ตอนนี้ฉันยืนกระวนกระวายใจค่อนข้างมากทีเดียวเมื่อหลังเสร็จงานที่เวทีมวย นายไจ๋ที่เป็นลูกน้องคนสนิทเจ้าหนี้พ่อเลี้ยงฉันก็โทรมาหาบอกวันนี้เลื่อนนัดเป็นหนึ่งทุ่มตรง ตอนแรกฉันอยากถามว่าเขาเอาเบอร์ฉันมาจากไหน แต่เรื่องนั้นมันไม่สำคัญเท่าเวลานัดที่เลื่อนเข้ามาตั้งหนึ่งชั่วโมง
แถมยังเป็นเวลาชนกันกับงานเลี้ยงฉลองวันเกิดคนรู้จักอีก ถ้าต้องให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งฉันคงเลือกไปตามนัดที่กาสิโนเพราะฉันรู้ดีว่าถ้าคนคนนั้นไม่พอใจจะเกิดอะไรขึ้น แต่ถ้าทำแบบนั้น ป้าฝ้ายที่อุตส่าห์เชิญฉันมาร่วมงานวันเกิดลูกชายเขาอาจจะไม่พอใจเอา
"ทำยังไงดี ๆ" เหลือเวลาอีกชั่วโมงครึ่งก็จะถึงเวลาให้ฉันเลือกแล้วว่าจะไปที่ไหน
"จ๊ะเอ๋!"
"ว้าย!! กระแต" ยกมือทาบอกเมื่อจู่ ๆ เพื่อนสนิทก็โผล่มาจ๊ะเอ๋จากทางด้านหลัง
"เหม่อไรเรา แตเดินมายืนด้านหลังตั้งนานนึกว่าจะรู้ตัวแล้วซะอีก" กระแตก้มลงมองหน้าฉันจากมุมต่ำ
"เปล่า"
"แน่ใจ?" สายตาเพื่อนฉันบอกว่าไม่เนียนไปเรียนโกหกมาใหม่
"คือ" ในเมื่อคิดคนเดียวยังหาทางออกไม่ได้ งั้นฉันลองปรึกษาเพื่อนดูเลยแล้วกัน
"อยากเล่ามั้ย?" กระแตยิ้มตาหยีให้ฉัน
เธอคงรู้แหละว่ายังไงฉันก็ต้องเล่าให้เธอฟัง "วันนี้งานวันเกิดพี่คฑา"
"อือฮึ" กระแตพยักหน้าตอบและส่งสายตาบอกว่าเล่าต่อเลย
"ป้าฝ้ายบอกว่างานเริ่มทุ่มตรง แต่พอดีว่าเวลานั้นข้าวติดงานสำคัญ"
"สำคัญมากเลยเหรอ"
คำถามธรรมดาของกระแตทำฉันชะงัก "จะบอกว่ามากก็ได้"
เพราะมันแลกกับการลดหนี้ห้าหมื่นและรักษาความปลอดภัยคนใกล้ตัวฉัน
"ไปสายสักสิบนาทีก็ไม่ได้เลย" กระแตยังถามเรื่อย ๆ เธอไม่ได้ใช้น้ำเสียงกดดันฉัน แต่ถามเชิงทำนองให้ฉันลองค่อย ๆ คิดเพื่อหาทางออก
"พอดีเจ้าของงานเขาเคร่งเรื่องเวลาน่ะ"
'ฉันไม่ชอบการรอ'
คำขู่จากเสียงเข้มวันนั้นยังดังก้องในหัวฉันอยู่เลย
"อืม มันก็น่าลำบากใจแหละถ้าให้เลือก แต่แตคิดว่าถ้าข้าวไปบอกป้าฝ้ายและพี่คฑาตรง ๆ น่าจะไม่มีปัญหานะ" สิ่งที่กระแตบอกใช่ว่าฉันคิดไม่ได้ เพียงแต่...
