริงไม่อยากจะอยู่บ้านนี้กับนายโดยลำพังอีกแล้ว แล้วเธอก็ยังรู้สึกตะขิดตะขวงใจพิกล ยิ่งเห็นนายดินทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นยิ่งรู้สึกนอยด์และมองหน้าเขาไม่ค่อยติด                 “เป็นอะไรวันนี้พูดน้อยจังทุกทีเห็นพูดจ้อ” ลุงทักเมื่อสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ                 (“เปล่าจ้ะ มันเหงา บ้านก็เงียบ ๆ”) เธอไม่อยากให้ลุงเป็นกังวลรีบทำน้ำเสียงให้เป็นปกติ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม