ส่วนเขาเมื่อก้าวขาเดินออกมาเพื่อจะไปชำระร่างกาย แต่ทว่าภาพที่เคยปรากฏอยู่ตรงหน้าของกุมภัณฑ์มันยังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำของเขา ต่อให้เขาจะปากแข็งสักแค่ไหน ไอ้ที่ผู้หญิงมายืนแก้ผ้าต่อหน้าเขา ทำไมเขาจะไม่รู้สึกล่ะ
ว่าแล้วเขาก็ถอดเสื้อผ้าออก แก่นกายของกุมภัณฑ์กับเด่นตระหง่านอยู่ตรงหน้าเขาซะอย่างนั้น ถ้าเป็นตอนที่เขาอยู่ยมโลก ป่านนี้เขาคงได้ปลดปล่อยอารมณ์ไฟราคะไปแล้ว แต่ทว่าในตอนนี้เขาคงทำได้แค่พึ่งแม่นางทั้งห้าไปก่อน
“นี่ เลิกเรียนแล้วก็กลับห้องเร็ว ๆ ล่ะ อย่าให้ฉันต้องคอยนาน” เขาที่ตอนนี้กำลังนั่งทานอาหารเช้า ด้วยฝีมือของหญิงสาวเหมือนเดิม
“หนูทำงานค่ะ เลิกเรียนก็ต้องทำงาน หาเงินมาจ่ายค่าห้องค่ะ ไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทองเหมือนใครบางคน” หญิงสาวที่อยู่ในชุดนักศึกษา กระแหนะกระแหนเขาด้วยคำพูดและสายตา
“ยัยนี่ ปากคอเราะร้าย” เขาส่งสายตาดุ ๆ ไปให้หญิงสาว “แล้วนี่ เลิกงานตอนไหน ฉันจะได้ไปรับ” เขาถามพลางตักอาหารคำสุดท้ายเข้าปาก
“หืม หนูเลิกเรียนหกโมงเย็น เดินทางไปที่ทำงาน ก็เลิกงานสี่ทุ่มค่ะ” โมราห์กรอกสายตาไปมา พลางนึกไปด้วยว่าเธอเลิกเรียนตอนไหน
“อืม ๆ ไปเรียนได้แล้ว ขืนขึ้นรถสาย ไปเรียนไม่ทันอย่ามาโทษฉันที่ทำให้เธอชักช้า” สิ้นเสียงกุมภัณฑ์ เจ้าตัวหันมองนาฬิกาที่ข้อมือ สายตาเบิกกว้าง
“ตาย ๆ สายแล้ว ๆ ทำไมเพิ่งจะมาบอกหนูเอาตอนนี้” เจ้าตัวรีบลุกออกจากเก้าอี้ พลางหยิบแก้วน้ำบนโต๊ะขึ้นมาดื่ม “หนูฝากล้างถ้วยจานด้วยนะคะ ไปล่ะ” เมื่อเธอดื่มน้ำเสร็จก็หันมาสั่งชายหนุ่มที่แอบอมยิ้มอยู่ที่มุมปาก
“เออ ๆ” เขาตอบอย่างขอไปทีก่อนจะจัดแจงทุกอย่างให้เรียบร้อย
“ท่านยม ท่านพอจะรู้หรือไม่ว่า สถานที่แห่งใดกันที่มีหญิงสาวมากมาย” กุมภัณฑ์ติดต่อสื่อสารไปหาท่านยมทูต ในขณะที่เขายังเอกเขนกอยู่บนโซฟาในห้องของโมราห์
“เจ้าถามข้าเช่นนี้ ต้องการที่จะปลดปล่อยความเป็นชายใช่หรือไม่” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ผุดขึ้นบนใบหน้าท่านยมทูตอย่างรู้ทัน
“ท่านก็รู้มิใช่หรือว่า ผู้ชายแบบข้าขาดสาวงามมิได้”
“เจ้านี่นะ หัดหักห้ามใจในกามารมณ์ของตนเองบ้าง”
“ข้าเป็นผู้ชายนะท่าน และอีกอย่างส่งข้าให้มาอยู่กับนาง ใครล่ะจะไปอดใจไหวกัน ข้าต้องการหาที่ระบาย ท่านเข้าใจข้าหรือไม่” หน้านิ่วคิ้วขมวดเป็นปมของกุมภัณฑ์ที่ฉายอยู่บนอากาศที่อยู่ปรากฏอยู่ในยมโลก
“เออ ๆ ข้ารู้นิสัยสันดานของเจ้าดี เจ้าน่ะขาดสาวงามมิได้เลยจริง ๆ เดี๋ยวข้าส่งพิกัดไปให้ เจ้าเองจะได้ปลดปล่อยความเป็นชายเสียที ข้าล่ะนึกสงสารเจ้าเสียเหลือเกิน พอไม่มีสาวงาม หน้าตาของเจ้าก็หม่นหมองไปในบันดล” ท่านยมทูตส่ายศีรษะไปมาด้วยความละเหี่ยใจ
“ท่านรีบ ๆ ส่งมาเลย เพราะเดี๋ยวจะมืดค่ำเสียก่อน ข้าจะได้ไปคอยรับนางหลังเลิกงาน” กุมภัณฑ์เร่งเร้าให้ท่านยมทูตส่งที่อยู่ของหญิงสาว
“ว่าแต่เจ้า มีเงินที่จะไปเรียกใช้บริการของสาวงามหรือ” ท่านยมทูตเลิกคิ้วสูงถามเขา
“ข้ามาแต่ตัว กับอาภรณ์ของข้าแค่หนึ่งชุด แล้วไอ้เงินที่ว่า หน้าตาเป็นเยี่ยงไรกัน” กุมภัณฑ์ขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความงงงวย
“ลำบากเจ้าแล้ว เจ้ากุมภัณฑ์ คราวนี้เจ้าคงลงแดงตายเป็นแน่แท้ ถ้าเจ้าไม่มีเงินเรียกใช้บริการ เจ้าก็ไม่สามารถปลดปล่อยความเป็นชายของเจ้าได้” ท่านยมทูตอดที่จะสะใจเขาไม่ได้
“นี่ท่านส่งข้ามาเพื่อให้ข้าอดตายเช่นนั้นหรือ ท่านนี่มันร้ายกาจนัก” กุมภัณฑ์แยกเขี้ยวใส่ท่านยมทูตที่ตอนนี้ใบหน้าของเขาแอบอมยิ้มจนเห็นได้ชัด
“ข้าบอกแล้วมิใช่หรือไงกัน ว่าเบื้องบนท่านสั่งมา ไม่ว่าข้าหรือเจ้าก็ขัดคำสั่งนี้มิได้”
“อย่าให้ข้าได้กลับไปยมโลกนะ ข้าจะเอาคืนท่านซะให้เข็ดเลยท่านยมทูตหัวหมอ” สิ้นเสียงกุมภัณฑ์ เขาก็ตัดสัญญาณการติดต่อไปในทันที
กุมภัณฑ์ได้แต่หัวเสียอยู่บนโซฟาในห้องพักของโมราห์ ตอนนี้อารมณ์ความเป็นชายของเขามันพลุกพล่านอีกครั้ง จนเขาแทบจะอกแตกตายซะเดี๋ยวนั้น เขาเดินวุ่นไปรอบ ๆ ห้อง พยายามคิดหาวิธีทางที่จะทำให้ตนเองมีความสุข
แต่ทว่าเขากลับลุกพรวดและออกจากห้องไปทันที เมื่อได้รับพิกัดจากอีกโลกที่ส่งมาให้ ทว่าเขาจะต้องจัดการด้วยวิธีไหนโดยที่ไม่ต้องเสียเงินสักแดงเดียว เขาคิดอยู่หลายตลบในระหว่างที่กำลังสาวเท้าออกจากคอนโดฯ เพื่อไปยังสถานที่ที่ระบุไว้ ในนาฬิกาที่เป็นของประจำตัวของเขา
“อ๊าสสสส อืมมม” เสียงร้องครวญครางภายใต้ร่างหนา ที่กำลังปลุกปล้ำผู้หญิงคนหนึ่ง
ใบหน้าของกุมภัณฑ์ที่กำลังไซ้ซอกคออย่างมูมมาม พลางใช้ปลายลิ้นกวาดเลียไปรอบ ๆ ลำคอหญิงสาวผู้นั้น ในขณะที่ร่างกายของคนทั้งคู่ไม่มีอาภรณ์ปิดแต่อย่างใด
แต่ทว่าแก่นกายของเขาในตอนนี้มันตื่นจากการหลับใหลจนเต็มลำ พร้อมที่จะออกศึกได้ทุกเมื่อ
กุมภัณฑ์ไม่รอช้า แยกขาอันงาม ๆ ออกจากกัน พลางใช้แก่นกายสอดแทรกไปที่เนื้ออันบอบบางที่เด้งเข้าหาแก่นกายของเขา ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ สอดใส่แก่นกายเข้าไปอย่างช้า ๆ
พรึบ!