ไรยาคิดว่าตอนนี้กำลังถูกเลราน่าส่งสัญญาณให้ ว่าอยากเปิดศึกชิงชายคล้ายๆ อดีตเพื่อน อยู่บ้านถึงจะพักห้องคนละฝั่ง แต่เหมือนเลราน่าจะคอยเดินผ่านห้องนอนเธอกับสามีอยู่บ่อยๆ
“งั้นก็ฝากบอกผัวเก่าคุณด้วย ว่าอย่าเทียวมาส่งตาหวานๆ ใส่เมียผมนัก ให้รีบทำงาน แล้วรีบกลับไปหาเมียตัวเองด้วย”
หรัญญ์ก็กระซิบกลับทันควัน พออีกฝ่ายเลิกเช็ดแก้มให้แล้ว ก็เอื้อมไปเอากระเป๋าโน้ตบุ๊กมาช่วยถือให้อย่างสุภาพบุรุษ(เฟค) ทั้งที่ของตัวเองสั่งเลขาหอบกลับแทน แล้วรีบพาเดินไปหาลิฟต์
“เขามาปรึกษาเรื่องจะช่วยฟื้นฟูจิตใจภรรยาต่างหาก ไม่ได้มาส่งตาหวาน ฉันรู้จักบาป ไม่คิดจะแย่งผัวใครหรอก ทั้งๆ ที่...”
“ผัวถูกเพื่อนแย่งไป ว่างั้น”
หรัญญ์แทรกทันที ขณะยิ้มให้พนักงานที่เดินผ่านตรงหน้าลิฟต์ ไรยาไม่ต่อปากต่อคำ เพราะเบื่อ แต่คำว่าแย่ง ทำให้เจ็บแปลบปลาบเมื่อภาพวันนั้นลอยเด่นมา
“ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดเรื่องนี้หรอก และเราก็ไม่ควรจะมาอยู่ด้วยกันตรงนี้ เชิญกลับไปหาเจ้าสาวที่คุณรักและเลือกแล้วเถอะ ฉันจะกลับบ้าน”
“แอบหนีมาอยู่นี่เองเหรอเวย์”
ยังไม่ทันจะได้ไปไหน พชิราเดินหน้าบึ้งออกมา สองมือเกาะไปแขนพ่อของลูกไว้แน่นเหนียว เพื่อประกาศก้องว่าฉันเป็นเจ้าของคนเดียว ตาก็จ้องไรยาอย่างเอาเรื่อง
“กำลังจะกลับเข้าไปพอดี ไปกันยัง”
วายุสก็ตกใจไม่น้อย เพราะไม่คิดว่าภรรยาจะทิ้งแขกมา แถมยังตามมาถูกที่ด้วย เขาแอบย่องออกมาแท้ๆ
“จะรีบไปไหน พีชยังไม่ได้คุยกับเพื่อนรักเลยนี่” พชิรามองไปยังคนที่ตัวเองบอกว่าเป็นเพื่อนรัก ทั้งที่มันไม่ใช่เลยสักนิด
“ไว้ไปคุยกันข้างในก็ได้ ทิ้งแขกไว้ไม่ดีหรอก เราออกมานานแล้ว”
“เวย์คนเดียวที่ออกมานาน และเวย์คนเดียวที่ทิ้งแขก ส่วนพีชเพิ่งจะออกมา และเพื่อตามสามีกลับไปหาแขก”
“เอาเป็นว่าเวย์ขอโทษก็แล้วกันนะ เรารีบกลับเข้าไปข้างในดีกว่า”
“ไม่” พชิราหันไปจ้องอดีตเพื่อนตาเขม็ง
“มางานแล้วไม่เข้าไป หมายความว่ายังไงเหรอ”
“โทษนะ ต้องกลับแล้ว คุณพ่อไม่ค่อยสบาย” ไรยาเห็นกุ้งกับกิ๊ฟซี่ยืนอยู่ห่างๆ แปลว่าคงจะพาพชิราออกมาตามหาเจ้าบ่าวแน่ๆ
“อะไร้ ไม่เจอกันตั้งนาน มางานฉันแล้วก็ไม่ยอมเข้า มีอะไรหรือเปล่าวะ หรือโกรธฉันที่แต่งกับเวย์ แถมยังจัดงานใหญ่โต ในโรงแรมก็ห้าดาวด้วย”
“ฉันจะโกรธทำไม”
“ไม่โกรธแต่ไม่เข้างานนี่นะ หรือว่ารับไม่ได้ ที่คนอย่างฉันมีอะไรแซงหน้าคุณหนูอย่างแกไปเยอะแล้ว ทั้งที่เมื่อก่อนแกนำฉัน ไม่ใช่สิ นำหน้าพวกทุกคนในกลุ่ม ก็นะ อะไรๆ ไม่แน่นอนร๊อก รักได้ก็เลิกได้ รวยได้ก็จนได้ ถ้ามีอะไรจะให้ฉันช่วยก็บอกแล้วกันนะ เพื่อนน่ะฉันช่วยได้และให้ได้เสมอล่ะ แต่มีอย่างหนึ่งที่ฉันให้ไม่ได้ คือผัว และกำลังจะเป็นพ่อของลูกฉันด้วย เข้าใจตรงกัน ฉันรู้ว่าแกกับเวย์รักกัน แต่มันก็เป็นอดีต อย่าพยายามทำให้ถ่านไฟเก่าคุขึ้นอีกแล้วกัน บาปหนักนะ”
“ฉันรู้ว่าอะไรถูกผิด และฉันก็ไม่ใช่พวกชอบแย่งของของใครด้วย โดยเฉพาะใช้วิธีมอมเหล้า จนมีอะไรกันแล้วปล่อยให้ท้อง ทั้งที่ถุงยางกับยาคุมมีเยอะแยะ ไม่เรียกว่านักสู้ แต่เรียกพวกขี้แพ้ พวกไม่มีน้ำยา อยากได้แต่สู้ไม่เป็น เลยใช้วิธีสกปรกๆ เชิญมีความสุขกับแฟนฉัน ที่เธอแย่งไปจนได้ก็แล้วกัน ส่วนฉันนะ ถึงจะจนลง แต่เชื่อเถอะว่าอีกหน่อยฉันก็จะกลับมาเหมือนเดิม และด้วยความสามารถของตัวเอง ไม่ใช่ให้แม่ไปหาผัวหัวแดงมาทำให้รวยขึ้นอย่างใครบางคน”
“ว่าแต่คุณมีแผนจะแย่งผัวเก่ากลับมามั้ยล่ะ”
หรัญญ์ยังคงนึกสนุก เลยเอ่ยโจ้งๆ นั่นทำให้ความสะใจของไรยาดับวูบลง ถึงแม้เรื่องวันนั้นจะผ่านมานานแล้ว แต่คำพูดของตัวเองยังก้องอยู่ในหูไม่รู้หาย และถ้าย้อนกลับไปอีกได้
คงขอตบ
‘นังเพื่อนสตอแลรี่’
สักสองสามฉาดก่อนถึงกลับ พูดแล้วก็คันมือคันไม้ขึ้นมาเชียว จนหน้าสวยๆ ยิ้มน้อยๆ อย่างสะใจเมื่อภาพในจินตนาการเด่นชัดราวกับได้ลงมือจริงๆ ทำเอาสามียืนอยู่ข้างๆ ถึงกับจ้องเขม็ง เมื่อกี้เขาประชดแท้ๆ แต่เมียดันอารมณ์ดีแทนที่จะด่ากลับ
“เป็นไรมากปะเนี่ยะ”
“เปล๊า เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะ ฉันฟังไม่ชัด”
“ตกลงคุณมีแผนจะแย่งผัวเก่ากลับมามั้ยล่ะ ชัดมะ”
“ไม่ร๊อก”
“ทำไมล่ะ เป็นพวกรักง่ายหน่ายไวหรือไง”
“แหม ผัวคนปัจจุบันของฉันโปรไฟล์ดีกว่าเย๊อะ แต่ที่ฉันกำลังกลัวก็คือ”
ไรยาหันไปมองคนโปรไฟล์ดี ขณะอยู่ในลิฟต์ด้วยกัน
“อะไร” หรัญญ์ส่งเสียงห้วนๆ เพราะดูทรงคงไม่ใช่เรื่องดีแน่
“ผัวคนนี้อาจจะถูกมือดีมาแย่งไปอีกก็ได้”
“ไม่เห็นเป็นไรนี่ คุณก็ไม่ได้แคร์ผัวคนนี้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ ฉันไม่แคร์ แต่ฉันไม่อยากเป็นคนโง่ซ้ำสอง ที่เอาผัวไม่อยู่”
ประตูลิฟต์เปิดพอดี ไรยาเลยเดินนำออกไปก่อน พอวันชนะขับรถมาจอดรับ ก็เข้าไปนั่งก่อน พอรถแล่นออกไปก็มือถือมาอ่านหนังสือเล่มโปรด ไม่สนใจว่าสามีขี้สั่งจะรู้สึกยังไงด้วย
“คุณย้าจะแวะซื้ออะไรไปฝากทางบ้านมั้ยครับ”
เสียงวันชนะดังขึ้น นั่นทำให้คนจ้องหน้าเพิ่งคิดขึ้นได้ ว่าพ่อเคยบอกไว้ ถ้าจะมาให้โทรหาก่อน เผื่อจะฝากซื้อของโปรดมาด้วย แต่สามีขี้สั่งก็พามาแบบด่วนๆ เลยจนลืม
“ข้างหน้าจะมีร้านเบเกอร์รีอยู่ค่ะ ฝากคุณนะจอดให้ทีนะคะ ขอบคุณค่ะ”
ยัดมือถือใส่กระเป๋า แล้วขยับมานั่งตรงกลาง เพราะจะได้มองลอดช่องตรงนั้นออกไปบอกทางให้ โดยไม่สนใจอีกคนที่นั่งเอาขาไขว้กันอ่านอะไรในมือถืออยู่
“ร้านนั้นค่ะ”
หรัญญ์กระตุกยิ้ม ขณะมองร่างผอมบาง วิ่งเข้าไปในร้านเบเกอร์รี่ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม