พราวตะวันสูดหายใจเข้าลึกๆ เรียกสติของตนเองเพื่อให้หายจากอาการตื่นเต้น ก่อนจะก้าวไปที่ประตูห้องเพื่อเปิดรับเพื่อนเข้ามา
“อาบน้ำอยู่นี่เองถึงได้ไม่ยอมมาเปิดประตู ฉันนึกว่าเป็นอะไรซะอีก” อาหมิงบ่นอุบอิบ พราวตะวันได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ รับหน้าเพื่อนทั้งที่ยังอกสั่นขวัญแขวนกับคนใจร้อนยังไม่หาย
“มีอะไรหรือเปล่าอาหมิง ฉันอาบน้ำอยู่ ยังไม่เสร็จเลย เห็นเธอเคาะประตูไม่หยุดเลยรีบออกมาหาก่อน”
“ฉันจะมาชวนเธอไปช่วยเลือกซื้อของเล่นให้น้องชายตรงเลดี้มาร์เก็ตที่หม่งก๊ก เธอรีบไปอาบน้ำต่อไป”
“อะ เอ่อ คือว่า ฉันว่าเราไปวันหลังดีกว่ามั้ย เพราะว่าวันนี้ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายเท่าไหร่อ่ะ”
“จริงเหรอโยโกะ แล้วเธอเป็นอะไรมากหรือเปล่า ฉันไม่ได้สังเกตเธอ หน้าเธอแดงๆ ปากแดงๆ แปลกๆ เป็นภูมิแพ้หรือเปล่านี่”
“คงจะใช่มั้งจ๊ะ วันนี้ฉันขอโทษนะที่ไปเป็นเพื่อนเธอไม่ได้” สีหน้าของพราวตะวันเจื่อนลงเพราะความรู้สึกผิด หากแต่มันไม่ได้เกิดจากความรู้สึกผิดเพราะว่าไปเป็นเพื่อนกับหมิงลี่เฟยไม่ได้ แต่เพราะรู้สึกผิดที่โกหกเพื่อนต่างหาก
“ไม่เป็นไรหรอก เธอไม่สบายขนาดนี้ฉันคงไม่บังคับเธอไปหรอกน่า งั้นเธอรีบไปอาบน้ำต่อเถอะ จะได้มาพักผ่อน เดี๋ยวฉันนั่งรอดูเธอ เผื่อว่าจะไม่ไหวจะได้ไปหาหมอ”
คนที่กำลังจะถอนหายใจโล่งอกที่ส่งเพื่อนกลับได้กลับแทบทรุดลงอีกรอบเมื่อเพื่อนบอกว่าจะอยู่ที่นี่ แล้วไมเคิลล่ะ เธอจะเอาเขาไว้ไหน
“เอ่อ ฉันไม่เป็นไรจริงๆ เธอจะต้องไปธุระก่อนก็ไปเถอะ ไม่ต้องห่วงฉันหรอก เดี๋ยวฉันไม่ไหวฉันจะโทรหาเธอทันทีเลย”
“ไม่เหนือบ่ากว่าแรงเท่าไหร่หรอกน่า ฉันอยากจะแน่ใจว่าเธอโอเคหรือเปล่าเท่านั้น” อาหมิงบอก ก่อนจะเดินเข้ามานั่งโซฟาแล้วมองมาที่พราวตะวัน เมื่อก่อนถ้าเป็นอย่างนี้เธอก็ดีใจที่เพื่อนเป็นห่วงและดูแลเป็นอย่างดีเพราะเธอจากบ้านจากเมืองมาไกล แต่ตอนนี้ความห่วงของอาหมิงสร้างความลำบากใจให้เธออย่างมากมายเลยทีเดียว
“งั้นเดี๋ยวฉันจะไปอาบน้ำต่อก่อนนะจ๊ะ” พราวตะวันบอก สีหน้าเหมือนจะร้องไห้ของเธอสลับกับอาการหน้าซีดแลดูตื่นๆ นั้นยิ่งทำให้อาหมิงแน่ใจว่าไม่ควรปล่อยพราวตะวันไว้คนเดียว ไม่อย่างนั้นเกิดไม่สบายหนักขึ้นมาแล้วโทรหาเธอไม่ไหว เกิดอะไรร้ายแรงขึ้นใครจะดูแล นี่ถ้าไม่ติดว่าต้องกลับไปดูแลมารดาที่บ้าน เธอคงอยู่กับพราวตะวันที่นี่แล้ว
ประตูห้องน้ำถูกเปิดออกพร้อมกับพราวตะวันที่แทรกตัวเข้าไปแล้วปิดประตูอย่างรวดเร็ว ดวงหน้าตื่นๆ ของเธอหันมาสบกับดวงหน้าดุๆ ของคนที่ถูกขังอยู่ในห้องน้ำ
“อย่าเพิ่งพูดอะไรค่ะ” เธอกระซิบบอกเขา ก่อนจะเปิดฝันบัวจนน้ำไหลหล่นกระจายโดนตัวเขา “เพื่อนฉันไม่ยอมกลับเขาคิดว่าฉันไม่สบายเลยจะอยู่ดูจนกว่าจะแน่ใจว่าไม่เป็นอะไรมาก ฉันจะแกล้งเข้ามาอาบน้ำแล้วออกไปนอนข้างนอก คุณรออยู่ในห้องน้ำจนกว่าเขาจะกลับนะคะ” เธอกระซิบบอกเขาก่อนที่เขาจะโวยวาย ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดเขาพูดอะไรขึ้นมาอาหมิงต้องรู้แน่นอนว่าเธอไม่ได้อยู่คนเดียว
“นี่มันอะไรกันวะเนี่ย ทำไมวุ่นวายอย่างนี้ บัดซบ” เขาสบถอย่างมีโมโห ชุดราคาแพงของเขาเปียกปอนไปหมด เว้นเสียก็แต่สูทกับเนคไท พร้อมเข็มขัดหนังจรเข้ที่เขาถอดพาดราวในห้องน้ำเอาไว้เพราะว่าร้อน สงสัยเขาต้องหาที่อยู่ให้พนักงานเสียแล้ว ดูแต่ละคนที่ออกมาอยู่ข้างนอกสิ ลำบากลำบนกันเหลือเกิน ขนาดพนักงานขายที่รายได้ดีที่สุดยังต้องมาอยู่ห้องที่แสนแคบแถมห้องน้ำเล็กไม่แยกส่วนเปียกส่วนแห้งอีกต่างหาก
“ฉะ ฉันขอโทษค่ะ”
ไมเคิลถอนใจ ไม่รู้ว่าจะโทษใครดี ผิดที่เธอ เพื่อนเธอ หรือว่าเขาเอง แต่เขาว่าน่าจะเป็นเขามากกว่า เพราะถ้าเขาเรียกเธอไปหาที่โรงแรมหรือที่อื่นสักที่ที่สะดวกกว่านี้คงไม่มีเรื่องบ้าๆ นี่เกิดขึ้น แต่เป็นเพราะว่าเขาไม่อยากรออะไรทั้งนั้น เขาจึงออกมาจากที่ทำงานแล้วมาหาเธอเลย
“เพื่อนเธอจะอยู่นานไหม”
“ไม่นานหรอกค่ะ เดี๋ยวเขาก็คงไป”
“ดี” ไมเคิลบอก แล้วเขาก็หรี่ตามองมาที่ใบหน้าตื่นๆ ของเธอ ก่อนจะลดลงมาที่เรียวปากสั่นระริกที่เขาเพิ่งลิ้มชิมความหวานไป มันหวาน อย่างที่เขาคิดไม่มีผิดสมกับที่เขาต้องรันทดต่างๆ นาๆ เพื่อมาพบเธอจริงๆ
เอาเถอะ เพราะเห็นแก่ความน่ารักของเธอเขาจะแกล้งลืมๆ เรื่องที่ชวนโมโหวันนี้ก็แล้วกัน