“หมั่มมี้กับแดดดี๊ชอบกินอาหารแบบยังร้อนๆ อยู่จ้ะ”
ชากิร่าเหมือนจะเดาออก เลยรีบอธิบายเป็นภาษาอังกฤษ ไรยายิ้มบางๆ อย่างขอบคุณกับความเมตตา ผิดกับสามีและป้าของเขา ที่คุยกับอัฟแนนเป็นภาษาที่เธอฟังไม่เข้าใจ
“ฮั้นท์จะพาภรรยาไปฮันนีมูนที่ไหนบ้าง”
ชากิร่าเอ่ยเป็นภาษาอังกฤษอีก มือบางกำลังจับช้อนเตรียมจะตักข้าวต้มถึงกับชะงัก
“ยังไม่แน่ใจครับ ต้องแล้วแต่คุณภรรยา”
หรัญญ์ยิ้มน้อยๆ พอเห็นหน้าชากิร่าเหมือนสงสัยนิดๆ เลยหันไปตักยำไข่เค็มใส่จานให้ภรรยา
“ขอบคุณค่ะ”
ไรยาฝืนเอ่ยเบาๆ เพราะไม่ใช่เมนูที่อยากจะกินนัก หรือจะเรียกว่าไม่ชอบยังได้
“กินเยอะๆ นะครับที่รัก ไข่เค็มรสชาติดีกว่าเกลือแน่ๆ ว่ามั้ยครับ”
อยากเอาชามข้าวฟาดหน้าไม่น้อย เพราะจงใจจะว่าเธอ และใช้ภาษาไทย ส่วนป้าเขา เธอไม่รู้ว่าคิดยังไง เดาว่าคงไม่รู้ความหมายลึกๆ แน่ หรืออาจจะรู้แต่ไม่พูด มองไปก็เห็นทำหน้านิ่งๆ ไม่มองเธอตอบ ไม่ยิ้มให้เหมือนตอนอยู่ในงานแต่ง หรือถ้าเธอจะคิดมากจริงๆ เรียกว่าตีหน้าเรียบใส่ก็คงไม่ผิดนัก
“คุณก็กินเยอะๆ นะคะ ของดีๆ แบบนี้ เมื่อก่อนก็น่าจะหากินยากไม่ใช่เหรอคะ”
ไรยารีบตักหอยเชลล์ผัดฉ่ากระทะร้อนใส่จานเขาทันที พร้อมกับยิ้มให้
“นี่ก็ของอร่อยๆ และแพงๆ ถ้าไม่มีตังค์ก็ไม่ได้กินง่ายๆ เหมือนกันค่ะ”
แถมยำไข่ปูอีกหนึ่งเมนู
“ขอบคุณครับที่รัก”
หรัญญ์หันไปยิ้มให้ภรรยาอย่างคนใจเย็น เมื่อถูกเอาคืนชุดใหญ่
“เห็นลูกทั้งสองรักกัน หมั่มมี้ก็สบายใจ จริงมั้ยคะที่รัก”
ไรยาเงยหน้าจากชามข้าวต้มไปมองชากิร่า ที่หันไปยิ้มให้สามี แล้วยังเอาอกเอาใจด้วยการตักอาหารให้อีก
“นั่นสิ”
ไรยาเดาได้ว่าอัฟแนนน่าจะเป็นคนพูดน้อย เพราะเห็นเขามองหรัญญ์หลังตอบแค่นี้
“ผมคิดถึงไข่เจียวปูของวันดีมากเลย”
เห็นอัฟแนนมองจานไข่เจียวแล้วยิ้ม อดแปลกใจไม่ได้ ทำไมทั้งสองถึงชอบอาหารไทย แต่ก็ไม่กล้าถาม นอกจากตักข้าวต้มเข้าปาก เพราะเมื่อวานไม่ได้กินอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย ทำให้ต้องรีบตื่นแล้วรีบลงมา ดีแค่ไหนแล้วที่เจอสองสามีภรรยาตรงโถงหน้าบันไดชั้นสาม ไม่งั้นก็คงไม่รู้ว่าตั้งโต๊ะที่ไหน และกี่โมงหรอก
“เรารักอาหารไทยมากจ้ะ แล้วก็รักเมืองไทยมากๆ ด้วย”
ไรยายิ้มให้ชากิร่า ที่เหมือนจะเดาใจออกอีกแล้ว ความสงสัยว่าสองคนนี้เกี่ยวข้องกับหรัญญ์ได้ยังไงนั้นมีไม่น้อย แต่ไม่คิดจะถาม เพราะถือว่าไม่ใช่หน้าที่ อีกอย่างเขาก็คงไม่ชอบให้ภรรยาในนามงเธอไปก้าวก่ายด้วยกระมัง
“ไว้ว่างๆ และมีเวลามากกว่านี้ หมั่มมี้จะเล่าให้ฟังนะ ว่าทำไม ไม่แน่หรอก เราอาจจะได้เจอกันในยุโรปก็ได้ ถ้าฮั้นท์พาหนูไปฮันนีมูน”
“ค่ะ”
ไรยาไม่รู้จะเอ่ยอะไรได้นอกจากคำนี้ ก็ในเมื่อคนเป็นสามีไม่เคยบอกว่าจะไปไหนเลย ก็ดีเหมือนกัน แต่งไปงั้นๆ ไม่ผูกพันใดๆ
“แล้ววันนี้แผนของเราสองคนมีอะไรบ้าง”
อัฟแนนถามหรัญญ์ด้วยท่าทีจริงจังเล็กน้อย หลังลิ้มลองอาหารไปหลายช้อนแล้ว
