โรงแรมหรูติดทะเลพัทยาสูงระฟ้าถึงสามสิบชั้น ภายในห้องนอนยังคงถูกประดับด้วยภาพจิตรกรรมลายไทย เตียงหรูขนาดคิงไซส์ถูกวางไว้ตรงกลาง ตรงปลายเท้ามีกระจกบานใหญ่ถูกแกะสลักงามอย่างไทยประดับไว้อย่างลงตัว ประตูกระจกใสที่สามารถเปิดออกไปยังระเบียงที่เวลานี้ไม่เหมาะเท่าไหร่นักที่จะออกไปยืนสูดอากาศเพราะเมฆดำที่ส่งเสียงอยู่ข้างนอก กำลังก่อตัวเป็นสายฝนในอีกไม่นาน
กริ๊งงงงง
เสียงโทรศัพท์ที่ไว้ใช้ภายในโรงแรมตรงหัวเตียงดังขึ้น ทำให้ศิยามลเด้งตัวไปรับด้วยความรวดเร็ว ดูจากหมายเลขโทรเข้ามาจากห้องพักในโรงแรมเหมือนกัน ทำให้เธอรู้ดีว่าใครคือปลายสายที่จะโทรมาในตอนนี้
“คุณนนท์ เหรอคะ” ศิยามลแสร้งทำเป็นกรอกเสียงใสๆคุยกับคู่สนทนา
(ผมจะชวน สองคนไปทานมื้อค่ำน่ะครับ) เสียงชานนท์โทรมาจากห้องพักอีกชั้น
“ดีเลยค่ะ แคทกำลังหิวพอดี”
(แล้ว มัฑ ล่ะครับ)
“หลับไปแล้ว เห็นบ่นว่าเหนื่อย เราไปกันสองคนก็ได้นะคะ” สิยามลรีบชิงตอบทันควันทันทีที่ชายหนุ่มถามถึงหญิงสาวอีกคน
(ครับ งั้นเดี๋ยวเจอกันข้างล่างนะครับ) ปลายสายตัดไปพร้อมกับศิยามลที่ยิ้มแก้มปริเพราะแผนการของเธอกำลังไปได้สวยเลยทีเดียว
“พี่แคท แต่มัฑก็หิวนะ”มัฑนาผู้เป็นน้องสาวรีบประท้วงขึ้นเมื่อได้ยินศิยามลโกหกไปว่าเธอหลับแล้ว ทั้งๆที่เธอยังนั่งเคลียร์งานตรงหน้ากองมหึมา
“ไม่ต้องเลย เวลานี้แหละ ที่เหมาะแก่การจับคุณนนท์ แกกำลังทำงานอยู่นี่”น้ำเสียงลอดไรฟันบอกให้รู้ว่าศิยามลไม่ค่อยชอบใจกับความจุ้นจ้านของน้องสาวตัวดีเท่าไหร่นัก
“มัฑบอกแล้วไงว่าเขามีภรรยาแล้ว”
“แกเลิกยุ่งกับฉันสักทีได้ไหม ฮะ!”
ผู้เป็นพี่ตวาดเสียงกร้าวพลางหยิบกระเป๋าสะพายแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ผหญิงสาวนั่งถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้าในความดื้อรั้นของพี่สาว
มัฑนาอาบน้ำชำระร่างกายแล้วกลับมานั่งจัดการกับเอกสารตรงหน้าต่อ เธอจะต้องทำทุกอย่างให้เสร็จเพื่อที่จะนำเสนอแผนงานให้กับ ภัทรริน ประธานผู้บริหารสูงสุด ในอาทิตย์หน้าให้ทัน
ผ่านไปหลายช่วงโมงร่างบางเหลือบไปมองนาฬิกาเกือบสี่ทุ่มแล้วพี่สาวยังไม่กลับมา จึงได้แต่นั่งรอก่อนจะเผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
แสงจากผ้าม่านลอดเข้ามาในห้องในเช้าวันใหม่ ทำให้หญิงสาวร่างบางตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย มองไปรอบห้องยังคงไร้วี่แววของพี่สาวที่ออกไปทานข้าวตั้งแต่เมื่อคืนแล้วแต่ยังไม่กลับมา
หลังจากอาบน้ำชำระร่างกายแล้วจึงโทรหา ศิยามล อีกหลายครั้งแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะรับสายเลย ความเป็นห่วงแล่นขึ้นสมอง จึงรีบโทรหาอีกคน
“พี่นนท์ก็ไม่รับสาย หายไปกันนะ” ไม่รอช้าหญิงสาวจึงรีบตรงดิ่งไปยังห้องที่อยู่อีกชั้นทันที
“อ้าว คุณแพรมาได้ยังไงคะเนี่ย” มัฑนาร้องเสียงหลงเมื่อลงมาอีกชั้นก็พบกับ แพรผกา เจ้านายสาวแสนสวย กำลังเปิดประตูลิฟต์ออกมาพอดิบพอดี
“นที โทรไปหาฉันบอกว่ามีเรื่องกับพี่นนท์ ฉันเลยรีบมา” สีหน้าของสาวลูกครึ่งตรงหน้าดูวิตกกังวลยังเห็นได้ชัด
“ใจเย็นๆนะคะ คุณแพรกำลังท้องอย่าคิดมากเดี๋ยวจะส่งผลไปถึงลูกนะคะ” มัฑนาปลอบเสียงอ่อนเธอเองก็รู้สึกกังวลอยู่ไม่ต่างจากแพรผกาเลยแม้แต่น้อย
“ฉันรอเขากลับไปทานข้าวเย็นด้วยกันที่บ้านก็ไม่ได้กลับ บอกว่าติดงาน เมื่อคืนโทรมาก็ไม่รับ พี่นนท์ไม่เคยเป็นแบบนี้นะ ”
“มัฑว่า เราไปหาพี่นนท์ที่ห้องพักกันก่อนดีไหมคะ” มัฑนาเสนอแอบภาวนาในใจขออย่าให้เป็นอย่างที่เธอคิดเลย
ก๊อก ๆ ๆ
นิ้วมือเรียวบางของมัฑนาบรรจงเคาะลงบนประตูไม้สักอย่างหรูอย่างถี่ยิบ ซึ่งเธอยืนเคาะแบบนั้นอยู่นานโดยมี แพรผกายืนร้อนใจอยู่ข้างๆไม่ห่าง
“ฉันว่า เราไปขอกุญแจสำรองมาเปิดดีไหม ฉันเป็นห่วงพี่นนท์จริงๆ” หญิงสาวเสนอเมื่อไม่เห็นวี่แววของผู้เป็นสามีจะเปิดประตูออกมา
“ค่ะ”
ไม่กี่นาทีผ่านไป แม่บ้านของโรงแรมก็ขึ้นมาพร้อมกับกุยแจสำรองในมือ แพรผการีบแย่งเอาไปเปิดด้วยตัวเองอย่างร้อนใจ
“พี่นนท์!!”
ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้แพรผกาแทบเป็นลมล้มพับไปเสียดื้อๆ น้ำตาไหลนองอาบแก้มทั้งสอง มือเล็กถูกกำไว้แน่นราวกับจะสะกดอารมณ์ไม่ให้แตกระเบิดออกมา ซึ่งมันยากเสียจริงๆหากลูกผู้หญิงทุกคนต้องมาเจอภาพบาดตาบาดใจตรงหน้า สิ่งที่มัฑนากลัว มันเกิดขึ้นจริงๆ….
