ตอนที่6

1404 คำ
ตอนที่ 6 (เวนิส) หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป ถึงแม้เวลาจะล่วงเลยไปเป็นสัปดาห์แล้วแต่ความรู้สึกเหมือนเรื่องราวในคืนนั้นพึ่งผ่านไปเอง ตั้งแต่วันนั้นที่ฉันออกมาจากคอนโดจอมทัพฉันก็พยายามหลบหน้าเขาตลอด ก็คนมันรู้สึกแปลกๆจะให้ทำไงได้ “เวนิส แกนั่งเหม่อแบบนี้มาเป็นอาทิตย์แล้วนะ” ฉันสะดุ้งตื่นจากภวังค์เมื่อลินินเดินถือจานสปาเกตตี้เข้ามาวางไว้ตรงหน้า “เฮ้อ ฉันจะลืมเรื่องราวคืนนั้นได้ไงวะ” “เรื่องที่แกอ่อยผู้ชายจนได้เขาเป็นผัวอะนะ ฉันเคยเตือนแกแล้วใช่มั้ยว่าเวลาแกเมาหนะอันตราย” “ใครจะไปรู้ว่ามันจะหนักขนาดนี้ล่ะ” “เหอะ มันผ่านมาแล้ว มันแก้อะไรไม่ได้จริงๆ ฉันว่าถ้าแกยังเป็นแบบนี้ แกคงต้องไปคุยกับพี่จอมทัพ” เกร้ง ส้อมในมือฉันหลุดลงกระทบโต๊ะอย่างไม่รู้ตัวเมื่อได้ยินชื่อจอมทัพ “ฉันว่าแกเป็นเอามาก” ลินินมองฉันพลางส่ายหน้าไปมาเหมือนหน่ายกับอาการของฉันเต็มทน เฮ้อ ให้ตายเถอะ ฉันไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้เลย ไลน์ ไลน์ ธามธาม คนมีเวลา : เวนิสวันนี้คาบเช้า อาจารย์แคลเซิลนะแต่มีนัดคุยงานกลุ่ม ธามคือผู้ชายที่เข้ามาช่วยฉันถือน้ำในวันแรกที่ฉันไปมหาลัยไง จำได้ไหม บังเอิญมากที่ฉันและเขาเรียนคณะนิเทศเหมือนกัน ตอนนี้เราเลยกลายเป็นเพื่อนกันไปเรียบร้อย เวนิส เวนี้ เวไหน : ขอบคุณมาก เจอกัน “ไอเวนิส เข้ามหาลัยพร้อมฉันเลยปะ” “อ้าว ทำไมวันนี้เข้าเช้าจัง” “ฉันจะไปแอบดูพี่บอสนิเทศสักหน่อย เห็นเขาลือกันว่าพี่แกเข้าคณะวันนี้” แหม๋ ไอเราก็คิดว่ารักเพื่อน อยากไปส่งเพื่อน ที่ไหนได้อยากไปดูผู้ชายนี่เอง “ไม่ค่อยบ้าผู้ชายเลยนะยะ” “โฮะๆยอมรับ ฉันไปเติมหน้าก่อน รอแปบนะ” มหาวิทยาลัย ฉันและลินินมาถึงก่อนเวลานัดทำงานกลุ่ม เราเลยนั่งรอคนอื่นๆกันอยู่ใต้ตึกคณะนิเทศ คือต้องบอกก่อนว่า ฉันหนะเรียนนิเทศส่วนลินินเรียนบริหารนู้นซึ่งการที่มีนั่งอยู่กับฉัน ไม่ใช่เพราะรักเพื่อนหรืออะไรนะ มันมาส่องผู้ชาย -_- “แกๆนั่นไงพี่บอส อ่อย น่ารัก” พี่บอสเป็นรุ่นพี่คณะฉันเองและยังเป็นเดือนมหาวิทยาลัยอีกต่างหาก ฉะนั้นไม่ต้องพูดถึงความหล่อแสนเพอร์เฟคของพี่แกเลย “เขามองมาทางเรารึเปล่าวะ ไอเวนิส” ลินินเขย่าแขนฉันที่กำลังนั่งเล่นมือถือใหญ่ จนฉันทนความรำคาญไม่ไหวต้องเงยหน้าขึ้นมองซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่พี่บอสเดินมาถึงโต๊ะฉันพอดี “พี่ขอนั่งด้วยได้ไหมครับ” ฉันกวาดสายตามองที่ว่างมากมายในโรงอาหารพลางขมวดคิ้วสงสัยจนลินินต้องหยิกแขนฉัน กระซิบให้ฉันเลิกทำหน้าไม่ยินดีให้พี่เขานั่งด้วย “เชิญเลยค่ะ” ลินินพูดเสียงหวานพลางเชิญให้พี่บอสนั่งแต่ไม่ทันที่ พี่เขาจะได้นั่งลง... ตุบ มีผู้ชายนั่งลงข้างฉันแทนเสียก่อน พี่เขาเลยวางกระเป๋าไว้เก้าอี้ถัดไป เพียงแค่เห็นเสื้อช้อปสีน้ำเงิน บวกกับน้ำหอมกลิ่นนี้ ไม่ต้องหันไปมองหน้าก็รู้ว่าเป็นใคร “พวกพี่ขอนั่งด้วยนะครับน้องเวนิส” พี่เบย์พูดด้วยสีหน้าร่าเริงตามแบบฉบับพี่เขา ส่วนลินินหันมามองหน้าฉันประมาณว่า พวกพี่เขาเป็นใคร ฉันเลยหันไปกระซิบบอกมัน “คนที่นั่งข้างฉันไง จอมทัพ” “คุณพระ เกรดพรีเมี่ยม” ลินินเบิกตากว้างแกล้งเอามือปิดปากอย่างมีจริตได้น่าตบมาก “ทำไมพวกพี่มาทานข้าวคณะนิเทศได้ล่ะคะ” ฉันเลิกสนใจลินินหันไปถามพี่อีกสามคนฝั่งตรงข้าม ฉันพยายามไม่หันมองคนที่นั่งอยู่ข้างฉันถึงจะรู้สึกประหม่ามากก็ตาม “ไอเบย์มันอยากส่องสาว” เป็นพี่หนึ่งที่ตอบคำถามฉัน ฉันคุยกับพี่เขาต่อนิดหน่อยก่อนจะก้มหน้าเล่นมือถือต่อ ปล่อยให้พวกเขากินข้าวไป จึก จึก จอมทัพสะกิดแขนฉัน พอฉันหันไปก็พบว่าเขาตักมะเขือเทศจ่อปากฉันอยู่ ปกติจอมทัพไม่กินมะเขือเทศแต่เขาชอบสั่งข้าวผัดซึ่งเวลาร้านไหนข้าวผัดใส่มะเขือเทศ ฉันก็จะเป็นคนกินแทนเพราะฉันเลิฟมะเขือเทศมาก งับ ฉันอ้าปากกินมะเขือเทศที่เขาป้อนให้ด้วยความเคยชินโดยลืมไปเลยว่าระหว่างเราตอนนี้มันเป็นยังไง “หึ หึ” จอมทัพอมยิ้มน้อยๆก่อนจะหันไปกินข้าวต่อ ส่วนฉันก็ก้มหน้า ก้มตาเล่นโทรศัพท์ ไม่อยากให้ใครเห็นหน้าแดงๆของตัวเอง จึก จึก นี่ก็อีกคน ทำไมวันนี้มีแต่คนสะกิดฉันนะ ฉันเงยหน้ามองลินินด้วยความรำคาญ “พี่เขาจ้องมึงจนจะแดกเข้าไปอยู่แล้ว ไม่หันไปคุยหน่อยหรอวะ” ลินินกระซิบบอกฉัน ฉันเหล่มองด้านข้างเล็กน้อยก่อน เมื่อสบตากับจอมทัพ ฉันเลยรีบลุกคนเพื่อจะเดินหนีไปที่อื่น บ้าจริง ฉันยังไม่พร้อม ยังไม่พร้อมโว้ย พรึบ “น้ำโค้กเย็นๆครับน้องเวนิส” พี่บอสเดินมาจากไหนไม่รู้ยื่นน้ำโค้กมาตรงหน้าฉัน ฉันลืมพี่เขาไปเลยว่าเมื่อกี๋พี่เขามาตั้งกระเป๋าตรงนี้ “ยัยนี่ไม่กินน้ำอัดลม” จอมทัพพูดเสียงนิ่งก่อนจะดึงน้ำโค้กไปจากมือพี่บอส ส่วนฉันที่เป็นตัวคั่นกลางระหว่างพวกเขาก็ได้แต่พยายามทำตัวเองให้ลีบเล็กที่สุด “มึงยุ่งอะไรด้วย เป็นอะไรกับน้องเขา” สายตาของทั้งสองคนเลื่อนลงมามองฉันโดยมิได้นัดหมาย คนนึงมองฉันเพื่อพยายามหาคำตอบ อีกคนมองฉันเพื่อรอฟังคำตอบ “เอ่อ เวนิสนึกขึ้นได้ว่านัดเพื่อนไว้ ขอตัวนะคะ” พูดเพียงเท่านั้นฉันก็รีบหันไปดึงลินินให้ลุกขึ้นเพื่อหนีออกจากสถานการณ์น่าอึดอัดนี้ หมับ ฉันหันหลังมองบุคคลที่ดึงแขนฉันไว้อย่างไม่ตั้งใจส่งผลให้สายตาเราประสานกันพอดี จอมทัพมองฉันนิ่งไม่พูดอะไรพลางส่งกระเป๋าฉันให้ ฉันเลยรีบดึงกระเป๋าออกจากมือเขาแล้วรีบเดินออกไปทันที ไม่สนใจว่าลินินจะตามมาหรือไม่อีกแล้ว ตอนเย็น ลินินแยกกับฉันเมื่อตอนบ่ายเพื่อไปคณะตัวเอง เรานัดกันหน้าหอสมุดตอนเย็นเพื่อกลับบ้านด้วยกันและระหว่างที่ฉันกำลังหอบของมากมายกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปหอสมุด ความซวยก็บังเกิดขึ้นเมื่อฉันดันสะดุดรองเท้าตัวเอง ทำให้ข้าวของในมือหล่นกระจัดกระจาย “หาอะไรกินบนพื้นรึไง” จอมทัพเดินมาหยุดตรงหน้าฉัน เขามองฉันเหยียดๆอย่างที่เขาชอบทำก่อนจะก้มลงช่วยเก็บของ “ขอบคุณ” ฉันรับของจากเขามาถือไว้พลางขอบคุณเขาเบาๆ “เอ่อ...” ฉันและเขามองหน้ากันอยู่อย่างนั้น ไม่มีใครพูดอะไรออกมา เราทำราวกับว่า เราทั้งคู่สามารถสื่อสารกันทางสายตาได้ยังไงยังงั้น พรึบ ร่มสีดำถูกกางออกก่อนจะเจ้าของร่มจะใช้มันบังฝนที่กำลังตกลงมาโปรยๆให้ฉัน “รับสิ ฝนมันตกเดี๋ยวไม่สบาย” จอมทัพพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ฉันรับร่มมาถือไว้งงๆยืนมองเขาเดินล้วงกระเป๋าออกไปโดยไม่ได้พูดอะไร ทั้งที่ในใจอยากตะโกนว่า ไอบ้า นายเอาร่มมาให้ฉันถือเป็นภาระเพิ่มทำไมห๊ะ ลำพังแค่ของในมือก็ถือไม่หมดอยู่แล้ว “จอมทัพ” จอมทัพหยุดเดิน หันมาเลิกคิ้วให้ฉัน “เอาร่มนายกลับไป มันเกะกะ” “หึ ฉันชอบเห็นเธอหอบของเหมือนคนบ้า ตลกดี” เขาพูดด้วยสีหน้ายิ้มๆ นั่นทำให้ฉันถึงกับอ้าปากเหวอ จะด่าก็ด่าไม่ทันเพราะเจ้าตัวเดินออกไปไกลแล้ว ———-
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม