หรัญญ์นั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ไป ปากก็คุยไป ส่วนตานั้น ก็มองผ่านกระจกห้อง ไปห้องทำงานของคนที่เขาได้มาเป็นเมียสามเดือนกว่าๆ แล้ว วายุสกำลังเดินเข้าไปคุยอะไรสักอย่างที่เขาไม่มีทางได้ยิน รู้แต่ว่าคงเป็นเรื่องเครียด เพราะไม่มีใครยิ้มเลย
“ดีมาก เฝ้าต่อไป ได้เรื่องยังไงแล้วรีบโทรมาบอกทันที เดี๋ยวสักพักจะไป แธงค์ยูนะ”
วางสายจากผู้ช่วยมือขวาแล้ว ก็ครุ่นคิดหลายต่อหลายเรื่อง และอย่างถี่ถ้วน กว่าจะตัดสินใจทำอะไรลงไปสักอย่าง พอได้ข้อสรุปแล้ว ก็กดมือถือโทรทันที
“ยุ่งอยู่มั้ย พี่อยากคุยอะไรด้วยหน่อย”
เขารีบก้มลงอ่านเอกสารต่อ หนึ่งคือมีงานให้ต้องทำจริงๆ กับสอง คือไม่อยากให้รุ่นน้องสงสัยว่าเมื่อกี้เห็นอะไร สักพักประตูกระจกหนาก็ถูกเคาะ เขาพยักหน้ากับหงายมือกระดิกนิ้วเรียก
“พี่ฮั้นท์มีอะไรให้ผมช่วยครับ”
วายุสมีท่าทีนอบน้อม แต่ก็ไม่ได้เกรงกลัวจนขาดความเป็นตัวของตัวเองไปเสียทีเดียว
“ไม่มีหรอก แต่จะถามว่ามีอะไรให้พี่ช่วยเรื่องพีชหรือเปล่ามากกว่า”
“อ๋อ”
"นั่งก่อนๆ”
“ครับ”
“แล้วให้พี่ช่วยอะไรบ้าง บอกมาเลยไม่ต้องเกรงใจ”
วายุสเศร้านิดๆ เมื่อรุ่นพี่เอ่ยถึงภรรยา ที่เพิ่งลื่นล้มในห้องน้ำจนแท้งลูก ในช่วงวันหยุดยาว แต่เขากลับต้องบินไปพบลูกค้าที่สิงคโปร์ ดีมีแม่ยายช่วยพาไปโรงพยาบาล ไม่งั้นคงห่วงแน่ๆ จะกลับมาก็ไม่ได้ เพราะงานยังไม่เสร็จ
“ไม่มีครับ
“พีชเป็นไงบ้าง”
“อยากกลับมาทำงานแล้วครับ แต่ผมห้ามไว้”
ภรรยาออกจากโรงพยาบาลก่อนเขากลับจากสิงคโปร์วันหนึ่ง แล้วบอกว่าอยากรีบมาทำงานเลย แต่เขาอยากให้พักฟื้นจนกว่าจะแข็งแรงมากกว่า
“ดีแล้วล่ะ ให้พักมากๆ เลย ไม่ต้องห่วงงานหรอก พี่ให้พีชหยุดได้เท่าที่ต้องการ”
“ขอบคุณครับ”
“เรื่องจิตใจล่ะ เป็นยังไงบ้าง”
“ก็เงียบผิดปกติครับ เอาแต่บ่นว่าห่วงงาน กลัวพี่จะว่า ผมบอกว่าพี่ไม่ว่าหรอก พีชก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ”
“ไว้พี่จะโทรไปบอกเองก็แล้วกัน ส่วนนี่ พี่ฝากให้พีชก่อน อย่าคิดว่าพี่แก้ปัญหาด้วยเงินนะ พี่ไม่รู้ว่าจะหาอะไรเยี่ยมไข้ดี”
หรัญญ์ดึงเช็คจากลิ้นชักแล้วยื่นให้ลูกน้อง
“โห จะไม่เยี่ยมเยอะไปหน่อยมั้ยครับพี่”
วายุสมองตัวเลขหนึ่งแสนในเช็ค สลับกับมองคนตรงหน้าด้วยความสงสัยระคนตกใจ
“พีชเสียลูกไปทั้งคน พี่ว่านี่ยังน้อยไป แต่ก็นะ ผู้ชาย คิดไม่ออกว่าจะซื้ออะไรปลอบใจดี ฝากบอกพีชว่าอยากได้อะไรก็เอาเงินนี่ซื้อก็แล้วกัน แล้วไม่ต้องห่วงงาน พักยาวๆ ได้เลย”
“ขอบคุณครับพี่”
“พี่มีเรื่องแค่นี้ล่ะ งานเลย”
วายุสมองเอกสารเต็มโต๊ะ ก็รู้ว่าดีว่ายุ่งจริงๆ เพราะโปรเจ็กต์ใหม่กับเศรษฐีดูไบอย่างบินยามินเริ่มได้ไม่นาน แต่ละฝ่ายต่างก็งานอื้อแล้ว
“ผมรู้ครับ และรู้ด้วยว่างานพี่ยุ่งเป็นสองเท่าจากใครครับ”
วายุสปรายตาไปห้องข้างๆ ที่สร้างขึ้นมาชั่วคราว ให้คนประสานงานของบินยามินอย่างเลราน่า สาวสวยวัยสามสิบปี ลูกครึ่งอังกฤษกับดูไบ ตั้งแต่มาได้สองอาทิตย์ เจ้าหล่อนก็ทำให้งานหรัญญ์ยุ่งหนักกว่าเดิม เพราะวันๆ เอาแต่คอยเข้าหา ถามนั่นนี่ตลอด ส่วนเอริก้า ผู้ช่วยของเลราน่า ไม่ค่อยเท่าไหร่ อยู่เป็นที่เป็นทางและไม่ยุ่งกับใครนัก
“คนทำงาน ก็ต้องยุ่งเป็นธรรมดาล่ะ”
หรัญญ์ยิ้ม จากนั้นก็นั่งทำงานหน้าดำคร่ำเคร่ง แล้วก็ต้องลุกไปประชุมกับทีมต่างๆ จนบ่ายแก่ๆ ถึงมีสายเข้า
“โอเคๆ เดี๋ยวไป”
เขาวางมือจากงาน แล้วโทรให้เลขาหน้าห้อง หอบทุกอย่างไปไว้บ้าน เพราะต้องออกไปทำธุระ คนที่เป็นธุระสำคัญของเขา ที่อยู่ห้องไม่ห่างกันนั้น ก็กำลังก้มหน้างุดอยู่กับงานเช่นกัน
“ผมว่างแล้ว คุณจะไปหาพ่อตอนนี้มั้ย”
ไรยาเงยหน้าจากงานขมวดคิ้วมองสามีขี้สั่ง แล้วก้มมองเวลาบนหน้าจอมือถือ เพิ่งจะสี่โมงเย็นเนี่ยนะ เกิดใจดีอะไรขึ้นมาล่ะพ่อคุณ
“ยังไม่เลิกงานเลยนี่คะ”
“บริษัทผมไม่ได้เน้นเวลาทำงาน มากเท่ากับปริมาณที่งานเสร็จหรอก คุณจะเข้ามาทำเที่ยงก็ได้ ถ้างานเสร็จเหมือนทำเต็มวัน”
“Policy ใหม่เหรอคะท่านประธาน พนักงานอย่างฉันเพิ่งเคยได้ยิน”
“ใช่ และใช้ได้กับเมียประธานเท่านั้น แถมมีให้ครั้งเดียวด้วย จะเอาหรือไม่เอา ให้เวลาตัดสินใจสิบวิ นับ หนึ่ง สอง สาม...”
ท่านประธานหน้าหล่อยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็น MD แห่ง AHJR รีบปิดเครื่อง เก็บของเข้ากระเป๋าสะพาย อีกมือก็มีกระเป๋าเอกสารกับโน้ตบุ๊ก ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคงจะหอบงานกลับไปทำที่บ้านเหมือนเขาแน่ๆ
“จะไปไหนกันคะฮั้นท์”
หรัญญ์หันไปหาเลราน่า ที่เดินมาเกาะแขนเขาไว้ด้วยท่าทีสนิทสนม เขายิ้มน้อย ก่อนตอบอย่างสุภาพ
“ไปธุระครับ”
“คุณไปด้วยเหรอคะไรยา”
เลราน่าจะเรียกไรยาเต็มๆ เพราะออกเสียงลำบากถ้าต้องเรียก ‘ย้า’
“ค่ะ”
“น่าสนุกจัง ชักอยากรู้แล้วว่าจะไปไหนกัน”
“ผมจะพาภรรยาไปเยี่ยมพ่อครับ ตั้งแต่แต่งงานกันมา ยังไม่ได้ไปเลย”
“ว้าว เป็นสามีที่ดีสุดๆ งั้นไว้เจอกันที่บ้านนะคะ”
ไรยาถึงกับงง เมื่ออยู่ๆ เลราน่าก็จูบแก้มสามีลากไส้ คนอื่นที่เห็นก็ทำหน้าแปลกๆ จริงแหละว่าฝรั่งไม่ถือ แต่มันจะเกินไปหรือเปล่านะ
“ฝากสวัสดีพ่อคุณด้วยนะคะ แล้วเจอกัน”
“ค่ะ
เลราน่าเดินไปแล้ว ไรยามองแก้มคนตรงหน้า เห็นว่ามีรอยลิปสติกติดอยู่ จะปล่อยให้เดินไปทั้งอย่างนี้ ก็กลัวจะเสียลุคหล่อลากไส้ เลยดึงทิชชูจากโต๊ะเลขามาเช็ดให้ ปากกระซิบว่า
“ฝากบอกกิ๊กคุณด้วยนะ ว่าอย่ามาทำอะไรประเจิดประเจ้อที่นี่ มันไม่ดีกับคุณเองแหละ”