เพราะโชแปง เชอริน และว่านหอมเกิดเดือนเดียวกัน และวันที่ก็ห่างกันแค่สองวัน งานวันเกิดจึงรวบจัดด้วยกันวันเดียวไปเลย โดยมีเค้กสี่ก้อนวางตรงหน้าเด็กแต่ละคน
เด็กหญิงวรรณ์ดีเขินม้วนที่มีเค้กของตัวเองด้วย เพราะเธอก็ใกล้จะสิบขวบเต็มที รู้สึกว่าตัวเองเป็นพี่คนโต จะเป็นสาวแล้ว เวลาวันเกิดของเธอ วรรณ์ดีก็ยอมให้น้องช่วยกันเป่าเค้กเสมอ เมื่อถึงวันเกิดของน้องๆ แม่บุญธรรมของเธอจึงเตรียมเค้กให้วรรณ์ดีด้วยเป็นการทดแทนที่โดนน้องขอเป่าในวันเกิดตัวเอง
ชมพลอยค่อยๆ ตะล่อมบอกตั้งแต่วรรณ์ดีอายุแค่สามสี่ขวบ จนเด็กหญิงเข้าใจการเป็นลูกบุญธรรม แต่วรรณ์ดีไม่เคยน้อยใจเลยที่ไม่ได้ถูกแม่คลอดออกมาเหมือนน้องๆ เธอยังรักแม่ รักพ่อ รักทวด รักพะแพง และรักย่าเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
‘หนูคือของขวัญชิ้นสำคัญที่สวรรค์ประทานมาให้แม่’ เด็กหญิงจำได้ว่าแม่โอบกอดเธอไว้ ลูบเส้นผมอ่อนนุ่มอย่างรักใคร่ เนื้อตัวของแม่อุ่น หอม วรรณ์ดีชอบกอดแม่มากๆ ชอบยิ่งกว่าสิ่งใดในโลก ‘น้องวันต้องรักตัวเองให้มากๆ นะลูก เพราะหนูคือคนสำคัญของพ่อกับแม่ และเป็นเหลนคนสำคัญของคุณทวดด้วย’
คิดถึงวันนั้นที่เธออายุกี่ขวบก็ไม่รู้ แต่เหตุการณ์นั้นยังถูกเก็บไว้ในกล่องความทรงจำกล่องสำคัญที่วรรณ์ดีไม่มีวันลืม เด็กหญิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ท่ามกลางเสียงเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ของพวกผู้ใหญ่
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์...ทู๊ยู...”
โชแปงกับเชอรินรีบเป่าเค้กของตัวเองและหันไปเป่าเค้กของฝาแฝดอีกคนแข่งกันอย่างสนุกสนาน ในขณะที่ว่านหอมเป่าปากปู๊ดๆ แต่ไม่มีลมออกมา มีแต่น้ำลาย เด็กแฝดเลยรีบมาขนาบน้องซ้ายขวา พูดจากับเด็กหญิงวัยเกือบสองขวบเสียงอ่อนเสียงหวาน
“ขอพี่โชเป่าให้นะคะน้องว่าน”
“ขอพี่เชอเป่าเค้กด้วยนะคะคนสวยของพี่”
ว่านหอมกะพริบตาปริบๆ ก่อนเงยหน้ามองพี่เลี้ยงด้วยความงุนงง ไม่เข้าใจว่าพี่สาวสองคนอยากได้อะไร เชอรินจึงแอบเป่าเทียนดับไปหนึ่งเล่ม แล้วชี้ให้น้องสาวคนสุดท้องดู
ว่านหอมมองเทียนที่ดับลง ก่อนยกมือปรบแปะๆ แล้วหัวเราะเอิ้กอ้ากออกมา โชแปงกับเชอรินจึงมองแม่พร้อมทำตาหวานเป็นเชิงขออนุญาตเป่าเทียนของน้อง เมื่อชมพลอยพยักหน้ายิ้มๆ สองแฝดจึงช่วยกันเป่าเทียนท่ามกลางเสียงหัวเราะของว่านหอม
“เป่า เป่า”
วรรณ์ดีกำลังจะเป่าเทียนบนเค้กของตัวเอง แต่เธอเหลือบไปเห็นเด็กชายติณณ์ ลูกคนเล็กของ ‘น้าต่ายนุ่ม’ ทำท่าเป่าลมกับอากาศ โดยมีเด็กชายตุลย์คอยปลอบน้องไม่ให้อยากเป่าเค้กของคนอื่น
มือเล็กบางถือเค้กที่สว่างเรืองรองด้วยเทียนวันเกิด เดินไปหาเด็กชายทั้งสอง ก่อนจะวางเค้กลงบนโต๊ะตรงหน้าติณณ์ที่ณจันทร์อุ้มอยู่ แล้ววรรณ์ดีก็ก้มลงยิ้มอ่อนโยน
“พี่ตุลย์กับน้องติณณ์ช่วยพี่วันเป่าหน่อยสินะ พี่วันเจ็บแก้ม เป่าไม่ดับแน่เลยค่ะ”
ก็เหมือนว่านหอม... เด็กชายติณณ์วัยสองขวบเป่าออกมามีแต่น้ำลาย จนพี่ตุลย์ของน้องติณณ์ต้องช่วยเป่าให้ เขาค่อยๆ ตะล่อมเป่าเทียนด้านนอก เข้าไปจนถึงด้านใน ไม่นานก็ดับสนิททั้งหมด
วรรณ์ดีปรบมือพร้อมกับยิ้มกว้าง
“ว้าว พี่ตุลย์กับน้องติณณ์เก่งจังเลยค่ะ”
ตุลย์หน้าแดง ท่าทางขัดเขินจนณจันทร์แอบยิ้มกับสามี เห็นเป็นเด็กโตกว่าวัย นิสัยอบอุ่นแบบนี้ ตุลย์แพ้คนสวย เจอคนสวยทีไรก็เขินม้วนทุกที
แล้วปาร์ตี้สดใสแบบเด็กๆ ก็ดำเนินไปจนถึงเวลาเข้านอน เมื่อพวกแม่ๆ กับพี่เลี้ยงพาเด็กไปกล่อมนอนแล้ว ก็ถึงเวลาของผู้ใหญ่...
