เหมือนแก้วที่หลับมาตลอดทางบนหลังม้า ถูกนายแสนปลุกให้ตื่นเมื่อเขาเห็นบ้านไร่ปลายนาหลังเล็กหลังหนึ่ง
“ถึงแล้วหรือพี่แสน” เหมือนฝันงัวเงียถาม
“ยังขอรับ คืนนี้เราจะขอพักที่บ้านข้างหน้านั้นสักคืนเสียก่อน” นายแสนตอบ
“ฉันนึกว่าเราถึงพระนครแล้วเสียอีก”
“ถึงพระนครแล้วขอรับ แต่ยังไม่ถึงเรือนเจ้าพระยา”
“อยู่ไกลหรือ”
“เลยคุ้งน้ำนี่ไปก็ถึงแล้วขอรับ”
“แล้วเหตุใดเราไม่เลยไปที่นั่นเลยเล่าพี่แสน แก้วอยากพบเจ้าพระยาเพื่อนท่านพ่อ แก้วจะเล่าให้ท่านฟัง จะให้ท่านพาแก้วไปหาท่านพ่อ” เหมือนแก้วว่า
“เพลานี้คงไม่เหมาะจะเข้าพบ รอเช้าก่อนหนานายน้อยแก้ว”
เหมือนแก้วหน้าหงอยลงไปถนัดตา
“แล้วให้แก้วเปลี่ยนชุดได้หรือยัง”
“ชาย2คนขอพักแรมคงไม่เหมาะ เจ้าเรือนจะไม่ไว้ใจเอาได้ง่ายใส่ชุดนี้ดังเดิมเถิดขอรับ”
“น่าอาย” เหมือนแก้วพองแก้มประท้วง นายแสนเลยขยับผ้าปิดหน้าของเหมือนแก้วให้มิดขึ้น
“งามกว่าลูกสาวบ้านไหนขอรับ”
“พี่แสนน่ะ อย่าว่าแซวฉันนักสิ”
เมื่อจูงม้ามาจนถึงบ้านไร่ปลายนา นายแสนก็ขอเจ้าของเรือนค้างสักคืนโดยอ้างว่าเป็นนักเดินทางผ่านมา
“จะพาเมียไปไหนล่ะพ่อ” ยายเจ้าของเรือนถามพรางยกสำรับมาต้อนรับขับสู้
“ฉันจะไปสุพรรณจ๊ะ แต่ผ่านมาไม่มีบ้านเรือนเลย จึงได้มาถึงเรือนยายเสียมืดค่ำ”
“โอ่ว แถวนี้มีแค่เรือนฉันแค่หลังเดียวเท่านั้นล่ะพ่อ แต่เดินไปอีกหน่อยจะเจอเมืองแล้ว” ยายว่า
“ขอบน้ำใจตายายที่ให้ฉันกับเมียพักในคืนนี้”
“ไม่เป็นไรๆ ว่าแต่เมียเอ็งมันเป็นใบ้หรือ เงียบชอบกล” ตาตั้งข้อสงสัย
“ขอรับ” นายแสนว่าเพื่อหวังตัดบท
“อ่อ น่าเวทนาเสียจริง”
รุ่งสาง นายแสนลุกขึ้นอาบน้ำอาบท่าแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมจะเดินทางต่อ
“ชุดเอ็งมันขาดหมดแล้ว เอาชุดใหม่ยายไปนะ” ยายเจ้าของเรือนบอกพรางยื่นห่อผ้าที่ใส่ชุดของหล่อนไว้ภายใน2-3ชุด เหมือนแก้วเลิ่กลั่กไม่รู้ควรรับดีไหม นายแสนจึงรับมาแทนพร้อมกล่าวขอบคุณและได้ลาจากกัน
“พี่แสน เราไม่ให้ค่าตอบแทนตายายหน่อยหรือ” เหมือนแก้วถามเมื่อพวกเขาขี่ม้าเลยออกมาไกลแล้ว
“ไว้ค่อยกลับมาให้วันหลังขอรับ” นายแสนบอก