ร่างหนาของชานนท์นอนหลับตาพริ้มกำลังรู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงเรียกคุ้นหูของผู้เป็นภรรยาดังอยู่ในห้อง โดยมีศิยามลนอนซบอยู่ตรงอกหนานั้นกำลังรู้สึกตัวเช่นเดียวกัน
ทันที่สติกลับคืนมา ชานนท์ลุกขึ้นนั่งมองไปรอบตัวก็รู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ยิ่งได้เห็นผู้เป็นภรรยายืนร้องไห้อยู่ไม่ห่างทำให้เขาเด้งตัวลุกขึ้นแต่งตัวด้วยความรวดเร็ว
“แพรไม่คิดเลยนะคะว่าพี่นนท์จะทำแบบนี้กับแพรได้ลง” หญิงสาวกัดฟันพูดอย่างเหลืออด รู้สึกชาเจ็บปวดไปทั่วสรรพางกายราวกับรถไฟหลายพันขบวนวิ่งสับร่างเป็นชิ้นๆก็ไม่ปาน
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะแพร พี่อธิบายได้” ชานนท์ร้อนใจรีบหาทางแก้ตัวพัลวัน แต่ใครได้เจอแบบนี้คงยากที่จะให้อภัย
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น แพรไม่อยากฟัง”น้ำตาแห่งความเสียใจไหลลงอาบแก้มอย่างไม่ขาดสาย
“พี่ไม่รู้เมื่อคืนพี่เมา มากอ่ะ”ชายหนุ่มก้มหน้าพูดอย่างคนยอมรับผิด
“ไหนพี่บอกมาทำงานไง ทำไมทำแบบนี้ นี่ถ้านทีไม่โทรบอก แพรคงโง่ไปอีกนาน” แพรผกาน้ำตาไหลนองหน้ารู้สึกผิดหวังกับสามีเป็นอย่างมาก
“พี่ขอโทษแพร ฟังพี่ก่อน”
“อย่าเข้ามา คนน่ารังเกียจ” พูดจบหญิงสาวที่กำลังตั้งครรภ์ก็วิ่งออกจากห้องทันทีสุดทนกับภาพบาดตาบาดใจตรงหน้า โดยมีชานนท์วิ่งตามไปติด ๆ
“พี่แคท มัฑบอกพี่แล้วใช่ไหมทำไมพี่ไม่ฟังมัฑบ้าง” มัฑนาเอ่ยเสียงอ่อนกับผู้เป็นพี่สาว เธอเองก็รู้สึกช็อคไม่ต่างกันกับแพรผกา
“แกไม่ต้องมาพูดอวดดีกับฉันนะ” ศิยามลตอบอย่างไม่ยี่ระในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป
“แต่พี่แคท นี่มันเรื่องใหญ่นะพี่”
“แล้วไงล่ะ ไม่เห็นต้องสนใจนี่”ว่าแล้วหญิงสาวก็เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไปโดยไม่สะทกสะท้าน
เมื่อเห็นว่ายากที่จะพูดอะไรต่อไปกับพี่สาวมัฑนาจึงรีบวิ่งตามคนทั้งสองออกมาจากโรงแรมหมายจะช่วยปรับความเข้าใจให้ทั้งสอง เพราะตนเองก็มีส่วนผิดที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ร่างบางวิ่งตามชานนท์และแพรผกามาจนถึงหน้าโรงแรมโดยมีนทีและพนักงานตามกันมาอีกหลายคน มองเห็นร่างของแพรผกากำลังวิ่งข้ามถนนไปอีกฟากซึ่งมีชานนท์ตามเรียกอยู่ไม่ไกล
“แพร หยุดก่อน พี่ขอโทษ”
โครม!!!!!!!
นั่นคือเสียงสุดท้ายของชานนท์ ก่อนที่มัฑนาจะเห็นร่างของทั้งสองคนถูกรถบรรทุกขนาดใหญ่แล่นมาด้วยความเร็วชนทั้งสองเข้าอย่างจังในไม่กี่วินาที
เกิดความเงียบขึ้นมาชั่วขณะ หัวใจหญิงสาวกระตุกวูบที่ได้เห็นภาพตรงหน้า ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากจนเธอเองตั้งตัวไม่ทัน
“ไม่นะ!!!”
หญิงสาวพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงที่มีวิ่งเข้าไปดูเหตุการณ์โดยที่มีคนอื่นวิ่งตามมาติดๆ
ภาพที่เห็นตรงหน้าคือ รถบรรทุกที่พยายามหักหลบจนเอียงล้มลงทับร่างของชานนท์อยู่ข้างใต้ ส่วนแพรผกาถูกชานนท์ผู้เป็นสามีผลักไปนอนแน่นิ่งอยู่ไม่ห่าง เขาพยายามปกป้องชีวิตคนที่เขารักจนวินาทีสุดท้าย……
“นี่มันอะไรกันเนี่ย อยู่ไม่ได้แล้วสิ” ศิยามลซึ่งแต่งตัวเสร็จลงมาหามัฑนาที่หน้าโรงแรมเข้ามาเห็นเหตุการณ์จึงรีบหนีกลับบ้านทันทีด้วยความร้อนรนเพราะกลัวความผิด!!