บทที่ 6 ท่านพี่ลู่อย่าดื้อสิเจ้าคะ

2339 คำ
เสียงเงียบปกคลุมไปทั่วทั้งป่า ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจของผู้ติดตามจากสำนักมาร มิใช่พวกเขาที่นิ่งอึ้ง แม้แต่ท่านจ้าวสำนักลู่เทียนหยางที่ไม่สะทกสะท้านต่อสิ่งใดกลับชะงักไปกับคำพูดที่หน้าอายของนาง อ่าตอนนี้พวกเขาเริ่มเสียดายเสียแล้ว สตรีผู้งดงามนางนี้คงไม่รอดพ้นกลายเป็นศพคามือของท่านจ้าวสำนักเป็นแน่ แม้แต่ในสำนักมารเองก็มีสตรีมากมายที่พร้อมจะถวายกายให้ท่านจ้าวสำนัก แต่ทุกคนที่ลอบเข้าไปจะมีความสัมพันธ์หรือแม้แต่ต่อหน้าไม่ตายก็บาดเจ็บหนักกลับมาทุกราย แล้วนางพูดออกมาต่อหน้าเช่นนี้ อีกไม่กี่นาทีข้างหน้าพวกเขาคงได้ทำลายศพของนางทิ้งอีกเป็นแน่ "ท่านแต่งให้กับข้าเถิด" สายตาเฉียบคมตวัดมองหญิงสาวร่างบางตรงหน้าที่พูดสิ่งที่เขาคาดไม่ถึงขึ้นมา ใบหน้าหล่อเหลากระตุกยิ้มร้ายกาจยามได้ยินคำพูดที่ไม่น่าเชื่อนั้นออกจากปากของศัตรู "เจ้าคิดว่าเจ้าจะต่อรองกับข้าได้งั้นหรือ ยิ่งคำพูดเพ้อเจ้ออย่างแต่งให้เจ้า หึ เจ้าอยากตายนักรึไง!" นางรู้ว่าเขาไม่ชื่นชอบสตรี แต่นางเนี่ยแหละจะมลายใจที่เยียบเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งนั่นให้จงได้ "โหดนักหรือไงเจ้าคะ ระวังเปลี่ยนเป็นโหมดคิตตี้ไม่รู้ตัวด้วยนะเจ้าคะ" ร่างบางที่ยังคงถูกมัดไว้อย่างแน่นหนาแต่ใบหน้างดงามนั่นกลับไม่ได้นึกกลัวต่อเขาและสถานการณ์ตรงหน้านี้แม้แต่น้อย แถมยังกล้าต่อปากต่อคำพูดจาเกี้ยวเขาอย่างออกนอกหน้าเช่นนี้ นางช่างประหลาดนัก ฉูฉิงเฟยจ้องมองไปยังร่างสูงองอาจร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้ามกร้าวใจ ใบหน้าที่ยังคงไว้สายตาเย็นชาคราบเลือดที่เปื้อนลำคอแกร่งเล็กน้อยนั่นไม่อาจจะทำให้ความหล่อนั้นน้อยลงเลย 'โอ๊ยย ความหล่อมันบังตาช้านนน' "หึ ปากกล้าดีนักนะเจ้านกน้อย" ดาบเล่มยาวสัมผัสปลายคางนางช้อนให้สายตาประสานกัน ฉูฉิงเฟยสายตาสั่นวูบไหวยามที่สายตานั่นของเขาจ้องมองมายังนางราวกับต้องการสำรวจภายในจิตใจ หัวใจนางคันยุบยิบอย่างไม่ดูสถานการณ์ตรงหน้า ลู่เทียนหยางนึกแปลกใจที่นางไม่มีท่าทีกลัวเขาเลยแม้แต่น้อย แปลกนักน้อยคนนักที่จะกล้าสบตากับเขาโดยตรง และที่สำคัญวิชามารนั้นใช้กับนางไม่ได้ผลเสียนี่ เขาจึงไม่อาจจะล้วงข้อมูลจากตัวของนางได้ "ถ้าท่านไม่อยากตายในตอนจบ ท่านต้องเป็นสามีข้าเท่านั้นเจ้าค่ะ" นางยังคงต่อรองโดยไม่ยินดียินร้าย นางรู้ว่านางไม่ได้เป็นศัตรูของเขาเขาจะต้องไม่ทำสิ่งใดต่อนางเป็นแน่ เพราะอย่างน้อยตัวร้ายผู้นี้ก็มีคุณธรรมในใจอยู่บ้าง "หมายความว่าอย่างไรข้าจะตาย ไม่มีผู้ใดจะต่อกรกับข้าได้ และสิ่งที่สำคัญยิ่งนั่นคือข้ารังเกียจสตรีเช่นเจ้า" "เดี๋ยวท่านก็รักข้าเจ้าค่ะ" นางมิได้ยี่หระในคำพูดร้ายกาจของเขา นางกลับยิ้มให้เขาจนตาหยี ดวงตาเป็นประกายยามจับจ้องไปยังชายหนุ่มที่ปั้นหน้ายักษ์อยู่ตรงหน้าพลางสำรวจใบหน้าที่หล่อเหลาจนร่างสูงต้องเสหน้ามองไปทางอื่นไม่อาจจะสบสายตาที่เป็นประกายของนางได้ หึหึเดี๋ยวท่านก็จะเป็นของข้าแล้วท่านพี่ลู่!! “เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีสตรีมากมายที่พูดเช่นนี้ แต่พวกนางไม่ได้หายใจแล้ว” เขากล่าวคำขู่เพื่อให้นางหวาดกลัว แต่นางกลับหาเป็นเช่นนั้นไม่ ใบหน้าสวยยังคงระบายยิ้มอ่อนๆ ให้กับเขา “ท่านไม่ฆ่าข้าหรอกเจ้าค่ะ ไม่ใช่สิท่านฆ่าข้าไม่ได้นะเจ้าคะ” ถ้าท่านฆ่าข้าแล้วข้าจะเป็นภรรยาท่านได้ไง ชิส์! “เจ้ามั่นใจได้อย่างไร” ปลายดาบแหลมถูกกดน้ำหนักลงจนนางรู้สึกเจ็บ เลือดสีแดงสดไหลออกมา แต่ใบหน้างดงามนั่นยังคงมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า “ข้าช่วยท่านได้แล้วกัน แต่จะเป็นหลังจากนี้” “เจ้าพูดเหมือนเจ้ารู้สิ่งใด” “ข้ารู้ทุกเรื่องของท่านนั่นแหละเจ้าค่ะ ข้ารู้ว่าท่านมาทำไมต้องการอะไร ข้าช่วยท่านได้นะเจ้าคะ” คำกล่าวว่าเขาต้องการสิ่งใดนั้นไม่มีใครล่วงรู้นอกเสียจากผู้อาวุโสระดับสูงภายในสำนักเท่านั้น! นางเป็นสายของผู้ใดงั้นรึ “เจ้ารู้ได้เช่นไร!!” “อึก โอ๊ย! ท่านระวังคนข้างหลังของท่านดีกว่าที่จะมาฆ่าข้านะท่านพี่ลู่!” ปลายดาบถูกกดน้ำหนักลงอีกครั้งหากเขาใส่แรงอีกสักนิดดาบนั่นคงทะลุคอนางแน่ๆ ความเจ็บทำให้น้ำตาคลอที่ดวงตาคู่สวย เขาควบคุมนางไม่ได้ แม้จะพยายามอ่านความคิดนางแล้วก็ตาม เขาควรฆ่านางทิ้งดีหรือไม่.. ในขณะที่ความคิดของเขากำลังสับสน พลังสายหนึ่งได้ห้อมล้อมตัวของลู่เทียนหยางเอาไว้ ในเวลานั้นเขาใช้พลังดันร่างของฉูฉิงเฟยให้ออกไปจนไกล ก่อนที่ดาบหลายเล่มจะห้อมล้อมและพุ่งตรงมายังร่างของเขาด้วยความเร็ว “อ่อนหัด” เสียงเหี้ยมกล่าวดาบในมือของเขาถูกห่อหุ้มด้วยพลังปราณสีดำ แรงฟันเพียงครั้งเดียวดาบทั้งหมดนั้นก็ถูกปัดออกอย่างง่ายดาย แต่ทันใดนั้นดาบพวกนั้นกลับมาวนรอบตัวของเขาอีกครั้ง อักขระถูกเขียนขึ้นกลางอากาศเป็นสีดำพุ่งเข้าใส่ตัวของลู่เทียนหยางจากทุกทิศทุกทาง ในขณะที่แต่ละฝั่งของเล่มดาบมีผู้ควบคุมมันอยู่ เขาหันไปมองรอบตัวบัดนี้ครึ่งหนึ่งของกำลังคนที่เขาพามานั้นถูกฆ่าจนหมด “หึหึ ท่านจ้าวสำนัก ท่านก็เป็นแค่ว่าที่จ้าวสำนักมิใช่ผู้ที่บัญชาการโดยตรงเสียหน่อย เหตุใดจึงได้ทำตัวโอหังเช่นนี้” หนึ่งในพวกมันกล่าวขึ้นน้ำเสียงนี้เขาจำได้ขึ้นใจ “หลัวหยุนไห่ เจ้าสารเลว!” ไอพลังปราณกระทบเข้ากับอักขระจนเกิดเสียงดังลั่น รอยร้าวเกิดจากความรุนแรงของพลังทำให้ค่ายกลที่พวกมันภูมิใจใกล้จะโดนทำลายลง เขารู้ว่าลู่เทียนหยางผู้นี้แข็งแกร่ง แต่มิคิดว่าจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ “เร่งมือเดี๋ยวนี้ก่อนที่มันจะหลุดมาได้!” ท่าทีที่เคยหยิ่งผยองนั้นแปรเปลี่ยนเป็นความกังวลและหวาดกลัว แผนที่พวกเขาวางไว้เนิ่นนานจะถูกพังลงไปไม่ได้โดยเด็ดขาด อย่างไรลู่เทียนหยางต้องตายลงในวันนี้ พวกมันเริ่มถ่ายพลังทั้งหมดเข้าที่ค่ายกลนั่น เกิดเป็นแสงสีแดงผ่านรอบตัวของลู่เทียนหยาง ร่างสูงกำหมัดแน่นด้วยความโกรธจนถึงขีดสุด “เจ้าคิดทรยศต่อสำนัก! เจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร!” “ข้าไม่เคยเชื่อในตัวของพวกอาวุโสพวกนั้นอยู่แล้ว รวมถึงท่านกู่จู่เสวียน คนเช่นนั้นจะปกครองคนด้วยความคิดอ่อนโยนได้เช่นไร หากไม่คิดจะอยู่ถึงจุดสูงสุดมันก็ไร้ประโยชน์!!” “อ๊ากกกก” เสียงกรีดร้องของลู่เทียนหยางดังขึ้น เมื่อลำแสงสายหนึ่งพุ่งตรงมาจากทุกทิศมุ่งสู่ที่ตัวของเขา เขารู้สึกราวกับว่าจะถูกฉีกขาดจากภายใน ฉูฉิงเฟยที่เห็นเหตุการณ์นั้น แม้ในนิยายจะบรรยายไว้ว่าตัวร้ายของนางจะโดนทรยศและโดนทำร้ายจนสาหัสแต่ไม่คิดว่าพอมาในเหตุการณ์จริงมันจะรุนแรงถึงขนาดนี้ นางจะยอมให้หลัวนางตายไม่ได้นะ แล้วไหนล่ะ! ไหนแม่นางเอกล่ะเว้ย ไม่ใช่ว่านางต้องเข้ามาในสถานการณ์แบบนี้หรือไง “โธ่โว้ย ผู้ชายเจ็บอาเฟยเจ็บยิ่งกว่า” นางมองเขาทุรนทุรายอยู่ในกรงสีแดง ทันใดนั้นนางก็คิดได้อย่างหนึ่ง นางหยิบก้อนหินก้อนใหญ่ที่เห็นแถวนั้นกำไว้ในมือจนแน่น พยายามคิดถึงหนังจีนกำลังภายในที่เขาพยายามเค้นพลังแล้วส่งไปที่มือ ก่อนจะปาออกไปจนสุดแรงเกิดโดยที่เล็งหน้าไอ้พวกผู้ร้ายที่กำลังทารุณหลัวของนาง ฟิ้ว ตุ้บ ปัก! เกิดเป็นความเงียบชั่วขณะ ภาพที่ไอ้ตัวร้ายพวกนั้นจะโดนหินที่นางเขวี้ยงใส่หัวแตกจนล้มพับลงไป ใช่ที่จริงมันควรจะเป็นเช่นนั้นเส้!!นอกจากจะไม่เป็นอย่างที่นางคิดแล้ว พวกมันกลับหันมามองด้วยสายตาอาฆาตอีกด้วย และด้วยแรงอันน้อยนิดของนางมันจึงทำได้แค่เบี่ยงเบนความสนใจเท่านั้น “อะ อย่าทำอะไรท่านพี่ลู่ของข้านะ พะ พวกเจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าข้าเป็นผู้ใด” นางกล่าวเสียงแข็งใบหน้าสวยเชิดขึ้นเล็กน้อยราวกับไม่เกรงกลัวต่อพวกมัน “ไม่” พวกมันส่ายหน้า เกือบลืมไปเลยว่ามีนางอยู่ที่นี่ด้วย “ขะ ข้าเป็นลูกสาวของท่านแม่ทัพฉูเป่ยชาง ข้าฉูฉิงเฟย จะ เจ้าไม่รู้จักข้างั้นรึ” กรี๊ดดด ไม่ใช่ว่าชื่อเสียงของนางต้องดังกระฉ่อนคับฟ้าด้วยความร้ายกาจรึ! “หึหึ ฮ่าๆ คุณหนูท่านควรอยู่แต่ในเรือนมิใช่ออกมาเที่ยวเตร่เช่นนี้ ยิ่งสตรีที่งดงามด้วยแล้วนั้นมิควรอย่างยิ่ง” พวกมันส่งสายตาลวนลามยามจับจ้องที่ร่างกายของนาง ฉูฉิงเฟยสั่นกลัวสายตาพวกนั้น แต่นางพยายามทำจิตใจให้สงบก่อนจะพูดน้ำเสียงด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้า ปล่อยเขาแล้วหนีไปซะ” “โอ๊ะโอ้ คุณหนูที่ไม่มีแม้แต่วรยุทธ์เหตุใดพวกข้าต้องทำเช่นนั้นด้วย นอกเสียแต่ว่า…ท่านจะมาเป็นของเล่นให้พวกข้า” “!” นางหันไปมองยังด้านหลังของพวกมัน ลู่เทียนหยางนั่งคุกเข่าลงหน้าก้มต่ำราวกับคนไม่ได้สติ พวกมันนั้นคิดว่าแผนของพวกมันสำเร็จแล้ว จึงไม่ได้สนใจในตัวของลู่เทียนหยางนัก พวกมันย่างสุมเข้ามาใกล้สตรีผู้งดงามนั้นมากขึ้น มากขึ้น ‘เร็วๆ เข้าสิท่านพี่ลู่ รีบฟื้นขึ้นมาได้แล้ว!’ ชั่ววินาทีก่อนที่พวกมันจะถึงตัวนาง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจนพวกมันตกใจและต้องหันไปมอง ภาพเบื้องหน้านั้นคือร่างของลู่เทียนหยางที่สามารถทำลายค่ายกลที่แข็งแกร่งลงได้ ชั่ววินาทีนั้นสายตาที่น่าหวาดกลัวได้ถูกส่งมายังพวกมัน ไม่ทันที่พวกมันจะได้แม้แต่ขยับปากหรือกะพริบตาพวกมันก็ได้ตายลงทันที “ตายไปซะไอ้พวกหนอนแมลง” ลู่เทียนหยางใช้พลังทั้งหมดในการออกมาจากค่ายกล แววตาแดงก่ำราวกับสัตว์ร้ายตวัดมองพวกคนทรยศสลับกับมองใบหน้าหวานที่กำลังหวาดกลัว ก่อนที่เขาจะใช้พลังเฮือกสุดท้ายในการระเบิดหัวพวกมันจนขาดกระเซ็น เลือดสีแดงพร้อมกลิ่นเน่าเหม็นของเศษซากเนื้อลอยเข้ามาแตะจมูกของนาง ภาพพวกมันที่ถูกระเบิดหัวหายไปกว่าครึ่งทำให้นางคลื่นไส้ บางคนถึงกับหัวหายไปเลยทีเดียว “อ้วกกก อุแหวะะ” นางหันไปสำรอกทุกสิ่งทุกอย่างออกมาอย่างห้ามไม่ได้ นางไม่เคยเห็นคนถูกฆ่าตายอย่างน่าสยดสยองเช่นนี้มาก่อน น่ากลัวๆๆๆ นางสาบานว่าจะไม่ทำให้ท่านพี่ลู่ของนางโกรธเด็ดขาด ฟุบ! อั้ก! เสียงดังขึ้นด้านหลังทำให้นางต้องหันไปมอง ร่างของลู่เทียนหยางในสภาพที่สะบักสะบอมล้มฟุบลงไปใบหน้าชายหนุ่มผุดเม็ดเหงื่อจนเต็มกรอบหน้าเขากระอักเลือดกองโต คิ้วดำหนาขมวดมุ่นด้วยความเจ็บปวด “ทะ ท่านพี่!” “อย่ามาเรียกข้าท่านพี่ ข้าไม่ใช่พี่เจ้า” เสียงแหบกร้านเอ่ยออกมาจากปากที่เปื้อนเลือดด้วยความอ่อนแรง “จิ๊! สถานการณ์แบบนี้ท่านยังมาต่อว่าข้าได้อีกนะ ทิ้งไว้ที่นี่เสียดีหรือไม่” “ไม่ต้องมายุ่งกับข้า” ร่างสูงพยายามพยุงตัวเองลุกขึ้น แต่กลับต้องทรุดลงไปอีกครั้ง ตอนนี้เขารู้สึกไม่มีแรงแล้ว สมองใกล้จะตัดความรับรู้เต็มที เมื่อสักครู่หากเขาจะใช้พลังส่วนหนึ่งทำลายค่ายกลลงแล้วหนีไปก็อาจจะไม่บาดเจ็บถึงเพียงนี้ แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใดเขาถึงเลือกที่จะใช้พลังที่เหลือในการช่วยนาง อาจจะเป็นเพราะนางพยายามใช้ความสามารถอันน้อยนิดของนางช่วยเหลือเขา “ท่านอย่าดื้อได้ไหม บาดเจ็บถึงขนาดนี้จะคลานไปไหนได้เจ้าคะ ท่านตัวโคตรหนักเลยอะ!” นางกล่าวพลางพยายามพยุงร่างสูงนั่นขึ้นมาอย่างยากลำบาก น้ำหนักถูกเทมายังตัวนางจนแทบจะล้ม บัดนี้มีสตรีร่างเล็กกำลังแบกบุรุษตัวใหญ่ยักษ์ไว้บนตัว นางค่อยก้าวเดินอย่างช้าๆ เพราะกลัวเขาจะล้มลง “ท่านพี่! ช่วยก้าวขาหน่อยได้ไหมเจ้าคะ ข้าจะล้มอยู่แล้ว ไม่งั้นข้าจะเปลี่ยนไปลากท่านแทนแล้วนะ” “...” แม้นางจะเอ่ยเช่นนั้น แต่นางก็ยังพยายามลากสังขารที่หนักอึ้งไปตามทางน้ำ ตอนนี้ก็มืดค่ำแล้วนางพยายามหาถ้ำที่เคยอ่านเจอในนิยาย แต่มันอยู่ไหนก่อนนน! ลู่เทียนหยางลอบมองใบหน้าของนางที่เหงื่อไหลเต็มกรอบดวงหน้าสวยพร้อมกับส่งเสียงโอดโอยมาตลอดทาง ก่อนจะเลื่อนสายตามองต่ำลงไปยังคอขาวที่มีบาดแผลและเลือดไหลอยู่ด้วยแววตายากจะคาดเดา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม