บทที่ 7 ข้าเตือนเจ้าแล้วใช่หรือไม่

2274 คำ
“ท่านพี่ลู่เหนื่อยมากไหมเจ้าคะ หิวหรือยังเจ้าคะ ท่านได้ทานอะไรมาบ้างไหมเจ้าคะ แต่คงได้อยู่ดีกินดีสินะเจ้าคะตัวท่านถึงหนักเพียงนี้” เสียงเจื้อยแจ้วชวนเขาพูดไม่หยุดดังมาตลอดทาง เขาก้มต่ำมองคนร่างเล็กที่พูดไม่หยุด หากเทียบตัวกันแล้วนั้นนางช่างตัวเล็กมากนักราวกับสัตว์ตัวน้อยๆ “เงียบหน่อยได้หรือไม่ ข้าหนวกหู” จิ๊! นางหันไปค้อนเขาทีหนึ่งแต่ก็ยอมเงียบเสียงลง คนอุตส่าห์มาช่วย แต่แล้วสายตาก็ไปเจอเข้ากับปากถ้ำที่อยู่ไม่ไกลมากนัก แต่มันเป็นอีกฝั่งที่นางต้องข้ามแม่น้ำไป มีแต่อุปสรรคไปหมดจนนางอยากจะโยนบุรุษตรงนี้ทิ้งน้ำเสียเลย “ท่านพี่เราต้องข้ามแม่น้ำไปอีกฝั่งนะเจ้าคะ” ลู่เทียนหยางที่เริ่มไม่ได้สติ ความรู้สึกปั่นป่วนภายในกายทำให้เกิดความร้อนขึ้น น้ำหนักกายทั้งหมดแทบจะทิ้งลงไปบนร่างเล็ก ความผิดปกตินี่ทำให้นางต้องรีบหันไปดูเขาทันที “ทะ ท่านพี่! ท่านพี่เป็นอะไรอย่าเพิ่งตายนะเจ้าคะ ท่านพี้ตื่นก่อนห้ามหมดสตินะ!” นางพยายามเรียกสติคนข้างกายด้วยการเขย่าจนร่างสูงหัวโยก เขารู้สึกมึนจนอยากจะสำรอกนี่เขากำลังเจอเหตุการณ์เช่นไรอยู่! “ข้าจะตายเพราะเจ้านั่นแหละ เลิกเขย่า!” นางยิ้มดีใจอย่างโล่งอกที่เขายังได้สติแล้วหันมาต่อว่านางอยู่ เอ๊ะ นางควรดีใจงั้นรึ แต่ช่างก่อนเถิดนางจะข้ามไปได้ยังไง มองจากผิวเผินแล้วน้ำดูไม่ลึกมากนัก ก่อนนางจะนึกขึ้นได้ว่าแถบนี้มีต้นไม้เลื้อยเต็มไปหมด นางเดินไปที่ต้นไม้แถวนั้นก่อนจะหยิบเถาวัลย์มามัดรวมกันเพื่อให้เกิดเป็นเชือกที่ยาวพอจะรัดพวกเขาไว้ได้ นางพันเขาเข้ากับเอวคอดของนางไว้จนแน่น “เจ้ามั่นใจรึ” “มั่นใจเจ้าค่ะเชื่อมือข้าเถิด ข้าเก่งนะ เหมาะเป็นภรรยาท่านหรือไม่เจ้าคะ” นางหันมาหยอกล้อเขาหนึ่งที ใบหน้าของลู่เทียนหยางที่ซีดอยู่แล้วกลับซีดลงกว่าเดิมเมื่อได้ยินวาจาน่าปวดหัว “...” “คิกคิก ข้าไม่ได้ล้อท่านเล่นนะเจ้าคะ หากท่านไม่ยินยอมข้าจะตามเกี้ยวท่านจนถึงสำนักมารเลยคอยดูเถิด” “หึ คิดว่าทำได้เช่นนั้นรึ” “ข้าไม่สวยตรงไหนกัน ต้องมีใจอ่อนบ้างแหละ” นางเอ่ยก่อนจะค่อยๆจุ่มเท้าลงไปที่ลำธารนั่น น้ำไม่เชี่ยวมากนักคงเดินต่อไปได้สบาย “ก็สวย” คำพูดของลู่เทียนหยางทำให้นางหูผึ่งจนหยุดเดิน “หะ หื้ม