ตอนที่ 6
(เวนิส)
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป
ถึงแม้เวลาจะล่วงเลยไปเป็นสัปดาห์แล้วแต่ความรู้สึกเหมือนเรื่องราวในคืนนั้นพึ่งผ่านไปเอง
ตั้งแต่วันนั้นที่ฉันออกมาจากคอนโดจอมทัพฉันก็พยายามหลบหน้าเขาตลอด ก็คนมันรู้สึกแปลกๆจะให้ทำไงได้
“เวนิส แกนั่งเหม่อแบบนี้มาเป็นอาทิตย์แล้วนะ”
ฉันสะดุ้งตื่นจากภวังค์เมื่อลินินเดินถือจานสปาเกตตี้เข้ามาวางไว้ตรงหน้า
“เฮ้อ ฉันจะลืมเรื่องราวคืนนั้นได้ไงวะ”
“เรื่องที่แกอ่อยผู้ชายจนได้เขาเป็นผัวอะนะ ฉันเคยเตือนแกแล้วใช่มั้ยว่าเวลาแกเมาหนะอันตราย”
“ใครจะไปรู้ว่ามันจะหนักขนาดนี้ล่ะ”
“เหอะ มันผ่านมาแล้ว มันแก้อะไรไม่ได้จริงๆ ฉันว่าถ้าแกยังเป็นแบบนี้ แกคงต้องไปคุยกับพี่จอมทัพ”
เกร้ง
ส้อมในมือฉันหลุดลงกระทบโต๊ะอย่างไม่รู้ตัวเมื่อได้ยินชื่อจอมทัพ
“ฉันว่าแกเป็นเอามาก”
ลินินมองฉันพลางส่ายหน้าไปมาเหมือนหน่ายกับอาการของฉันเต็มทน
เฮ้อ ให้ตายเถอะ ฉันไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้เลย
ไลน์ ไลน์
ธามธาม คนมีเวลา : เวนิสวันนี้คาบเช้า อาจารย์แคลเซิลนะแต่มีนัดคุยงานกลุ่ม
ธามคือผู้ชายที่เข้ามาช่วยฉันถือน้ำในวันแรกที่ฉันไปมหาลัยไง จำได้ไหม
บังเอิญมากที่ฉันและเขาเรียนคณะนิเทศเหมือนกัน ตอนนี้เราเลยกลายเป็นเพื่อนกันไปเรียบร้อย
เวนิส เวนี้ เวไหน : ขอบคุณมาก เจอกัน
“ไอเวนิส เข้ามหาลัยพร้อมฉันเลยปะ”
“อ้าว ทำไมวันนี้เข้าเช้าจัง”
“ฉันจะไปแอบดูพี่บอสนิเทศสักหน่อย เห็นเขาลือกันว่าพี่แกเข้าคณะวันนี้”
แหม๋ ไอเราก็คิดว่ารักเพื่อน อยากไปส่งเพื่อน ที่ไหนได้อยากไปดูผู้ชายนี่เอง
“ไม่ค่อยบ้าผู้ชายเลยนะยะ”
“โฮะๆยอมรับ ฉันไปเติมหน้าก่อน รอแปบนะ”
มหาวิทยาลัย
ฉันและลินินมาถึงก่อนเวลานัดทำงานกลุ่ม เราเลยนั่งรอคนอื่นๆกันอยู่ใต้ตึกคณะนิเทศ
คือต้องบอกก่อนว่า ฉันหนะเรียนนิเทศส่วนลินินเรียนบริหารนู้นซึ่งการที่มีนั่งอยู่กับฉัน ไม่ใช่เพราะรักเพื่อนหรืออะไรนะ มันมาส่องผู้ชาย -_-
“แกๆนั่นไงพี่บอส อ่อย น่ารัก”
พี่บอสเป็นรุ่นพี่คณะฉันเองและยังเป็นเดือนมหาวิทยาลัยอีกต่างหาก ฉะนั้นไม่ต้องพูดถึงความหล่อแสนเพอร์เฟคของพี่แกเลย
“เขามองมาทางเรารึเปล่าวะ ไอเวนิส”
ลินินเขย่าแขนฉันที่กำลังนั่งเล่นมือถือใหญ่ จนฉันทนความรำคาญไม่ไหวต้องเงยหน้าขึ้นมองซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่พี่บอสเดินมาถึงโต๊ะฉันพอดี
“พี่ขอนั่งด้วยได้ไหมครับ”
ฉันกวาดสายตามองที่ว่างมากมายในโรงอาหารพลางขมวดคิ้วสงสัยจนลินินต้องหยิกแขนฉัน กระซิบให้ฉันเลิกทำหน้าไม่ยินดีให้พี่เขานั่งด้วย
“เชิญเลยค่ะ”
ลินินพูดเสียงหวานพลางเชิญให้พี่บอสนั่งแต่ไม่ทันที่ พี่เขาจะได้นั่งลง...