“ผมนัดประชุมไว้ตอนสิบโมงครับ เสร็จก็น่าจะราวๆ เที่ยง เบรกกินข้าว ช่วงบ่ายถ้าแดดดี๊อยากไปดูโรงงานก่อนขึ้นเครื่องก็ได้นะครับ แล้วแต่เลยครับ”
“โอเค ตามนั้นก็แล้วกัน”
ไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่านัดประชุมที่ไหน เรื่องอะไร ส่วนโรงงานที่อัฟแนนอยากจะไปนั้น ก็ไม่รู้ว่าโรงงานไหน แต่เดาว่าน่าจะเป็นโรงงานของเธอ พอหันไปหาสามี ก็ประจวบเหมาะกับเขาหันมาพอดี
“คุณคงได้ยินแล้วนะ ขอชุดเป็นการเป็นงานมากกว่านี้ เจอผมที่รถเก้าโมง และผมชอบคนตรงเวลา”
เห็นเขายิ้มน้อยๆ เสียงก็ไม่ได้เข้มมาก แต่ไรยารู้ดีว่า ตาเขากำลังตำหนิกางเกงขาสี่ส่วนกับเสื้อยืด ซึ่งเหมาะกับใส่อยู่บ้านแบบส่วนตัวๆ ไม่ใช่อยู่กับผู้ใหญ่แบบนี้
"ค่ะ”
ไรยาหน้าม่อยลง แล้วเสหันไปมองในบ้าน ก็เห็นชายหลายคนนั่งอยู่โต๊ะอาหาร ตรงประตูรั้ว ก็มีชายชุดดำยืนอยู่เป็นจุดๆ ไม่ต่ำกว่าห้า คงเป็นบอดี้การ์ดของอัฟแนนกับภรรยาแน่ๆ เพราะเห็นคนพวกนี้ป้วนเปี้ยนอยู่ในงานแต่งด้วย
“ฉันไม่ทราบว่าจะต้องเจอแขก”
ไรยาเอ่ยเบาๆ แล้วแสร้งยิ้มให้สามี
“พวกเขาไม่ใช้แขก แต่เป็นผู้มีพระคุณ คุณควรจะให้เกียรติด้วยการแต่งตัวกว่านี้”
และคนเป็นสามีก็ทำแบบเดียวกัน
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ทราบจริงๆ และถ้าคุณจะกรุณาบอกก่อน เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้นหรอกค่ะ”
“ผมผิดเหรอ”
หรัญญ์แสดงยิ้มให้ภรรยาเพราะไม่อยากให้แขกสงสัย
“ไม่ทราบสิคะ หรือว่าฉันผิดล่ะคะ”
คนเป็นภรรยาเองก็ทำแบบเดียวกันและด้วยเหตุผลเดียวกันอีก
“หมั่มมี้จะขอยืมภรรยาไปช้อปปิ้งเป็นเพื่อน จะได้หรือเปล่าฮั้นท์”
ชากิร่าเงยหน้าจากชามข้าวต้ม มองคู่แต่งงานใหม่แล้วยิ้มร่าให้
“ไม่มีปัญหาครับ”
เขาจะทำอะไรได้ ส่วนแผนที่วางไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ก็เป็นอันว่าต้องปล่อยไปก่อน เพราะยังเหลือเวลาให้จัดการกับคุณหนูย้าอีกนาน
เมียแต่งท่านประธาน Chairman’sWife / พิมรภัค ตอนที่ 2
ชีวิตแต่งงานย่างเข้าวันที่สอง ไรยาลงมาชั้นล่างก็เห็นสามีกับวันดีนั่งอยู่ในห้องดูดาวตามเดิม ขณะเดินไปก็เห็นว่าเขาแต่งตัวเหมือนจะไปทำงาน ทั้งที่เธอคิดว่าเขาคงจะได้นอนพักสักสองสามวันก่อน ก็งานแต่งอันแสนเหน็ดเหนื่อยเพิ่งจบลง
“ขี้เกียจแบบนี้สินะ ครอบครัวถึงจะถูกฟ้องล้มละลาย”
ส่วนคนเป็นสามีก็ถือแก้วกาแฟค้างอยู่ ขณะมองเข้าไปนั่งฝั่งตรงข้าม
“คุณหมายความว่ายังไง”
ไรยามองหน้าเขาด้วยความไม่ชอบใจแล้วส่งเสียงห้วนๆ ใส่ทันควัน
“จะต้องถามทำไม พูดตรงขนาดนี้ แล้วจะไปทำงานชุดแบบนี้เหรอ” หรัญญ์มองเสื้อยืดโอเวอร์ไซซ์กับกางเกงยีนเอวสูงขาสั้นด้วยสายตาไม่พอใจเอามากๆ
“เปล่า”
อยากบอกเด็กที่กำลังยกกาแฟมาวางให้ ว่าไม่ต้องแล้ว เพราะหมดอารมณ์จะกินแล้วแทบตายถ้าไม่ติดว่ามีป้าของเขาอยู่ด้วย
“เปล่า แปลว่าอะไร คุณไม่ใส่ชุดนี้ไปทำงาน หรือจะไม่ไปทำงานกันแน่”