ท่านว่าอย่างไรนะเจ้าคะ” “ข้าไม่ได้พูดอะไร” “ข้าได้ยินนะเจ้าคะว่าท่านชมว่าข้าสวยน่ะ” นางกล่าวเสียงสดใส “ได้ยินแล้วจะถามทำไมให้มากความ เดินต่อไปสิ” “ปากแข็งจริงๆเชียว” ร่างสูงพยักพเยิดให้นางเดินไปต่อโดยที่ไม่ได้สนใจคำเจื้อยแจ้วของนาง เขารู้สึกอบอุ่นในใจอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่ได้พูดคุยดั่งคนปกติเช่นนี้นานเท่าไรแล้ว จริงอยู่ที่เขาไม่ชื่นชอบสตรีเพราะพวกนางนั้นน่ารังเกียจ คิดแต่จะใช้ร่างกายเพื่อตำแหน่งและอำนาจเหมือนดั่งเช่น.. เขาหยุดความคิดไว้เพียงเท่านั้นเมื่อนึกถึงอดีตที่น่าสะอิดสะเอียน “ท่านพี่เจ้าคะเรามาถึงแล้ว” เสียงหวานใสของนางดึงให้เขาหลุดออกจากภวังค์ ใบหน้าที่ร้ายกาจพร้อมจะฆ่าทุกสิ่งเริ่มกลับไปเรียบนิ่งดังเดิม “อืม” นางค่อยนั่งลงอย่างช้าๆ พลางประคองร่างของลู่เทียนหยางที่บาดเจ็บลงอย่างเบามือ ก่อนจะแกะเถาวัลย์ออกแล้วล้มลงอย่างคนหมดแรง “ข้าแบกท่านจนกล้ามแขนขาข้าขึ้นหมดแล้วกระมัง ข้าคงจะกลายเป็นหญิงแกร่งในไม่ช้า” นางกล่าวพลางยกแขนที่ราวกับกิ่งไม้มาให้เขาดู ก่อนจะพยายามเบ่งกล้ามที่ไม่มีแม้สักนิดของนาง “หึ” ร่างสูงเผลอระบายรอยยิ้มขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “อุ๊ย ท่านยิ้มแล้วหล่อมากเลยเจ้าค่ะ” นางสายตาพร่ายามจับจ้องไปยังใบหน้าหล่อเหลาของเขาที่ระบายรอยยิ้ม ชายผู้ที่ยิ้มยากเช่นเขายังตกใจ นี่เขายิ้มออกมางั้นรึ ร่างสูงรีบปรับสีหน้ากลับไปเรียบเฉยและเย็นชายิ่งกว่าเดิมก่อนจะตอบนางกลับไปราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น “เจ้าตาฝาด” “ข้าตาไม่ฝาดนะเจ้าคะตอนนี้ข้าก็เห็นอยู่” นางกล่าวพลางยิ้มกรุ้มกริ่มในหัวเริ่มคิดบางอย่าง “เห็นว่าเจ้าอ่อนแอรึ” “เปล่าเจ้าค่ะเห็นว่าความรักของเรากำลังก่อตัว” ผ่าง! นางกล่าวพลางขยิบตาให้เขาอย่างที่คิดว่าน่ารักที่สุด แต่ดันได้รับสายตาเย็นชากลับมาพร้อมกับคำพูดเจ็บแสบ “เพ้อเจ้อ” ลู่เทียนหยางปั้นหน้านิ่งเช่นนั้นจนนางไม่ได้ทันสังเกตเห็นเลยว่าใบหูของเขานั้นเริ่มแดงก่ำ ความรู้สึกร้อนรุ่มภายในกายยิ่งเพิ่มมากทวีคูณ ร่างบางเบะปากเล็กน้อยให้กับความเย็นชาของเขา 'คนอะไรไม่มีอารมณ์ขันเสียเลย' "เจ็บมากหรือไม่" คำที่เอ่ยขึ้นมาเสียดื้อๆแต่แฝงไว้ด้วยความห่วงใยนั้นทำให้นางต้องตกตะลึง นางหันไปมองหน้าเขาก่อนจะพยักหน้าอย่างรวดเร็วด้วยใบหน้าน่าสงสาร "เจ็บเจ้าค่ะ เจ็บที่ใจโอ๊ยยๆ" "เหตุใดจึงเจ็บที่ใจหาใช่ที่คอที่โดนบาดของเจ้า" เขาขยับเข้ามาใกล้นางด้วยความเป็นห่วงโดยไม่รู้ตัว หรือนางโดนลูกหลงจนบาดเจ็บภายในกัน "ตกหลุมรักท่านจนเจ็บหัวใจไปหมดเลยเจ้าค่ะ อิอิ" ใบหน้าเจ็บปวดแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้าง ลู่เทียนหยางที่ดันตกหลุมพลางของนางก็หน้าขึ้นสี ใบหน้าบึ้งตึงก่อนจะดันหัวของนางเบาๆ "เจ้านี่มันช่างเลอะเทอะเสียจริง ตกหลุมแล้วจะเจ็บที่ใจได้อย่างไร" นางกลอกตามองบน จะเล่นมุกอะไรสักอย่างนี่ทำไมมันช่างยากเย็นนัก นางเลิกสนใจเขาก่อนจะค่อยๆถอดชุดที่เปียกออก ลู่เทียนหยางที่เห็นดังนั้นก็ตกใจรีบห้ามปรามนางอย่างรวดเร็ว “เดี๋ยว จะ เจ้าจะทำอะไร” “ข้า เอ่อ ข้าก็กำลังถอดชุดออกไงเจ้าคะ มันเปียก” นางกล่าวด้วยแววตาใสซื่อ นางผู้ที่เป็นหญิงสาวจากยุคที่ผู้คนสวมผ้าน้อยชิ้นออกจากบ้านจึงไม่ได้สนใจในเรื่องการเห็นเนื้อเห็นตัวนิดๆหน่อยมากนัก นางถอดชุดออกจนเหลือแค่ผ้าผืนบางเนื้อผ้าบางเปียกชื้นแนบชิดลำตัวจากการลุยน้ำเผยให้เห็นสัดส่วนที่น่าหลงใหล เอวบางเล็กคอดมีส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจน แล้วยัง…ส่วนตรงหน้าที่ใหญ่เกินขนาดตัวเล็กๆของนาง ลู่เทียนหยางไล่สายตาสำรวจเรือนร่างของนางราวกับตกอยู่ในภวังค์ แม้เขาจะเห็นสตรีมากมายมาเปลื้องผ้าต่อหน้าเขาแต่เขากลับต้องยอมรับว่าไม่เคยเห็นผู้ใดมีเรือนร่างที่งดงามเช่นนางมาก่อน ความร้อนเริ่มแผดเผาภายในกายจนเหมือนมีไฟหลอมละลายอยู่ภายในทุกสัดส่วน ฉูฉิงเฟยหันกลับมามองลู่เทียนหยางเมื่อเห็นว่าเขาเงียบไปจนผิดปกติ ใบหน้าของลู่เทียนหยางขึ้นสีแดงระเรื่อลามไปจนทั้งมือและเท้า นางตกใจเป็นอย่างมากจนต้องรีบขยับกายเข้าไปดูเขา “ทะ ท่านพี่เป็นอะไรหรือเจ้าคะ” นางสัมผัสไปที่ใบหน้าที่กำลังแดงก่ำ ตัวของลู่เทียนหยางร้อนดั่งกับไฟ ร่างแกร่งขบสันกรามแน่นพยายามข่มความรู้สึกที่ราวกับกำลังจะระเบิดออก ร่างกายนุ่มนิ่มและไอเย็นจากตัวนางดึงดูดให้เขาเข้าใกล้ “ออกไป” “วะ ว่าอย่างไรนะเจ้าคะ” นางแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง เขาเป็นถึงขนาดนี้จะให้นางทิ้งเขาไว้ได้อย่างไรกัน “ออกไปให้พ้น!” เสียงเข้มดุดันตวาดลั่น สีหน้าแดงก่ำ ใบหน้าเริ่มอ่อนล้า คิ้วขมวดพันกันยุ่งเหยิงยามความร้อนภายในเริ่มเข้าแทรก ฉูฉิงเฟยเม้มริมฝีปากแน่นครุ่นคิดเพียงชั่วครู่ก่อนจะรีบวิ่งออกไป เขามองตามร่างบางที่หายลับไปจากสายตา เขาทิ้งตัวลงพยายามข่มความเจ็บปวดภายใน เขาใช้พลังมากไป แม้จะมีความสามารถมากแต่หากฝึกฝนไม่เพียงพอ ร่างกายก็ไม่อาจรับภาระที่หนักอึ้งดั่งเช่นที่เขาใช้พลังจนเกินตัวในวันนี้ได้ “ท่านอาจารย์...” เขากล่าวเรียกคนผู้หนึ่งเสียงแผ่วเบา ใบหน้าอ่อนลงหลายส่วนยามนึกถึงผู้มีพระคุณเพียงคนเดียวที่ชุบเลี้ยงเขามา วันนี้ที่เขาก่อความวุ่นวายก็เพื่อจะนำโอสถไปให้กับท่านอาจารย์ของเขาที่กำลังบาดเจ็บสาหัสแต่ไม่คิดเลยว่าไอ้พวกศิษย์ชั่วอย่างหลัวหยุนไห่จะหักหลัง คนอย่างพวกมันหากไม่มีผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังคงไม่กล้าริอ่านกระทำการใหญ่เช่นคิดฆ่าเขาผู้ที่เป็นว่าที่จ้าวสำนักเช่นนี้แน่ “อั้ก!” เขากระอักเลือดออกมากองโตความรู้สึกร้อนราวกับถูกฉีกจากภายใน ทั้งบาดเจ็บภายในและธาตุไฟเข้าแทรกหากเขารอดไปได้เขาจะฆ่าพวกมันทิ้งให้หมด! ความมืดมิดเริ่มก่อตัวราวกับสติใกล้จะหลุดลอยไปกลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้นใกล้ๆ เสียงใสๆ ที่เขาได้ยินมาตลอดทาง “ท่านพี่! ท่านพี่ดื่มนี่ก่อนเจ้าค่ะ” ฉูฉิงเฟยที่วิ่งออกไปหาน้ำมาให้เขากินนั้นกลับมาก็เห็นท่านพี่ลู่ของนางหลับไม่ได้สติ นางจึงรีบวิ่งเข้ามาดูอาการเขาโดยที่พยายามไม่ให้น้ำในใบไม้ที่นางห่อมานั้นหก ร่างสูงไม่ตอบสนองต่อเสียงเรียกของนาง นางพยายามเปิดปากเขาอย่างยากเย็น แต่กลับไม่เป็นผล นางตัดสินใจกินน้ำนั้นก่อนจะสัมผัสลงไปที่ริมฝีปากหยัก ‘ข้าไม่ได้ลักหลับนะเจ้าคะ’ ใจของนางสั่น นางหลับตาแน่นก่อนจะค่อยๆ ส่งน้ำผ่านริมฝีปากของนางให้กับเขา ความนุ่มและความเย็นไหลลงสู่คอ สัมผัสเย็นและนุ่มหยุ่นอยู่ที่ริมฝีปากทำให้เขารู้สึกสบายตัว ความรู้สึกร้อนภายในเริ่มคลายลงแต่นั่น..มันยังไม่มากพอ ‘มากกว่านี้..’ “อื้อ” ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อริมฝีหยักเริ่มรุกล้ำและหนักหน่วง บดขยี้ลงบนริมฝีปากของนาง ลิ้นอุ่นร้อนกวาดทั่วโพรงปากกลืนกินความหวานจากปากบางอย่างลุ่มลึก มือหยาบใหญ่ดันร่างของนางไว้แนบแน่นกดใบหน้านางชิดลง นางถูกเขากินทั้งริมฝีปากอย่างหนักหน่วงราวกับความต้องการของเขานั้นไม่มีที่สิ้นสุด ความนุ่มและความหอมหวานนั่นทำให้เขาอยากสัมผัสมากกว่านี้ นางจูบเงอะงะๆไม่เป็นประสา ใบหน้าและร่างกายร้อนรุ่มไปทั่วยามที่ถูกเขาดูดดึงกินน้ำหวานจากปากของนางอย่างตะกละตะกลาม “อะ อื้อ อื้อ ท่านพี่” ดวงหน้าแดงก่ำราวกับมีควันออกมาจากหู ตอนนี้นางรู้สึกเหมือนมีผีเสื้อบินวนอยู่ในท้องกับใจที่เต้นระส่ำเหมือนจะหลุดออกมา นางพยายามดันอกแกร่งให้เขาถอนจูบออก เมื่อนางเริ่มเหมือนจะหมดอากาศหายใจ ริมฝีปากถูกถอนออกอย่างช้าๆ เปลือกตาของลู่เทียนหยางค่อยๆขยับก่อนที่จะปรือตาขึ้น ดวงตาคมกริบสีดำน่าหลงใหลมองตรงมายังนางด้วยความเร่าร้อน ร่างกายนางสั่นสะท้านด้วยแววตานั่นของเขา “ข้าบอกให้เจ้าออกไป” เขาเค้นเสียงออกมาจากลำคอราวกับคำราม “คะ คือข้า คือว่า” หัวสมองขาวโพลนไม่สามารถคิดสิ่งใดออกได้ เมื่อสักครู่นางเพิ่งจูบกับเขาไป 'จูบแรกของนางอ๊ากกกก ใจจะวาย' เขามองใบหน้าแดงก่ำของนางที่ไม่ปกปิดความรู้สึกของตนเองทั้งการกระทำที่ผ่านมาของนางที่ดูเป็นห่วงเขาจากใจจริงหากนางเก่งเรื่องการตบตานี่คงเป็นการตบตาที่แนบเนียนมากเสียเหลือเกิน “ข้าเตือนเจ้าแล้วใช่หรือไม่ เจ้าผิดที่ไม่ฟังคำของข้า” "อ๊ะ!" เสียงแหบพร่ากระซิบข้างหูนางด้วยความเร่าร้อนเฉกเช่นเดียวกับความต้องการภายในและความร้อนในร่างกาย ทำให้เขาอยากจะกลืนกินนางลงไปเสียเดี๋ยวนี้ ลิ้นร้ายสัมผัสที่ใบหูเล็กๆของนาง ความรู้สึกยิ่งถูกกระตุ้นยามมองร่างกายบอบบางสั่นไหวด้วยความเร่าร้อนที่เขาเป็นคนมอบให้ เขาฉกฉวยริมฝีปากอวบอิ่มนั่นอีกครั้ง มือหนาสัมผัสไปที่ร่างกายเล็กๆและนุ่มนิ่มของนางที่มีผ้าขาวบางกั้นไว้อยู่ ความเย็นจากร่างกายที่เปียกชื้นของนางยิ่งทำให้เขารู้สึกดีมากจนทนไม่ไหว “อ้า” นางร้องเสียงหลงเมื่อเขากัดลงไปที่เนินอกนุ่มของนางก่อนที่จะถูกเขาดูดดื่มจนเกิดเสียงดังน่าอาย เขาขยับกายเลื่อนต่ำลงในขณะที่นางยังคร่อมตัวของเขาไว้อยู่ ผ้าผืนบางที่ยังเปียกชื้นแนบชิดร่างกายนางจนเผยให้เห็นเนื้อเนียนขาวภายในนั่นกำลังขัดใจเขายิ่งนัก “ถอดออก” “มะ ไม่” “นี่ไม่ใช่คำขอร้อง แต่มันเป็นคำสั่ง”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม