ถ้าบอกแล้วเขาไม่ให้คนไปส่ง หรือสั่งแล้วไม่มีใครสนใจ ต่อให้ต้องเดินไปเรียกแท็กซี่หน้าปากซอยที่ไกลไม่น้อยก็ตาม ก็จะไป เมื่อสรุปให้ตัวเองได้แล้ว ก็หันไปคว้ากระเป๋าสะพาย เตรียมออกจากห้อง
ก๊อกๆๆ ก๊อกๆๆ
ประตูกั้นกลางระหว่างห้องเขากับห้องเธอ ที่ร้อยวันพันปีนับตั้งแต่ย้ายมาอยู่นี่ไม่เคยถูกเคาะ แต่มันกลับดังขึ้นรัวเร็ว จนต้องรีบเดินไปเปิด ก็เห็นเขายืนกอดอกมองมาด้วยสายตาเอาเรื่องอยู่
“ผมเคาะตั้งนาน ทำไมไม่มาเปิด”
“ฉันยังไม่ว่าง คุณมีอะไร”
“จะเข้าห้องเมีย ต้องให้มีอะไรด้วยเหรอ หรือจะให้เข้ามามีอะไรก่อน ถึงจะรีบเปิดให้”
“บังเอิญฉันไม่ใช่เมียที่ปกติแบบชาวบ้าน ก็ต้องกันเอาไว้ก่อนล่ะ”
“ไม่ได้อยากของเหลือเดนหรอกนะ เคยบอกตั้งแต่ส่งตัวแล้วนี่ หรือว่าหิวล่ะ”
“หิวอะไร”
“ก็หม้อไฟไง”
“หม้อไฟอะไรของคุณ”
“อย่ามาทำเป็นอินโนหน่อยเลยน่ะ ไส้กิ่วจนจะทนไม่ไหวเหรอ ไม่ได้กินนานแล้วนี่ คงตั้งแต่ผัวเก่าไปเรียนต่อล่ะมั้ง”
“บอกธุระของคุณมาดีกว่า”
“จะรีบไปไหนล่ะครับคุณหนูย้า หรือจะรีบไปหากินหม้อไฟข้างนอกแก้ขัด แล้วที่หงุดหงิดๆ ใส่ผัวอยู่นี่ คงไม่ได้แก้มานานแล้วสินะ ก็...”
หรัญญ์หยุดแล้วมองเมียตั้งแต่หัวจรดเท้า
“อะไร”
“ก็น่าเห็นใจอยู่หรอก แต่อย่างที่บอกนั่นล่ะ ผมไม่ชอบกินของเหลือเดน และ...”
“ตกลงคุณมีอะไรกันแน่ ถึงได้บุกห้องฉัน ทั้งที่ปกติแทบไม่เดินเฉียด”
เกลียดปากเขาจนไม่อยากฟังด้วยซ้ำ เลยสวนกลับเสียงห้วนๆ กับหน้าบึ้งๆ ใส่
“อารมณ์เสียมาจากไหนเหรอครับคุณหนูย้า อ้อๆๆ คิดออกเลย คงจะเห็นผัวเก่า เอ๊ย...แฟนเก่า เอาอกเอาใจเมียตรงริมน้ำล่ะสิท่า ถึงได้มาลงที่ผัว”
หรัญญ์ยิ้มเหยียดอย่างไม่ปิดบัง ไม่ผิดหวังกับการอุตส่าห์ลงทุนรีบมาดูหน้าบูดๆ คงลมเสียที่ได้เห็นสองผัวเมีย เดินคลอเคลียกันอยู่ริมหน้าแน่ๆ เห็นนิ่งๆ แต่เชื่อเหอะว่าข้างใน คงจะแทบกระอักเลือดตายแล้วมั้ง ถ้าเป็นคุณหนูย้าคนก่อน คงได้ไปลากผัวเก่าคืนมาแล้วมั้ง โชคร้ายที่ตอนนี้ไม่มีเงิน หว่านซื้ออะไรต่อมิอะไรไม่ได้เหมือนเมื่อก่อน
“ถ้าไม่มีอะไร ฉันขอตัว”
หรัญญ์คว้าแขนคนกำลังจะเดินหนีไว้ทันที
“พูดถึงผัวเก่าแล้วเจ็บเหรอครับคุณหนูย้า เลยต้องรีบหนี”
“ฉันจะรีบไปธุระข้างนอก”
ไรยาพยายามดึงแขนออก แต่กลับถูกเขากำไว้แน่นว่าเดิม
“ไม่ได้ แขกเต็มบ้านไม่เห็นเหรอ”
“แขกของคุณ ฉันไม่เกี่ยว”
“ทนเห็นผัวเก่าหวานกับเมียใหม่ไม่ได้ก็บอกมาเห๊อะ อย่าอ้างนั่นนี่หน่อยเล๊ย หรืออยากจะให้ผัวใหม่ พาไปเล่นละครตบตาพวกนั้นด้วยฉากหวานๆ อีกล่ะ”
“คุณก็เล่นละครตบตาชาวบ้านอยู่ตลอดแล้วนี่ ถอย! ฉันจะไปข้างนอก”
“ห้ามไป ถ้าผมไม่อนุญาต”
“ฉันเป็นเมียคุณนะ ไม่ใช่ทาส”
“เหรอ ผมเพิ่งรู้นะว่าคุณเป็นเมีย ว่าแต่ทำไมเมียถึงไม่เคยปรนนิบัติผัวเลยล่ะ หัดดูน้องพีชบ้างซี้ เอาอกเอาใจผัวตลอดเวลา มิน่าล่ะ ไอ้เวย์ถึงทิ้งไป เพราะเอาใจไม่เก่งนี่เอง”
“ถ้าอยากได้คนเอาใจ คุณก็ไปหาเมียใหม่ได้เลย ฉันเป็นพวกไม่ชอบเฟค โดยเฉพาะกับผู้ชายที่ฉันไม่เคยอยากได้มาเป็นผัว”
“ไม่อยากได้ แต่รีบตอบตกลงจะแต่งตั้งแต่ยังไม่ได้เห็นหน้าหรือรู้จักนี่นะ สงสัยจะหิวเงินจนหน้ามืด หรือไม่ก็หิวเรื่องอย่างว่าจนจะลงแดงตาย เลยไม่ทบทวนให้ดี ว่าไอ้มิสเตอร์เอชเป็นใคร”
“ก็คงจะจริง ถ้าฉันรู้ว่าเป็นคุณ ฉันคงยอมอดตายดีกว่าจะมาแต่งด้วย”
“บอกตอนนี้ เชื่อยากหน่อยนะ แต่งไปแล้วนี่ เงินผมก็ลงไปที่หุ้นแล้วนี่ เอาคืนไม่ได้แล้วนี่ คุณจะพลิกลิ้นยังไงก็ได้ และถ้าผมรู้ ว่าคุณยอมอดตายดีกว่าได้แต่งกับผม บางทีผมก็อาจจะปล่อยให้คุณสมใจอยากก็ได้ บอกให้เอาบุญเผื่อคุณไม่รู้นะ ว่าผู้หญิงนับร้อยอยากมาเป็นเมียผม ผมแค่ขอ รับรองว่าไม่มีคนไหนปฏิเสธหรอก”
“งั้นคุณก็ควรจะจดเอาไว้เลย ว่าฉันนี่ล่ะ จะเป็นผู้หญิงคนแรกที่จะปฏิเสธคุณ...”
พูดยังทันไม่จบ ก็ถูกเขากระชากตัวเข้าไปหาแผงอก แล้วระดมจูบเรียวกระจับงามอย่างรวดเร็ว จูบของเขาช่างมีแต่ความรุนแรง ดิบเถื่อนจนเธอเจ็บ สองแขนรัดรึงเรือนร่างบางไว้แนบแน่น ไม่อาจเอาตัวรอดได้ เพราะเรี่ยวแรงน้อยกว่ามาก กระทั่งเขาสั่งสอนจนสาสมใจ ถึงได้ผละออกเอง
“ก่อนจะปฏิเสธ ก็เอาจูบของผมไปพิจารณาให้ถี่ถ้วนสักคืนนะละกัน แต่อย่าติดใจจนอยากจะขออีกล่ะ อย่างที่บอกแหละ ผมไม่ชอบกินของเหลือใคร แล้วไอ้จูบเมื่อกี้ มันก็ไม่ใช่รักหรอกนะ เกลียดด้วยซ้ำ ย้ำอีกรอบและจำไว้ด้วยว่าที่ผมยอมแต่งกับคุณ ไม่ใช่เพราะรัก แต่เพราะเกลียด”
เผียะ
มือบางฟาดลงไปที่แก้มเขาเต็มแรง เหตุผลไม่ใช่เพราะโกรธที่ถูกเขายัดเยียดจุมพิตอันป่าเถื่อนให้ แต่เกลียดน้ำคำของเขามากกว่า
“แล้วไอ้ที่ตบนี้ ก็ไม่ใช่เพราะรักหรอกนะ แต่เพราะเกลียดเหมือนกัน”
“แน่ใจเหรอ”
หรัญญ์ลูบแก้มไป ตาก็จ้องหน้าเรียวกำลังบูดบึ้งใส่ไปด้วย
“ล้านเปอร์เซ็นต์ ถ้าความเกลียดของคุณเท่าฟ้า ความเกลียดของฉัน ก็เท่าจักรวาลเลยล่ะ”
ไรยารีบออกจากห้องไปเพราะความโกรธ ในใจก็ด่าตัวเองไปด้วย ว่าทำไมถึงไม่ยอมสืบให้ดีกว่านี้นะ ว่าไอ้มิสเตอร์เอชนี่มันเป็นใคร จะได้ไม่ต้องมาเจอคนเฮงซวยอย่างนี้
“จะไปไหน”
คนเฮงซวยก็ไม่คิดจะปล่อยไปง่ายๆ รีบวิ่งตามมาคว้าแขนไว้ได้ตรงหน้าห้อง
“ไปให้ไกลๆ คนอย่างคุณไง”
“คนอย่างผมมันเป็นยังไง”