เมียระบาย : 7

1789 คำ
"ก็เรื่องจริงนี่" ฉันตอบอย่างไม่ต้องคิด "ข้าวไม่คิด แต่อีกคนล่ะ" คำถามของกระแตทำฉันอึกอัก "ข้าวรีบไปหาแม่ดีกว่า" "เปลี่ยนเรื่องเชียวนะ" เปล่าสักหน่อย ฉันแค่ไม่อยากคิดอะไรไปเองคนเดียว ที่บอกว่าไม่ยอมรับข้อเสนอของป้าฝ้ายเพราะฉันกับพี่คฑาไม่ได้คิดอะไรกันอาจจะเป็นแค่เรื่องโกหก ...โกหกใจตัวเองน่ะ "ข้าวหายไปไหนมาลูก" ทันทีที่แม่เห็นฉันเดินเข้าไปในบ้านกระแตท่านรีบปรี่เข้ามาหาอย่างเป็นห่วง "ข้าวไปเจอคนพวกนั้นมาใช่มั้ย" เสียงพ่อเลี้ยงฉันถาม น้ำเสียงท่านดูเสียใจเล็กน้อยที่ฉันไม่เชื่อท่าน "พวกเรามีทางออกเรื่องหนี้ก้อนนั้นแล้วนะคะ" ฉันรีบบอกข่าวดีครึ่งหนึ่งออกไป "หมายความว่ายังไงลูก" แม่กอดเอวประคองฉันไปนั่งเก้าอี้ม้าหินอ่อน ส่วนกระแตที่ตามมาติด ๆ ก็เดินเข้าบ้านไปอย่างรู้มารยาท "ข้าวขอผ่อนผันหนี้ก้อนนั้นได้แล้วค่ะ" สีหน้าแม่ฉันดูดีใจในคำตอบนี้มาก ท่านบีบมือฉันแน่น นัยน์ตาคู่สวยมองฉันราวกำลังบอกว่าท่านภูมิใจที่ฉันไม่เคยทำให้ท่านผิดหวังเลยสักครั้งเดียว "ขอบใจมากนะข้าว แม่รู้อยู่แล้วว่าเราจะต้องช่วยลุงสงบได้" สายตาแม่ภูมิใจในตัวฉันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปมองหน้าพ่อเลี้ยงฉันอย่างแย้มยิ้ม มือฉันกำหมัดเข้าหากันแน่น...แค่แม่ได้ยินเท่านี้แม่ก็ดูภูมิใจในตัวฉันมากขนาดนี้ ฉันคงจะทำให้ท่านผิดหวังไม่ได้ ความหวังของแม่มีแค่ฉัน และฉัน... จะต้องผ่านเรื่องร้าย ๆ นี้ไปให้ได้เช่นกัน "ทำไมพวกนั้นถึงยอมเราง่าย ๆ แบบนั้น ทีตอนลุงขอร้องแทบตาย พวกมันไม่เห็นจะสนใจ" ในน้ำเสียงนี้แฝงไปด้วยความเจ็บใจและโมโหสุด ๆ "ข้าวก็แค่..." เสียงฉันหยุดลง จะบอกได้ยังไงว่าข้อเสนอในการประนอมหนี้ครั้งนี้คือตัวฉัน ถ้าแม่รู้แม่คงเสียใจมาก จะต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับจนกว่าจะใช้หนี้หมด "ก็แค่อะไรลูก" เสียงนุ่มหูของแม่ทำฉันได้สติรีบตอบกลับไป "ข้าวก็แค่เอาเงินในบัญชีธนาคารให้พวกเขาดูแล้วก็ใช้รถเป็นทรัพย์สินค้ำประกันค่ะ" ขอโทษนะคะแม่ที่ต้องโกหกแบบนี้ "โธ่ ข้าวลูกแม่" หมับ...อ้อมกอดแสนอบอุ่นสวมกอดฉันเบา ๆ "ลูกแม่ไม่เคยทำให้แม่ผิดหวังเลยสักครั้ง แม่กับคุณสงบจะรีบหาเงินมาช่วยหนูใช้หนี้พวกนั้นเร็ว ๆ นะลูก" ฝ่ามืออบอุ่นลูบแผ่นหลังฉันเบา ๆ หยดน้ำตาของแม่ร่วงหล่นลงบนไหล่ฉันจนรู้สึกเลยว่าท่านเองก็อึดอัดคับแค้นใจเรื่องนี้ไม่ต่างจากฉัน "ไม่ร้องนะคะ แม่มีลูกสาวคนเก่งอยู่ตรงนี้ทั้งคน" บางทีการอวดเก่ง อวดฉลาดของฉันก็นำภัยมาสู่ตัวเองเหมือนกัน "ขอบใจมากนะลูก ขอบใจจริง ๆ" เราสามคนยิ้มให้กัน แต่ภายใต้รอยยิ้มของฉันคงมีความทุกข์หนักปะปนอยู่ ความทุกข์ที่ต้องเก็บความลับไม่ให้ใครรู้แม้สักคนเดียวกับสิ่งที่ฉันจะต้องเผชิญนับตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป "งั้นเรากลับบ้านกันเถอะ คนพวกนั้นคงไม่อยู่แล้ว" "พวกไหนคะ!?" รีบถามกลับทันที "ก็ลูกน้องของเจ้าหนี้ลุงนั่นแหละ พวกมันตามหาที่อยู่ลุงจนเจอแล้วมาเฝ้าไว้กลัวจะหนีหนี้" ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะ ไหนคุณธนูบอกแล้วว่าจะไม่ทำอะไรพ่อเลี้ยงฉันถ้าฉันตกลงไปพบเขาพรุ่งนี้ อ้ะ หรือว่า เขากลัวว่าฉันจะผิดคำพูดเลยส่งคนมาสอดแนมไว้ก่อน แต่ตอนที่ฉันกลับมาถึงเมื่อกี้ก็ไม่เห็นคนพวกนั้นแล้วนะ ตกลงนี่มันยังไงกันแน่ พ่อเลี้ยงฉันติดหนี้แค่ที่นี่ที่เดียวหรือว่ามีเจ้าหนี้รายอื่นที่ฉันและแม่ยังไม่รู้อีก "ตอนข้าวมาไม่เจอแล้วค่ะ งั้นเรากลับกันเลยมั้ยคะ" แม้จะยังคลางแคลงใจไม่น้อย แต่ฉันคงคิดมากไปเอง พ่อเลี้ยงฉันคงไม่ทำอย่างที่ฉันคิดหรอกมั้ง "เดี๋ยวแม่ไปลาแม่หนูกระแตก่อนนะลูก" "ข้าวไปด้วยค่ะ" "งั้นก็ไปลากันหมดนี่แหละ" จบคำพูดพ่อเลี้ยง เราสามคนก็เดินเข้าไปในบ้านกระแตเพื่อขอบคุณและลากลับบ้านที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน วันต่อมา , 09:15 AM. "วันนี้ดูลอย ๆ นะเรา มีอะไรหรือเปล่า" พี่ปลาดาวถามขึ้นหลังจากฉันแต่งหน้าทำผมเสร็จ "สงสัยจะนอนน้อยไปหน่อยค่ะ" วันนี้ฉันมีงานเป็นพริตตี้ขึ้นเวทีชูป้ายในสนามมวยคู่กับพี่ปลาดาว แต่เมื่อสิบนาทีก่อนพี่ทีมงานให้ฉันลองชุดสีแดง ฉันกลับใส่สีดำออกมาให้พวกเขาดูจนถูกตำหนิไปหนึ่งที "พี่ก็ว่างั้น ดูสิขนาดกลบแล้วใต้ตายังดูคล้ำอยู่เลย" พัพบาง ๆ ที่มีเนื้อแป้งติดอยู่ถูกพี่ปลาดาวเกลี่ยใต้ขอบตาให้ฉันซ้ำอีกรอบเบา ๆ "ข้าวดูโทรมขนาดนั้นเลยเหรอคะ" พี่ปลาดาวชะงักมือค้างกลางอากาศทำหน้าประมาณว่า 'นี่ไม่รู้ตัวจริง?' อะไรทำนองนี้ "ถ้าพื้นเพไม่สวยอยู่แล้ว พี่กล้าบอกได้เลยว่า น้องคือซอมบี้ดี ๆ นี่เอง" 'ไม่สวยแล้วยังจะเล่นตัวอีก' 'ไม่สวย..' 