ตุบ
มีผู้ชายนั่งลงข้างฉันแทนเสียก่อน พี่เขาเลยวางกระเป๋าไว้เก้าอี้ถัดไป
เพียงแค่เห็นเสื้อช้อปสีน้ำเงิน บวกกับน้ำหอมกลิ่นนี้ ไม่ต้องหันไปมองหน้าก็รู้ว่าเป็นใคร
“พวกพี่ขอนั่งด้วยนะครับน้องเวนิส”
พี่เบย์พูดด้วยสีหน้าร่าเริงตามแบบฉบับพี่เขา ส่วนลินินหันมามองหน้าฉันประมาณว่า พวกพี่เขาเป็นใคร ฉันเลยหันไปกระซิบบอกมัน
“คนที่นั่งข้างฉันไง จอมทัพ”
“คุณพระ เกรดพรีเมี่ยม”
ลินินเบิกตากว้างแกล้งเอามือปิดปากอย่างมีจริตได้น่าตบมาก
“ทำไมพวกพี่มาทานข้าวคณะนิเทศได้ล่ะคะ”
ฉันเลิกสนใจลินินหันไปถามพี่อีกสามคนฝั่งตรงข้าม ฉันพยายามไม่หันมองคนที่นั่งอยู่ข้างฉันถึงจะรู้สึกประหม่ามากก็ตาม
“ไอเบย์มันอยากส่องสาว”
เป็นพี่หนึ่งที่ตอบคำถามฉัน ฉันคุยกับพี่เขาต่อนิดหน่อยก่อนจะก้มหน้าเล่นมือถือต่อ ปล่อยให้พวกเขากินข้าวไป
จึก จึก
จอมทัพสะกิดแขนฉัน พอฉันหันไปก็พบว่าเขาตักมะเขือเทศจ่อปากฉันอยู่
ปกติจอมทัพไม่กินมะเขือเทศแต่เขาชอบสั่งข้าวผัดซึ่งเวลาร้านไหนข้าวผัดใส่มะเขือเทศ ฉันก็จะเป็นคนกินแทนเพราะฉันเลิฟมะเขือเทศมาก
งับ
ฉันอ้าปากกินมะเขือเทศที่เขาป้อนให้ด้วยความเคยชินโดยลืมไปเลยว่าระหว่างเราตอนนี้มันเป็นยังไง
“หึ หึ”
จอมทัพอมยิ้มน้อยๆก่อนจะหันไปกินข้าวต่อ ส่วนฉันก็ก้มหน้า ก้มตาเล่นโทรศัพท์ ไม่อยากให้ใครเห็นหน้าแดงๆของตัวเอง
จึก จึก
นี่ก็อีกคน ทำไมวันนี้มีแต่คนสะกิดฉันนะ ฉันเงยหน้ามองลินินด้วยความรำคาญ
“พี่เขาจ้องมึงจนจะแดกเข้าไปอยู่แล้ว ไม่หันไปคุยหน่อยหรอวะ”
ลินินกระซิบบอกฉัน ฉันเหล่มองด้านข้างเล็กน้อยก่อน เมื่อสบตากับจอมทัพ ฉันเลยรีบลุกคนเพื่อจะเดินหนีไปที่อื่น
บ้าจริง ฉันยังไม่พร้อม ยังไม่พร้อมโว้ย
พรึบ
“น้ำโค้กเย็นๆครับน้องเวนิส”
พี่บอสเดินมาจากไหนไม่รู้ยื่นน้ำโค้กมาตรงหน้าฉัน ฉันลืมพี่เขาไปเลยว่าเมื่อกี๋พี่เขามาตั้งกระเป๋าตรงนี้
“ยัยนี่ไม่กินน้ำอัดลม”
จอมทัพพูดเสียงนิ่งก่อนจะดึงน้ำโค้กไปจากมือพี่บอส ส่วนฉันที่เป็นตัวคั่นกลางระหว่างพวกเขาก็ได้แต่พยายามทำตัวเองให้ลีบเล็กที่สุด
“มึงยุ่งอะไรด้วย เป็นอะไรกับน้องเขา”
สายตาของทั้งสองคนเลื่อนลงมามองฉันโดยมิได้นัดหมาย คนนึงมองฉันเพื่อพยายามหาคำตอบ อีกคนมองฉันเพื่อรอฟังคำตอบ
“เอ่อ เวนิสนึกขึ้นได้ว่านัดเพื่อนไว้ ขอตัวนะคะ”
พูดเพียงเท่านั้นฉันก็รีบหันไปดึงลินินให้ลุกขึ้นเพื่อหนีออกจากสถานการณ์น่าอึดอัดนี้
หมับ
ฉันหันหลังมองบุคคลที่ดึงแขนฉันไว้อย่างไม่ตั้งใจส่งผลให้สายตาเราประสานกันพอดี จอมทัพมองฉันนิ่งไม่พูดอะไรพลางส่งกระเป๋าฉันให้
ฉันเลยรีบดึงกระเป๋าออกจากมือเขาแล้วรีบเดินออกไปทันที ไม่สนใจว่าลินินจะตามมาหรือไม่อีกแล้ว
ตอนเย็น
ลินินแยกกับฉันเมื่อตอนบ่ายเพื่อไปคณะตัวเอง เรานัดกันหน้าหอสมุดตอนเย็นเพื่อกลับบ้านด้วยกันและระหว่างที่ฉันกำลังหอบของมากมายกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปหอสมุด
ความซวยก็บังเกิดขึ้นเมื่อฉันดันสะดุดรองเท้าตัวเอง ทำให้ข้าวของในมือหล่นกระจัดกระจาย
“หาอะไรกินบนพื้นรึไง”
จอมทัพเดินมาหยุดตรงหน้าฉัน เขามองฉันเหยียดๆอย่างที่เขาชอบทำก่อนจะก้มลงช่วยเก็บของ
“ขอบคุณ”
ฉันรับของจากเขามาถือไว้พลางขอบคุณเขาเบาๆ
“เอ่อ...”
ฉันและเขามองหน้ากันอยู่อย่างนั้น ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
เราทำราวกับว่า เราทั้งคู่สามารถสื่อสารกันทางสายตาได้ยังไงยังงั้น
พรึบ
ร่มสีดำถูกกางออกก่อนจะเจ้าของร่มจะใช้มันบังฝนที่กำลังตกลงมาโปรยๆให้ฉัน
“รับสิ ฝนมันตกเดี๋ยวไม่สบาย”
จอมทัพพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ฉันรับร่มมาถือไว้งงๆยืนมองเขาเดินล้วงกระเป๋าออกไปโดยไม่ได้พูดอะไร
ทั้งที่ในใจอยากตะโกนว่า ไอบ้า นายเอาร่มมาให้ฉันถือเป็นภาระเพิ่มทำไมห๊ะ ลำพังแค่ของในมือก็ถือไม่หมดอยู่แล้ว
“จอมทัพ”
จอมทัพหยุดเดิน หันมาเลิกคิ้วให้ฉัน
“เอาร่มนายกลับไป มันเกะกะ”
“หึ ฉันชอบเห็นเธอหอบของเหมือนคนบ้า ตลกดี”
เขาพูดด้วยสีหน้ายิ้มๆ นั่นทำให้ฉันถึงกับอ้าปากเหวอ จะด่าก็ด่าไม่ทันเพราะเจ้าตัวเดินออกไปไกลแล้ว
———-