ฉันเห็นแววตาเชื่อมั่นและมีความหวังของป้าฝ้ายตอนที่บอกให้ฉันไปร่วมงานเมื่อวานแล้วไม่อยากทำให้แกผิดหวังน่ะ
ถามว่าจะแคร์ทำไมแค่เจ้าของบ้านเช่าไม่ใช่ญาติพี่น้องสักหน่อย
นั่นเพราะทุกคนไม่รู้ไงว่าตอนที่ฉันกับแม่ย้ายมาอยู่ที่นี่ใหม่ ๆ พวกเราลำบากกันแค่ไหน เงินติดตัวแถมจะไม่มี ที่ซุกหัวนอนก็หาแทบไม่ได้ จนมาเจอป้าฝ้ายนี่แหละที่ให้ที่พัก ให้ข้าวให้น้ำ หางานให้แม่ฉันทำในช่วงแรก ๆ
แถมน้ำใจของป้าฝ้ายไม่ได้หมดไปแค่วันนั้น ท่านเป็นคนเสมอต้นเสมอปลายมากชอบมาถามสารทุกข์สุกดิบครอบครัวฉันตลอด
วันไหนที่ท่านดูแล้วว่าพวกฉันลำบากท่านก็ยื่นมือเข้ามาช่วย นับเวลาทั้งหมดก็ผ่านมาแล้วสิบกว่าปีที่ท่านดีกับพวกเรา แล้วแบบนี้จะให้ฉันทำยังไงกับเรื่องวันนี้ดีล่ะ
"เอางี้มั้ย ข้าวก็อยู่ร่วมงานวันเกิดพี่คฑานั่นแหละ แต่อยู่ก่อนงานเริ่มไง แบบว่าไปช่วยป้าฝ้ายเตรียมงาน ถ้าเจอพี่คฑาเลิกงานมาเร็วก็รีบอวยพรวันเกิดไปก่อนเลย แล้วค่อยบอกเหตุผลกับทุกคนอีกที" สิ่งที่กระแตเสนอมาก็ดีเหมือนกันนะ
ไม่ได้อยู่ร่วมอวยพรในงาน แต่ช่วยจัดงานเพื่อไถ่โทษก็ยังดี "ขอบใจนะแต"
"สบายใจแล้วใช่ไหมล่ะ" ฉันยิ้มกว้างให้เพื่อนรักที่ช่วยไขปัญหาทั้งหมด
บางที ฉันอาจจะเอาแต่กังวลเรื่องหนี้พ่อเลี้ยงจนลืมเรื่องง่าย ๆ ที่กระแตพูดไป
"งั้นไปกันเลยไหม เดี๋ยวแตไปเป็นเพื่อน"
เราสองคนจับมือกันแล้วเดินตรงไปบ้านป้าฝ้ายทันที
"ฝีมือยังประณีตเหมือนเดิมไม่มีตก"
ป้าฝ้ายยกจานแตงโมแกะสลักฝีมือฉันขึ้นไปเชยชม
"ข้าวก็เรียนรู้มาจากป้าฝ้ายไงคะ" คนที่สอนฉันแกะสลักผลไม้ก็คือตัวคนที่ชมนั่นแหละ กว่าจะทำเป็น ฉันนั่งหลังขดหลังแข็งอยู่หลายเดือนเชียวนะ
"ป้าว่าฝีมือเราเหนือชั้นกว่าครูอย่างป้าอีก ใช่ไหมหนูกระแต"
"ถ้าแตบอกว่าใช่ ป้าฝ้ายจะโกรธไหมคะ"
"ฮ่า ๆ เราก็นะ" เสียงหัวเราะของเราสามคนดังลั่นบ้าน
"แล้ววันนี้ไม่ได้ทำงานกันเหรอทั้งสองคน" ป้าฝ้ายวางแตงโมชิ้นนั้นลงแล้วนั่งบนแคร่ข้าง ๆ ฉัน "แตลาพักร้อนสองวันค่ะ" กระแตที่ทำงานในห้างชื่อดังตอบ
"แล้วเราล่ะ" ฉันสบตาเพื่อนรักเหมือนขอกำลังใจก่อนจะอ้าปากตอบป้าแก
"จริง ๆ ที่ข้าวมาช่วยงานตอนนี้เพราะตอนงานเลี้ยงเริ่มข้าวอยู่ร่วมด้วยไม่ได้ค่ะ"
ตอบไปก็รู้สึกลุ้นในใจว่าสีหน้าคนฟังจะออกมารูปแบบไหน และเป็นอย่างที่คิด แววตาป้าฝ้ายดูเศร้าเล็กน้อยแต่ก็ไม่ใช่การตำหนิหรือโกรธเคือง
"เรานี่ก็นะ รับงานตอนกลางคืนแบบนี้ต้องดูดี ๆ นะลูก เลือกคนที่ไว้ใจได้ งานที่ไม่สุ่มเสี่ยงจนเกินไป" ฉันยิ้มรับคำตักเตือนของผู้หลักผู้ใหญ่
"ค่ะ" ตอบได้ไม่ค่อยเต็มปากนัก ถ้าหากทุกคนรู้ว่าธุระของฉันในคืนนี้คือการเข้าไปเหยียบแหล่งอโคจรจะมีปฏิกิริยาแบบไหนกันนะ
"งั้นเดี๋ยวป้าโทรตามคฑาให้กลับมาเร็ว ๆ หน่อยแล้วกัน"
"ป้าฝ้ายไม่ต้องเร่งพี่เขาก็ได้ค่ะ เดี๋ยวก็บิดมิดเข็มไมล์พอดี" ฉันรีบห้าม
พวกเราต่างก็รู้กันดีว่าที่ทำงานพี่คฑาน่ะอยู่ไกลจากที่บ้านหลายสิบกิโลฯ ถ้าขืนป้าฝ้ายโทรไปเร่งให้รีบกลับมาพี่แกคงบิดชอปเปอร์คู่ใจจนโดนตรวจจับความเร็วแน่นอน
"ไว้ป้าจะสั่งมาให้ไว แต่ความเร็วห้ามเกิน" ป้าฝ้ายหันมายิ้มทีเล่นทีจริงกับพวกฉัน
หมับ...
คล้อยหลังเจ้าของบ้านแล้ว มือบาง ๆ ของกระแตก็จับไหล่ฉันบีบเบา ๆ
"ไม่ต้องคิดมาก พี่คฑาสายซิ่งข้าวก็รู้"
นั่นแหละที่เป็นห่วง กลัวจะซิ่งจนลืมความปลอดภัยน่ะสิ
"ว่าแต่เตรียมของขวัญให้พี่เขาหรือยัง"
ตายแล้ว! ลืมเรื่องของขวัญไปเลย "ทำหน้าแบบนี้ลืมสินะ"
ฉันรีบพยักหน้าหงึก ๆ ยกมือตบหน้าผากตัวเองเบา ๆ ที่ขี้ลืม
"ช่างเถอะ แตว่า แค่คำอวยพรของข้าวไม่กี่คำก็ดียิ่งกว่าของขวัญทุกชิ้นแล้วล่ะ"
ฉันได้แต่จ้องลึกเข้าไปนัยน์ตาคู่สวยของเพื่อนสนิท
กระแตมักมองฉันออกทุกอย่าง รวมทั้งความรู้สึกของฉันที่เก็บซ่อนมันไว้ข้างใน
ครืน ครืน... โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงสามส่วนสั่นเบา ๆ ขัดจังหวะการตอบกลับเพื่อนสนิท
"ข้าวขอตัวแป๊บนะ" ชูมือถือให้กระแตดูแทนการพูดว่าจะไปรับโทรศัพท์
"สวัสดีค่ะ" กรอกเสียงใส ๆ ลงไป
[อีกสี่สิบนาที หวังว่าคุณข้าวจะมาทันนะครับ] เป็นคนที่ชื่อไจ๋โทรมาเตือนอีกครั้ง
บางทีฉันก็สงสัยการกระทำเขานะ รู้สึกว่าเขาเป็นห่วงความปลอดภัยของครอบครัวฉันมากจนเกินเหตุ ทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้เป็นอะไรกัน
"ค่ะ ข้าวกำลังจะออกไป" เพราะกาสิโนที่ว่าตั้งอยู่ใจกลางกรุง การสัญจรก็รู้ ๆ กันอยู่ อย่าหวังเรื่องการไหลลื่นบนท้องถนน
[ครับ อย่าลืมพกคีย์การ์ดมาด้วยเพื่อชอฟต์เวลาการเข้าถึงตัวคุณธนู]
ชื่อที่ฉันไม่อยากได้ยินเท่าไหร่ดังขึ้น แค่ได้ยินชื่อนั้น ฉันรู้สึกสั่น ๆ หนาว ๆ รอแล้ว
"ค่ะ ขอบคุณที่โทรมาเตือนตลอด"
ปลายสายตัดสายทิ้งไปโดยไม่พูดอะไรทิ้งท้ายอีกเลย
"อะแฮ่ม!"
"อ้าว ทำไมพี่คฑาอยู่นี่ล่ะคะ?" ฉันหันมองตามเสียงกระแอมไอจึงเห็นว่าเป็นเจ้าของงานวันเกิดยืนอยู่ด้านหลัง