'ไม่สวย....' คำว่าไม่สวยจากผู้ชายที่เคยพบหน้ากันครั้งแรกดังก้องอยู่ในหัวหลังจากที่พี่ปลาดาวพูดจบ "น้องข้าว" "..." "น้องข้าวจ๊ะ" "..." "ข้าวฟ่าง!" "ขะ... คะ?" "เหม่อเอาเรื่องนะเรา พี่ว่าแคนเซิลงานวันนี้ดีกว่าไหม เดี๋ยวเดินตกเวทีเอา" พี่ปลาดาวกึ่งดุกึ่งเป็นห่วง "ข้าวแคนเซิลไม่ได้ค่ะ ข้าวต้องรีบหาเงิน" จะให้ฉันยกเลิกงานเพราะความเหม่อลอยเกี่ยวกับคำพูดคนห่ามแบบนั้นไม่เอาด้วยหรอก งานวันนี้ทำแค่สองชั่วโมง ยกป้ายไม่กี่นาทีต่อรอบก็ได้เงินตั้งสามหมื่นห้า ให้ยกเลิกก็บ้าแล้ว "แน่ใจนะ" เสียงดุ ๆ ดังขึ้นอีกครั้ง ฉันรีบพยักหน้าตอบและสะบัดสิ่งที่ไม่ดีในหัวออกไปให้หมด "งั้นพูดตามพี่" พี่ปลาดาววางอุปกรณ์แต่งหน้าลงไว้ที่โต๊ะ ก่อนจะนั่งตัวตรงจ้องหน้าฉัน "สามหมื่นห้า สามหมื่นห้า สามหมื่นห้า" พรืดดด...ฉันถึงกับขำพรืดออกมาเมื่อฟังสิ่งที่พี่ปลาดาวพูดจบ "เฮ้อ ค่อยยังชั่วที่ยิ้มแล้ว แบบนี้หน่อยถึงจะเป็นตัวท็อปพริตตี้ชูป้ายในวันนี้" พี่ปลาดาวก็เข้าใจเล่นเนอะ รู้ว่าฉันอยากได้เงินจึงเอาเงินมาหลอกล่อ "ขอบคุณนะคะ" ถ้าวันนี้ไม่มีพี่แก ฉันอาจจะต้องยกเลิกงานหรือไม่ก็ถูกเจ้าของงานไล่ออกแน่ ๆ "โอยยย เหนื่อย" "ปวดแขนชะมัด" "แต่นักมวยวันนี้หล่อนะแก" "นั่นสิ โดยเฉพาะคู่ที่สามน่ะ หล่อทั้งคู่เลย" "อร้ายยยย ฉันก็เล็งเหมือนกัน" เสียงจอแจของบรรดาพริตตี้ที่ร่วมงานกันวันนี้ดังขึ้นหลังจากที่พวกเราเสร็จงานแล้ว "เหนื่อยมั้ยเรา" พี่ปลาดาวเดินอย่างอิดโรยมานั่งข้าง ๆ "เอาการค่ะ" ฉันตอบก่อนจะนวด ๆ ต้นแขนที่ตอนนี้เริ่มตึง ใครบอกว่างานชูป้ายในแต่ละรอบชกเป็นงานสบาย เอาจริง ๆ เหนื่อยเหมือนกันนะ เพราะตอนแรกตกลงกันไว้ที่สองชั่วโมง แต่เพราะมีคู่เด็ดเข้ามาเพิ่มอีกสามคู่ ทำให้กินเวลาเพิ่มไปอีกสองชั่วโมงเป็นสี่ชั่วโมง แถมจากแค่ทำหน้าที่ชูป้ายธรรมดา ต้องไปนั่งเป็นหน้าม้าชูป้ายไฟเชียร์ในแต่ละรอบปะปนกับคนดูอีก ทำให้แต่ละคนหมดสภาพไปตาม ๆ กัน "รับเงินค่าาาา" แต่พอได้ยินเสียงนี้ความเหนื่อยก็หายเป็นปลิดทิ้ง "น้องข้าวฟ่างมีคนให้ทิปด้วยนะคะ" ฉันเป็นคนสุดท้ายที่รับเงินจากพี่ปุ้มคนที่หางานครั้งนี้ให้ "เด็กเส้นสินะ" เสียงหนึ่งในกลุ่มที่ร่วมงานด้วยกันแซะขึ้น ปากสีส้มสดบิดเบ้อย่างไม่พอใจ "สวยไม่สู้เขาอย่าแกว่งเท้าหาเสี้ยนค่ะ" พี่ปุ้มแขวะกลับก่อนจะหันมายิ้มหวานให้ "นี่ทิปจากเจ้าของกาสิโนชื่อดังเลยนะคะ" พี่ปุ้มป้องปากบอกเหมือนจะกระซิบกระซาบกันสองคน แต่ระดับเสียงกลับย้อนแย้งการกระทำสุด ๆ "เด็กเสี่ยนี่เอง" "นี่เธอ!" ฉันทนไม่ได้จึงหันไปมองดุ ๆ ใส่ "ทำไม แทงใจดำงั้นสิ ไม่ต้องปิดบังหรอก ก็แค่เด็กเสี่ย ใช้ร่างกายไต่เต้า" "เธอ!" "พอเลยเชอร์ รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกลับบ้านไปดูดนมผัวเถอะแม่คุณ เห็นใครดีกว่าไม่เคยได้" ดีนะที่พี่ปุ้มพูดสวนขึ้นมาก่อน ไม่งั้นเรื่องนี้ฉันไม่ยอมแน่ ๆ เห็นฉันเหมือนไม่สู้คน แต่ถ้าอะไรที่มันมากเกินพอดีฉันก็ไม่ปล่อยไว้นะบอกเลย "ว่าแต่ เราไปรู้จักกับเจ้าของกาสิโนชื่อดังได้ยังไงเหรอ" ครั้งนี้พี่ปุ้มผ่อนเสียงลงให้ได้ยินกันแค่ฉันกับพี่ปลาดาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ "คนไหนคะ" ฉันไม่รู้ว่าใครเป็นใคร มีหน้าที่อะไรฉันก็ทำตามแค่นั้น พี่ปุ้มเล่นมาถามแบบนี้ฉันเองก็ไม่รู้จะตอบยังไง "ช่างเถอะ เรื่องของคนคนนั้นพี่ไม่ค่อยอยากยุ่งเท่าไหร่ แค่มองหน้าความตายก็เหมือนมาเยือนพี่แล้ว หล่อน่ะใช่ แต่หล่อแบบอันตรายพี่ปุ้มไม่เอาด้วยคน" ทำไมฟังพี่ปุ้มพูดแล้วอยากจะรีบคืนทิปนี้ซะตอนนี้ไปเลย คนคนนั้นน่ากลัวขนาดนั้นเชียวเหรอ นั่นทำให้จู่ ๆ ใบหน้าเรียบนิ่งของใครบางคนก็ลอยขึ้นมา คงไม่หรอกมั้ง เพราะถ้าใช่เขา สีผมที่โดดเด่นขนาดนั้นทำไมจะไม่สะดุดตาฉันล่ะ "อะ ไม่มีอะไรแล้ว เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็กลับบ้านกันได้เลยนะ" "สวัสดีค่ะ / สวัสดีค่ะ" ฉันกับพี่ปลาดาวรีบไหว้ลาพี่ปุ้มทันที "ขับรถไหวนะ" ฉันยิ้มและพยักหน้าตอบพี่ปลาดาว "สบายมากค่ะ" จากนั้นก็รีบแยกกันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกลับบ้านใครบ้านมัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม