หลังมื้อเช้าและเช็กเอาต์ออกจากโรงแรม ทัตพลก็ขับรถกลับกรุงเทพ และมาถึงบ้านสองชั้นหลังใหญ่ที่มีบริเวณกว้างขวางทั้งสนามหญ้าและสวนหย่อนของเจนวัตรในตอนค่ำ ๆ เขาส่งกระเป๋าของเจ้านายให้คนใช้ และลากกระเป๋าของตัวเองเดินไปทางประตูหน้าบ้าน
"ไอ้ทัต แกจะไปไหน?" เจนวัตรเรียกคนที่กำลังจะก้าวพ้นประตูหน้าบ้านเอาไว้ และทัตพลก็หยุดเท้าหันกลับมา
"กลับบ้านสิครับ ถามแปลก"
"มากินข้าวเย็นก่อน ค่ำแล้ว แม่บ้านเขาทำเผื่อให้แกด้วยเนี่ย" เจนวัตรกวักมือเรียก
"หา? ให้ผมกินข้าวเย็นด้วยเหรอ?" ทัตพลย้อนถามด้วยความแปลกใจสุด ๆ หิมะจะตกไหมเนี่ย เจนวัตรเรียกเขากินข้าวเย็นด้วย
ทัตพลมาบ้านเจนวัตรบ่อยจนรู้จักแม่บ้านกับคนใช้ในบ้านทุกคน แต่เขาไม่เคยมากินข้าวด้วย และเจนวัตรก็ไม่เคยเรียกกินข้าว ทุกทีเขาแค่เอางานมาส่งแล้วก็กลับ หรือมาหาเจ้านายเพื่อตามไปทำงานต่างจังหวัดด้วยเท่านั้น
"เออ เข้ามาเดี๋ยวนี้เลย แล้วตอนกลับฉันจะให้ลุงตุ้มไปส่งแกกลับบ้าน ไม่ต้องโบกแท็กซี่" เจนวัตรกวักมือเรียกด้วยสายตาดุ ทัตพลรีบลากกระเป๋ากลับมาวางไว้ที่โต๊ะหินอ่อนข้างบ้านแล้วเดินเข้าบ้านตามเจ้านายไป
"หยุดนะ! ไอ้แวมไพร์ ห้ามกระโดดใส่เสื้อฉัน" ทัตพลรีบชี้หน้าหมาไซบีเรียนตัวโตที่ทำท่าจะกระโจนใส่เขา แต่มันทำหน้ามึนแล้วกระโดดเกาะทัตพลจนได้
"ไอ้หมาบ้า แกมันก็มึนเหมือนพ่อแกล่ะว่ะ" ทัตพลกระซิบด่า เขาผลักหมาขนฟูไปนอนบนโซฟา และนั่งลงข้างมัน
"แกด่าฉันอีกแล้วนะ ปากแกนี่เลี้ยงหมาไว้ทั้งฟาร์มหรือไงวะ" เจนวัตรเอากระป๋องเบียร์เย็นเจี๊ยบเคาะลงบนหัวทัตพลดังป๊อก
"อูยย ขอโทษครับ" ทัตพลจับกระป๋องเบียร์บนหัวแล้วเอามาเปิดดื่มพร้อมกับลูบหัวป้อย ๆ คนอะไรวะ มือหนักเป็นบ้า เขาชำเลืองมองเจ้านายที่ทิ้งตัวลงนั่งเอกเขนกที่โซฟาอีกตัว แล้วเกาคางแมวขนฟูที่นอนใกล้ ๆ
เจนวัตรเย็นชากับคน แต่กับแมวและหมานี่เขาช่างดูอ่อนโยนจริง ๆ สายตาที่มองแมวผิดกับสายตาที่มองหน้าเขาลิบลับ เจ้านายเขานี่พิลึกสุด ๆ แต่ก็น่ารัก
"มองไรวะ?" สายตาเย็นชาดุจเดิมปรายตามาทางคนนั่งจิบเบึยร์
"มองคนหล่อมั้งครับ" ทัตพลตอบแล้วหันหน้าหนี ยกเบียร์ดื่มอึก ๆ จนหมด
"ฉันหล่อมาตั้งแต่เกิดละ" คำตอบเรียบเฉยจนอีกฝ่ายแทบจะขยำกระป๋องเบียร์ปาหัวด้วยความหมั่นไส้ แต่ก็ได้แค่คิดเท่านั้น ใครจะกล้าทำล่ะ
สักพักแม่บ้านก็เดินมาเรียกเมื่อจัดโต๊ะอาหารเรียบร้อย เจนวัตรลุกขึ้นและเดินไปห้องอาหาร ทัตพลก็รีบลุกตามไป มื้ออาหารมีแค่เจนวัตรกับทัตพลแค่สองคน ส่วนพ่อกับแม่เจนวัตรย้ายไปทำรีสอร์ตอยู่ทางภาคเหนือหลายปีแล้ว
"คุณเจนทานข้าวคนเดียวทุกวันไม่เหงาเหรอครับ?"
"ไม่ อยู่คนเดียวสบายใจดี ฉันชินแล้ว" เจนวัตรตอบทั้งที่ไม่เงยหน้ามองคนนั่งตรงข้ามสักแวบ
ทัตพลเลิกสนใจเจ้านายผู้โคตรจะสันโดษแล้วกินข้าวต่อจนอิ่ม จากนั้นลุงตุ้ม คนรับใช้ในบ้านก็ขับรถไปส่งเขากลับบ้าน
บ้านของทัตพลอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรที่ไกลจากบ้านของเจนวัตรพอควร บ้านชั้นเดียว มีสวนหย่อมนิดหน่อยเอาไว้ให้พ่อปลูกไม้ประดับที่พ่อชอบ
"พ่อครับ ผมกลับมาแล้ว" ทัตพลเปิดประตูบ้านเข้าไป และชายวัยกลางคนตอนปลายที่ท่าทางไม่ค่อยแข็งแรงก็ยิ้มรับ
"กลับมาค่ำจัง กินอะไรมาหรือยัง" อิ่นแก้วถามลูกชายที่เข้ามากอด
"กินจากบ้านคุณเจนมาแล้วครับ พ่อล่ะ กินข้าวยัง" ทัตพลถามแล้วนั่งลงที่โซฟาข้างผู้สูงวัย
"กินแล้ว งานหนักไหม เจ้านายด่าหรือเปล่า?"
"งานไม่หนักครับ แต่คุณเจนน่ะ ชอบทิ้งผม ทำยังกับตัวเองมาคนเดียว..." ทัตพลเล่าแกมบ่นให้พ่อฟังยืดยาว และอิ่นแก้วก็หัวเราะในเรื่องที่ลูกชายเล่า
"อดทนเอาเถอะ เขาเป็นเจ้านาย เราเป็นลูกน้อง สิ่งไหนที่ยอมได้ก็ยอมไป"
"ผมยอมเขาทุกอย่างแหละ เพียงแต่... เขาไม่ค่อยเห็นผมอยู่ในสายตาเลย" ทัตพลถอนหายใจเฮือก
"ช่างเถอะ เขาไม่ดุด่าก็ช่างเขา ยังไงเขาก็ไม่เข้มงวดกับเรานี่ แล้วยังให้เงินเดือนสูงด้วย"
"ครับ ผมก็ว่างั้น" ทัตพลยิ้มแล้วคุยกับพ่ออีกพักใหญ่เขาก็ให้พ่อไปพักผ่อน เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปอาบน้ำเข้านอน คืนนี้เขาหลับเป็นตายเพราะความเพลียจากการขับรถทั้งวัน
ทัตพลตื่นแต่เช้าตรู่ รีบทำมื้อเช้าไว้ให้พ่อตามปกติของทุกวัน
"ตื่นเช้าจังนะลูก หลับสบายไหม?" อิ่นแก้วถามลูกชายด้วยรอยยิ้ม
"สบายมากครับ พ่อหลับสบายไหม? เจ็บตรงไหนหรือเปล่า? ไอบ้างไหม?" ทัตพลถามชายผมสีดอกเลาที่ท่าทางอิดโรยด้วยความเจ็บป่วย แต่ดวงตายังแจ่มใส
"พ่อสบายดี ไม่ต้องห่วงหรอก เอกกับพิมก็แวะมาหาบ่อยด้วย" อิ่นแก้วยิ้มให้
"ครับ ถ้าพ่อรู้สึกไม่สบายก็โทรหาผมเลยนะ ผมจะรีบมาหา" ทัตพลมองพ่อด้วยแววตาเป็นห่วง
"เออน่า รีบไปทำงานเถอะ" อิ่นแก้วหัวเราะแล้วโบกมือไล่ลูกชายคนเล็ก
ทัตพลมองพ่อแล้วขับรถออกจากบ้าน อิ่นแก้วสุขภาพไม่ดี ร่างกายไม่แข็งแรงและต้องไปหาหมอประจำ พี่ชายเลยให้พ่อมาอยู่ที่กรุงเทพ เพื่อจะพาไปรักษาอาการได้สะดวก ถ้าอยู่ที่เชียงใหม่ก็จะไม่มีคนดูแล แม่เขาเสียไปนานแล้ว พวกญาติ ๆ ก็พึ่งไม่ได้ จ้องแต่จะเอาเงินเอาบ้านกับสวนของพ่อ
พี่ชายเขาเป็นข้าราชการ ค่ารักษาพยาบาลเลยเบิกได้ ไม่ลำบากในส่วนนี้ แต่พี่อยู่กับภรรยาและลูกชายอีกบ้านหนึ่ง มันไกลโรงพยาบาลไปหน่อย ทัตพลเลยให้พ่อมาอยู่กับเขา และพี่เอกทัศน์กับพี่พิมพร พี่สะใภ้ที่เป็นครูจะแวะเวียนมาหาพ่อประจำ
ไม่นานก็มาถึงบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ที่เขาเองก็ซื้อไปให้พ่อทานร่วมกับอาหารหลัก ขายเองซื้อเอง ได้ทั้งส่วนลด ได้ทั้งค่าคอมมิชชั่น แล้วยังเอาไปขายให้พวกป้า ๆ ในหมู่บ้านด้วย แต่นั่นช่างเถอะ มันแค่งานเสริม งานหลักอยู่ตรงหน้าต่างหาก
ทัตพลมองโต๊ะทำงานของตัวเองที่อยู่ในออฟฟิศและอยู่หน้าห้องประธานบริหารด้วยความปวดกะโหลก เขาไปต่างจังหวัดกับเจ้านายแค่สี่วัน แต่ทำไมเอกสารมันถึงเยอะขนาดนี้วะ
"ไอ้ทัต ของฝากกูล่ะ" ชายหนุ่มวัยเดียวกันกับทัตพลล็อกคอเขาแล้วแบมือยื่นมาข้างหน้าพร้อมรอยยิ้มกระหยิ่ม
"ของฝากบ้าไรไอ้ชล กูไปทำงาน ไม่ได้ไปเที่ยว" ทัตพลผลักหน้าเพื่อนออกไปแล้วนั่งลงที่เก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน
"จริงเหรอวะ? มึงไปเปิดสาขาใหม่กับบอส แล้วกำหนดการกลับคือเมื่อวาน แต่มึงกับบอสกลับมาวันนี้ แสดงว่าต้องไปเที่ยวกันวันนึงดิ" ชลธารหรี่ตามองหน้าคนนั่งทำหน้าเซ็งสุดขีดด้วยความไม่เชื่อ
"มึงคิดว่ากูไปกับบอสหน้านิ่งไร้อารมณ์แบบนั้นกูจะไปเที่ยวที่ไหนได้วะ มีแต่บอสนั่นแหละ ไปกินข้าวก็ไม่บอก ไปกินเบียร์ก็ไม่บอก ทิ้งกูนอนเฝ้าโรงแรมคนเดียว กูคุยกับสาว ๆ ที่สาขาก็ไม่ได้ ด่ากูอีก เอาแต่ทำงาน ช่างเย็นชาไร้อารมณ์สนุกจริง ๆ" ทัตพลบ่นให้เพื่อนรักที่เรียนมาด้วยกันฟัง
