“หล่อมากๆ เลยนะไข่หวาน แต่พวกผู้ชายพวกนั้น ไม่มีใครหล่อเท่าท่านชีคฮาริคแม้แต่คนเดียว”
พอได้พูดถึงราชนิกุลหนุ่มผู้สูงศักดิ์ ดารีนก็ได้แต่ยกมือมากุมหัวใจของตนเอง ที่เต้นรัวเร็วไม่ได้จังหวะ ดวงตาทั้งคู่หวานเยิ้มเคลิ้มฝันไปในสิ่งที่ตนเองไม่อาจเอื้อมไปถึงได้ นอกจากการฝันกลางวันเอาเท่านั้น
“ตอนที่ฉันเห็นท่านชีคเดินเข้ามาในห้องจัดงานเลี้ยงนะไข่หวาน ฉันแทบจะทำถาดเครื่องดื่มหลุดมือ อุแม่เจ้า! ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพระองค์จะหล่อบาดจิตบาดใจได้ถึงเพียงนี้ ขนาดว่าทรงสวมหน้ากากสีทองรูปสิงโตปกปิดใบหน้าไว้เกือบครึ่ง แต่พระองค์ก็ยังดูหล่อเหลา น่าเกรงขามเป็นที่สุด ชุดที่สวมก็เป็นชุดสีดำกระชับกาย ดวงตาสีเขียวใสที่มองลอดหน้ากากออกมาช่างดูมีเสน่ห์เย้ายวน จนฉันหัวใจแทบละลาย อยากโชคดีเหมือนสาวๆ พวกนั้น ที่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกับท่านชีครูปงามที่แสนจะเพอร์เฟค ทั้งรูปกายและรูปทรัพย์ที่ร่ำรวยติดอันดับโลก”
ในขณะที่ดารีนได้พร่ำรำพันถึงความหล่อเหลา ความร่ำรวยของชีคฮาริคไม่ได้หยุด โดยที่นัยน์ตายังฉายแววเพ้อฝัน ไปตามปากที่ได้คร่ำครวญพูดออกมา บัณฑิตาก็ได้แต่ส่ายหน้าด้วยความระอากับอาการฝันกลางวันของเพื่อนสาว และเมื่อดารีนยังคงทำตาลอยๆ ตกอยู่ในห้วงความหล่อเหลาของชีคฮาริคเช่นเดิม จนลืมหน้าที่การงานของตัวเองไปแล้ว หญิงสาวจึงได้ตบเบาๆ ที่ใบหน้าอวบๆ ของเพื่อนสาว พร้อมกับฉุดรั้งให้อีกฝ่ายหลุดออกมาจากการฝันกลางวัน
“ยายดารีน! ตื่นได้แล้ว เลิกฝันกลางวันได้แล้ว เธอไม่มีทางเข้าไปใกล้ท่านชีคฮาริคได้หรอก และท่านชีคเองก็คงไม่ชายตามาแลผู้หญิงที่มีรูปร่างหน้าตาเชยๆ อย่างพวกเรา คนที่ท่านชีคทรงชื่นชอบและเกณฑ์ให้เข้าไปอยู่ในสังกัดของพระองค์ จะต้องมีหุ่นเหมือนพวกดารา นางแบบที่ได้เชิญมาร่วมงานเลี้ยง”
“แหม! ยายไข่หวาน ให้กำลังใจฉันเหลือเกินนะ”
ดารีนมองค้อนเพื่อนสาว พลางก้มหน้ามองเรือนร่างของตัวเอง จากนั้นก็ตีหน้าม่อย เมื่อเห็นว่ามันเป็นจริงทุกประการตามที่เพื่อนรักได้พูดออกมา
“จริงของเธอนะไข่หวาน ฉันนะแบนราบเป็นไม้กระดาน ตัวรึก็ออกจะดำเมี่ยง ตัวเล็กไม่ต่างจากเด็กน้อย ท่านชีคมีหรือจะชายตาแล”
พร่ำรำพันต่อว่าตัวเองด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจในรูปร่างที่แม่ให้มาแล้ว ดารีนก็ได้เงยหน้ากวาดสายตามองเพื่อนสาวบ้าง พออ้าปากกำลังจะพูดวิพากษ์วิจารณ์ในรูปร่างของบัณฑิตาบ้าง ก็ถูกอีกฝ่ายยกมือห้ามทัพโดยฉับพลัน
“หยุด! เลยยายดารีน ไม่ต้องพูดไม่ต้องวิจารณ์ทั้งนั้น เอาอาหารออกไปเสิร์ฟแขกผู้หิวโหยได้แล้ว”
บัณฑิตาไม่ได้สั่งแต่ปาก มือเล็กได้หยิบถาดเงิน ซึ่งเต็มไปด้วยออเดิร์ฟและอาหารว่างอีกหลายอย่าง ไปยัดใส่มือของเพื่อนสาว พร้อมกับออกปากไล่อีกฝ่ายให้ไปทำหน้าที่ของตนเองอีกครั้ง
“ไปทำงานดารีน ถ้ามัวแต่โอ้เอ้อยู่แบบนี้ จะถูกอันเชิญให้ออกจากงานโดยไม่รู้ตัวนะ”
ดารีนรับถาดเงินมาประคองไว้ด้วยมือทั้งสอง พลางมองค้อนปะหลับปะเหลือก และก่อนจะเดินออกไปเสิร์ฟอาหารก็ไม่วายหลุดปากเอ่ยถาม ให้บัณฑิตาได้ต่อว่าอีกชุดใหญ่
“ไปก็ได้ ว่าแต่ไข่หวานเถอะ ไม่อยากออกไปดูโฉมหน้าอันหล่อเหลาคมแข้มของท่านชีคฮาริคบ้างหรือ”
“ยายดารีน! รีบไปได้แล้ว ก่อนที่หัวหน้าจะมาเห็นเข้า”
บัณฑิตาดันแผ่นหลังของดารีนให้เดินออกจากห้องบัญชาการของเธอ ที่ใช้สำหรับประกอบอาหารทั้งคาว หวาน คอยเลี้ยงบรรดาแขกไฮโซที่ได้มาดื่มฟรี กินฟรี ในค่ำคืนนี้ พอลับร่างของดารีนไปแล้วก็ได้เป่าลมออกจากปากด้วยความเหนื่อยล้า พลางทรุดกายลงนั่งตั้งใจจะพักเอาแรงสัก 2-3 นาที ก่อนจะลุยทำอาหารต่อ ซึ่งเธอรู้ว่าราตรีนี้อีกยาวไกล หากงานเลี้ยงไม่เลิกรา แขกผู้มีเกียรติทั้งหลายแหล่คงไม่เลิกกิน ไม่เลิกดื่มเป็นแน่
“ขอพักเหนื่อยดื่มน้ำเย็นๆ สักแก้วน่ะนายจ๋า”
บัณฑิตาพึมพำอยู่คนเดียว ทำเป็นพูดขออนุญาตผู้เป็นนายไปยังงั้นแหละ เพราะรู้ว่าป่านนี้เจ้านายของเธอคงไปแอบส่องสาวๆ อยู่ในห้องจัดงานเลี้ยง ส่วนเรื่องการทำอาหารเลี้ยงแขก เจ้านายที่รักก็โยนงานทุกอย่างมาให้เธอ ดารีน และลูกน้องอีก 4-5 คนที่เหลือ
บัณฑิตาเลือกที่จะชงน้ำมะตูมหอมสดชื่นให้กับตนเอง ซึ่งการชงก็แสนจะง่ายดายแค่เพียงเทผงมะตูมลงในน้ำเย็นคนให้ละลายแล้วเติมน้ำแข็งไปอีกสักหน่อยก็เป็นอันเสร็จพิธี ทว่าเจ้าของนัยน์ตาสีนิลดำขลับไม่ทันได้ยกน้ำมะตูมเย็นเจี๊ยบมาดื่มให้ชื่นใจ พลันนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กก็กรีดเสียงร้องดังจนเธออดที่จะตกใจไม่ได้
กริ๊งๆๆๆๆ...
“จ้า...ได้ยินแล้วจ้า คนที่โทรมากรุณาอดใจรอสักนิดนะ กำลังหาโทรศัพท์อยู่จ้ะ”
บัณฑิตาเอ่ยพูดลอยๆ พลางควานหาโทรศัพท์เครื่องเล็ก ที่เก็บไว้ในกระเป๋าสะพาย ด้วยสัมภาระในกระเป๋าสะพายที่ใหญ่พอจะซ่อนลูกหมาตัวเล็กๆ ได้สักตัวนั้นมีมากเหลือเกิน หญิงสาวจึงต้องใช้ความพยายามหลายนาทีกว่าจะควานหาโทรศัพท์เจอ
“เฮ้อ! เกือบถูกงูฉกเอาแล้วสิเรา”
หญิงสาวสัพยอกตัวเอง เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้นี่เองว่ากระเป๋าสะพายของเธอนั้นรกได้ใจจริงๆ เพราะกว่าจะหาโทรศัพท์เจอ เสียงโทรศัพท์ในรอบแรกก็ขาดหายไป ก่อนจะกรีดร้องดังขึ้นมาอีกครั้ง บ่งบอกให้รู้ว่าคนที่โทรมานั้นไม่ละความพยายามในการติดต่อกับเธอเลย
และเมื่อได้เห็นชื่อของคนที่โทรมาติดกันยิกๆ ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์ก็คลี่ยิ้มกว้าง ขณะที่กดรับสายก็ดูดน้ำมะตูมเย็นชื่นใจไปอึกใหญ่ ก่อนจะผละออกมากล่าวทักทายกับน้องสาวฝาแฝดของตนเอง
“ว่ายังไงไข่ตุ๋น โทรมาทำไมเสียดึก หรือว่าหิว ไม่มีใครหาข้าวให้กิน”
บัณฑิตาทักทายน้องสาวที่เป็นแฝดคนละฝา ด้วยน้ำเสียงสดใส คิดว่าไข่ตุ๋นหรือบุญธิสา คงตื่นมากลางดึกแล้วหิวข้าวเป็นแน่ ถึงได้โทรมาหาตนเองติดๆ กันหลายครั้ง เพราะปกติแล้วเธอจะเป็นคนเตรียมอาหารให้น้องสาวทานในทุกมื้อ ส่วนบุญธิสานั้นหรือไม่ต้องพูดถึง เรียกว่าทำอาหารไม่เป็นแม้แต่รายการเดียว ขนาดทอดไข่ยังไหม้ดำเป็นตอตะโก