“แล้วฉันเปลี่ยนชุดได้หรือยัง”
“ยังก่อน ทางมันเปลี่ยวนัก หรือไม่พวกมันอาจดักรออยู่ที่พระนครแล้วก็เป็นได้”
“ทำไมล่ะ พวกนั้นได้ทุกสิ่งไปแล้วนี่ เหตุไฉนต้องคอยตามราวีเราเช่นนี้ด้วย” เหมือนแก้วตั้งข้อสงสัย
“สมบัติพระยาท่าน แม้มีมาก แต่ส่วนใหญ่ที่เหลือไว้ล้วนเป็นที่นา” นายแสนว่า
“เขาอยากได้ทองหรือ ทั้งที่ที่นามากมายขนาดนั้น แทบจะมากกว่าครึ่งของเมืองด้วยซ้ำ เพียงเพชรพลอยไม่กี่ชั่ง ต้องทำกันถึงขนาดนี้เชียวหรือ”
“ไม่ใช่ทองหรือเพชรพลอยดอก แต่ชื่อในที่ดิน ผู้ที่สืบทอดก็ต้องเป็นลูกเมียเท่านั้น”
“อ่อ นั้นสิ เลยอยากจับฉันไปเซ็นมอบที่ดินให้” เหมือนแก้วได้ข้อสรุป
“มีทางง่ายกว่านั้น คือตราของพระยาท่าน แค่มีมัน พวกมันแต่งเรื่องเพียงนิดหน่อย ทั้งอำนาจทั้งทรัพย์สินทั้งหมด ก็ตกเป็นของมันแล้ว”
“ฉันไม่ต้องการสิ่งใดดอก แค่อยากกลับไปหาท่านพ่อ ถ้ามันจะแลกกันได้”
“นายน้อยยังอ่อนเดียงสานัก” นายแสนพูดแค่นั้นแล้วเร่งควบม้าไปตามทาง
ในตลาดคึกคักต่างจากเมืองจันทบูรณ์มากโข ผู้คนแต่งการอวดโอ้ฐานะกันด้วยผ้าราคาแพงและเครื่องประดับนานา มันจะเป็นที่น่าเพลิดเพลินมาก หากว่าเหมือนแก้วอยู่ในเวลาปกติสุข
นายแสนพาเหมือนแก้วขี่ม้าย่างเหยาะช้าๆ มุ่งหน้าสู่เรือนเจ้าพระยาเผด็จ อยากจะเร่งร้อน แต่ผู้คนที่เบียดเสียดทำให้เขาเคลื่อนไหวได้อย่างเชื่องช้าราวกับกำลังมาเดินเที่ยว
“ว๊ายยย!!!” เสียงร้องวี๊ดว๊ายดังอยู่ไกลๆ พร้อมชายฉกรรจ์ท่าทางกักขฬะกลุ่มใหญ่ ที่เหมือนกำลังตามหาใครสักคนอยู่
“พี่แสน” เหมือนแก้วเรียกนายแสนพร้อมกระตุกเสื้อเขาเพื่อบอก
นายแสนเห็นพวกมันแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรต่อดี
ยิ่งพวกมันเปิดดูหน้าทุกคนที่พันหน้าอยู่อย่างนี้ เห็นทีพวกเขาคงถูกจับได้เป็นแน่
“ผู้คุมไม่ทำงานหรือไงนะวันนี้ นักเลงตลาดอยู่นั้น” เหมือนแก้วว่าบ่นร้อนใจ
“เรือนเจ้าพระยา อยู่ที่คุ้งน้ำด้านหน้า หาไม่ยากดอกขอรับ” นายแสนว่ากับนายน้อย
“จะถึงแล้วหรือ” เหมือนแก้วตาโตใจชื้นขึ้นเป็นกอง พวกเราจะปลอดภัยแล้ว ฉันจะได้กลับไปกราบท่านพ่อแล้ว
“ขอรับ แต่นายน้อยต้องไปคนเดียวก่อน” นายแสนว่า
“แล้วพี่ล่ะ”
“กระผมจะล่อพวกมันไปทางอื่น”
“แต่…”
“อย่าทำเสียเรื่องเลยขอรับ ได้โปรดเถิด” นายแสนบอกอย่างร้อนใจแล้วเอาตราประจำตัวพระยาไกรสิงห์ส่งให้เหมือนแก้ว ก่อนจะอุ้มเขาลงจากหลังม้าไป เหมือนแก้วกัดริมฝีปากแน่น แต่ยอมทำตามที่นายแสนบอกแต่โดยดีแล้วค่อยๆ หายไปในหมู่คน
เมื่อเห็นว่านายน้อยท่าจะปลอดภัยดีแล้ว นายแสนจึงกระตุกสายรัดบังคับม้าอย่างแรงจนมันตกใจยกขาหน้าขึ้น พรางกรีดเสียงร้องเรียกแขกเหรื่อ
ได้ผล กลุ่มชายฉกรรจ์วิ่งฝ่าฝูงจนกรูกันเข้ามาโดยพลัน นายแสนพาม้าเอี่ยวตัวหมุนหน้าไปอีกทาง ก่อนจะควบอาชาหนีไปได้อย่างรวดเร็ว
‘พี่แสน ขอให้พี่ปลอดภัย’ เหมือนแก้วภาวนา ชายหนุ่มในชุดสาวชาวบ้านเร่งสาวเท้าเดินไปยังทิศที่นายแสนบอก แต่ถึงอย่างไรก็ยังไม่มีวี่แววขอเรือนพระยาเลย
“ขอโทษเถิดพ่อ เรือนเจ้าพระยาอยู่ตรงไหนหรือจ๊ะ” เด็กหนุ่มหยุดถามทางเพื่อจะได้ไม่หลง
“เดินเรียบไปตามคุ้งน้ำ เลยหัวโค้งข้างหน้าก็จะเจอเรือนพระยาท่านแล้วจ๊ะแม่” ชายขายปลาหันขึ้นมายิ้มบอก เหมือนแก้วผงกหัวขอบคุณแล้วเร่งเดินทางต่อไป
ทางเดินไม่ได้ไกลมาก แต่ด้วยหัวใจที่เต้นระส่ำอยู่ตลอดเวลาทำให้ทางมันดูไกลกว่าความเป็นจริงเป็นโยชน์
เหนื่อยเหลือเกิน แต่ฉันต้องไปให้ถึง เหมือนแก้วบอกตัวเองก่อนจะใจชื้นขึ้นมาเมื่อเห็นหลังคาของสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่โผล่พ้นยอดไม้อยู่ไม่ไกล
“นั่นใคร” เสียงคนสวนฟังดูดุดันและเร่งเดินมาทางผู้บุกรุก
“ฉัน…ฉัน มาหา ท่าน พระยา…” เหมือนแก้วพูดจาตะกุกตะกักด้วยกำลังหายใจหอบ
“อ่อ” ชายคนสวนมองเหมือนแก้วตั้งแต่หัวจรดเท้า ถึงจะแต่งตัวมอซอไปหน่อย แต่หน้าตางามใช่ย่อยเลยหนาแม่สาวคนนี้ คงอยากมาพึ่งใบบุญท่านอีกคน เป็นหญิงงามนี่สบายจริงหนา
“ตามมาแม่” เขาบอกแล้วพาเดินไป
“เดี๋ยวจ๊ะ ฉันจะเป็นลมแล้ว” เหมือนแก้วบอกเสียงพร่าอยากพักหน่อย แต่ดูท่าชายคนสวนจะไม่ได้ยิน เพราะเดินฉับๆ ไปทางเรือนใหญ่เร็วพลัน เหมือนแก้วจึงจำต้องฝืนตัวเพื่อเร่งตามไปให้ทันกาล