"ฉันมันคนเย็นชาไร้อารมณ์สนุกสินะ" เสียงเรียบดังจากข้างหลังชลธาร ทำเอาสองหนุ่มสะดุ้งเฮือกหน้าถอดสี ชลธารกระโดดไปยืนห่าง ๆ ด้วยความรวดเร็วยังกะเท้าติดสปริง
"บอส! สวัสดีครับ" ชลธารหัวเราะแหะ ๆ "ผมไปทำงานละครับ" ว่าแล้วก็เผ่นแน่บ ทิ้งเพื่อนเผชิญชะตากรรมคนเดียว
"แกด่าฉันแต่เช้าเลยนะ สนุกนักเหรอ นินทาฉันเนี่ย" เจนวัตรยืนกอดอกมองคนที่นั่งทำหน้ามึน
"ด่าที่ไหน ผมชมต่างหาก มันเป็นคำเปรียบเปรยของจีนนะ บอกว่าบอสเป็นคนใจเย็นและหนักแน่นไม่หวั่นไหวต่อรอบข้างไงครับ"
"ใช่เหรอวะ? อย่าเอาสีข้างเข้าแถเลยว่ะ สุภาษิตจีนน่ะ ฉันอ่านมาเยอะแล้ว ไม่มีประโยคที่แกด่าฉันสักนิด" เจนวัตรหรี่ตามองเลขาหนุ่มอย่างเอาเรื่อง
"ผมไปชงกาแฟให้นะครับ" ทัตพลรีบลุกแต่โดนคนหน้าดุกดไหล่ให้นั่งลงที่เดิม
"ไม่ต้อง! ฉันกินมาแล้ว!" เจนวัตรคำรามฮึ่มแล้วเค้นเสียงใส่เลขาตัวแสบก่อนจะตบปังลงบนกองแฟ้มบนโต๊ะทำงาน
"วันนี้แกเคลียร์เอกสารพวกนี้ให้หมดเลยนะ ไม่เสร็จก็ไม่ต้องกลับบ้าน แล้วฉันจะไม่ให้โอทีวันนี้ด้วย"
"หมดเนี่ยนะครับ!" ทัตพลร้องออกมา
"เออ! หมดนี่เลย! ทำงานให้เก่งอย่างปากเถอะ" เจนวัตรจ้องหน้าคนนั่งหน้าเจี๋ยมเจี้ยมด้วยสายตาดุแล้วสะบัดหน้าเดินเข้าห้องตัวเองไป
"โหย หมดนี่เลยเหรอ ถึงเที่ยงคืนจะเสร็จไหมวะ" ทัตพลยกมือกุมหน้าด้วยความปวดใจ นี่ต้องโทษความปากเสียของตัวเองสินะ แต่ทุกครั้งที่เขาแอบนินทาเจ้านายทีไร คนถูกนินทาก็โผล่มาทุกทียังกะรู้ว่าถูกนินทา มีพรายกระซิบหรือเปล่าวะ
ในเมื่อทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้ก็ต้องรีบจัดการเอกสารสารพัดตรงหน้าให้เสร็จ เขาไม่อยากกลับบ้านค่ำนัก เพราะเป็นห่วงพ่อ ถึงจะรู้ว่าพี่ชายจะไปหาพ่อเกือบทุกเย็นแล้วก็เถอะ แต่เขาออกต่างจังหวัดบ่อย เลยไม่ค่อยได้ดูแลพ่อเท่าไหร่ ถ้ามีเวลาก็ต้องรีบชดเชยก่อนที่จะไม่มีโอกาส พ่อเขาอ่อนแรงลงมากแล้ว
"นี่นาย เจนอยู่ไหม?" เสียงแหลมทักขึ้นกะทันหันจนคนกำลังตั้งใจทำงานแอบสะดุ้งและรีบเงยหน้ามองต้นเสียง
"คุณ... เอ่อ..."
"ฉันชื่อชนิตา จำไว้บ้างสิ!" หญิงสาวร่างเพรียวบางแต่สัดส่วนบนล่างไม่บางต่อว่าด้วยท่าทีไม่พอใจ
"คุณชนิตาเหรอ?" ทัตพลรีบเปิดลิ้นชักหยิบสมุดตารางงานเล่มสีชมพูขึ้นมาเปิดดูอย่างรวดเร็ว
"วันนี้ไม่ใช่คิวของคุณครับ เสียใจด้วย เป็นคิวของคุณเมริสา" ทัตพลเอ่ยด้วยรอยยิ้มกริ่ม
"ว้าย! ไม่มีนัดนี่จะพบเจนไม่ได้เลยเหรอยะ!" ชนิตาแหวขึ้นด้วยความไม่พอใจ
"ขอโทษครับ ผมให้คุณชนิตาเข้าพบคุณเจนไม่ได้ครับ ไม่งั้นถ้าคุณเมริสามาเจอคุณชนิตากำลังอยู่กับคุณเจน เดี๋ยวจะมีเรื่องกันครับ" ทัตพลตอบอย่างไม่แยแสต่อคู่ควงของเจ้านาย
"ตายแล้ว! นี่เลขาของเจนปากร้ายกับแฟนของเจ้านายแบบนี้เลยเหรอ? ฉันจะฟ้องเจนให้ไล่คนไม่มีมารยาทแบบนายออกจากงาน" ชนิตาโวยวายเสียงดัง
"เชิญครับ ถ้าผมจะถูกไล่ออกเพราะเสียมารยาทต่อ 'แฟน' ของเจ้านายผมยอมครับ แต่ผมมั่นใจว่าผมจะไม่ถูกไล่ออกเพราะเสียมารยาทต่อ 'คู่ขา' ของเจ้านายแน่นอนครับ แล้วสำหรับคุณ ผมจะไม่จัดวันนัดให้พบเจ้านายผมอีกก็ได้นะครับ" ทัตพลยิ้มหวานให้ชนิตา
"ต๊าย! นี่นายขู่ฉันเหรอ!" ชนิตาเริ่มขึ้นเสียงด้วยความโกรธ
"ผมไม่ได้ขู่ครับ ผมพูดความจริง" ทัตพลมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาวาว
ชนิตามองหน้าทัตพลด้วยความไม่พอใจก่อนจะสะบัดหน้าและเดินกลับไปด้วยความหงุดหงิด ที่เลขาหน้าห้องไม่ยอมให้เธอเข้าพบเจนวัตร และเธอก็ไม่สามารถโทรหาเจนวัตรได้ เขาจะไม่รับสายใครเลยถ้าไม่รู้จัก และเจนวัตรก็จะไม่บันทึกเบอร์ของบรรดาสาว ๆ ของเขาลงโทรศัพท์มือถือด้วย
"ปากร้ายกาจขึ้นนะ แล้วยังไล่คู่ขาของฉันด้วย" เสียงทุ้มนุ่มดังมาจากทางห้องประธานบริหารพร้อมสายตาดุจากหน้าคมเข้ม
"ผมแค่ทำตามหน้าที่เท่านั้น และบ่ายนี้คุณเมริสาก็จะมาหาคุณเจนด้วย ผมไม่อยากได้ยินพวกเธอแว้ดใส่กันเท่านั้นเอง มันรบกวนการทำงานของคนอื่น"
"อือ ช่างเถอะ ชงกาแฟให้ฉันด้วยนะ" เจนวัตรพยักหน้าแล้วกลับเข้าไปในห้องทำงานตามเดิม
-------------------------