หาญเปิดเหล้าดีกรีแรงแจกหลานชายกับเตวิช ส่วนตัวเขาได้เหล้าแก้วหนึ่งก็หลบไปวิดีโอคอลคุยกับเหล่าสุนัขบีเกิ้ลที่บ้าน โดยมีพี่เลี้ยงหมาถือโทรศัพท์ให้ หาญหัวเราะใหญ่เมื่อเจ้าไมโลพยายามเลียโทรศัพท์ด้วยความคิดถึงเขา หัวเราะไป สักพักน้ำตาก็ซึม
ห่างออกมาไม่ไกลนัก บนชายหาดหลังบ้าน วอมชานั่งบนเก้าอี้ไม้ที่วางอยู่บนหาดทราย เขาจิบน้ำสีอำพันในแก้วแบบเหลี่ยม มองตามปู่ที่อดีตเคยห้าว แต่ตอนนี้นั่งอยู่บนชายหาด ใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาด้วยความคิดถึงหมา ทั้งที่เมื่อเช้าก็เห็นยังกอดฟัดกันวิ่งเล่นกันในสวนอยู่เลย
“เพื่อนคุณไม่มาเหรอ”
คำถามจากเตวิชที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ห่างออกไปแค่โต๊ะเล็กวางเครื่องดื่มและกับแกล้มคือถั่วทอดหนึ่งจานตัวเดียวคั่น ทำให้วอมชาหันไปมองและนึกอยากถามว่าเตวิชคิดถึงธันวา เพื่อนสนิทเขาหรือยังไง
“น้องน้ำไม่สบายครับ”
เมื่อพูดถึงลูกสาวคนเดียวของธันวากับปิ่นปัก เตวิชก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ แล้วความเงียบก็รุกรานวงเหล้าที่มีกันแค่สองคน...แถมยังไม่ชอบขี้หน้ากัน...อีกครั้ง นี่ถ้าไม่ติดว่าเมียของพวกเขาสนิทกันละก็ ไม่มีทางที่เตวิชกับวอมชาจะมานั่งจิบเหล้าอยู่ข้างกันแบบนี้หรอก!
กริ๊ง
เสียงน้ำแข็งกระทบกันดังกรุ๊งกริ๊งเมื่อวอมชาวางแก้วเหล้าแล้วเติมน้ำสีอำพันใส่แก้ว เตวิชก็รีบกระดกดื่มจนหมดแล้วเติมบ้าง ชายหนุ่มทั้งสองแอบนับแก้วของตัวเองและแก้วของอีกฝ่ายโดยไม่พูดไม่จา ได้แต่เติม เติม เติม ดื่ม ดื่ม ดื่ม จนหน้าแดงพอๆ กัน
เมื่อหาญเดินกลับมาก็เห็นศึกศักดิ์ศรีแบบเงียบๆ ของหลานชายกับคู่แข่งตลอดกาลแบบเตวิช เทวาอนุสรณ์ เขาก็ไม่คิดห้าม ได้แต่เดินเข้าไปแย่งขวดเหล้ามาเทเติมบ้าง แล้วเดินเข้าบ้านไป
เรื่องของพวกเด็กทะเลาะกัน จะเมาเรื้อนอยู่ตรงนั้นทั้งคู่ก็ช่าง ผู้ใหญ่แบบหาญไปนั่งดูบอลดีกว่า
“ตายแล้ว คุณเต!”
ณจันทร์คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าปล่อยให้สามีของเธอนั่งดื่มอยู่กับสามีของชมพลอยแค่ชั่วโมงกว่าๆ พอฝากลูกๆ ไว้กับนาง แล้วกลับออกมาดูสามีอีกที สองคนนี้จะนั่งเมาแอ๋จนเตวิชแทบจะเลื้อยลงไปนอนที่พื้นอยู่แล้ว!
“ดื่มอะไรขนาดนี้คะ โธ่! อ๊ะ ป้าแพง ช่วยหนูพาคุณเตไปนอนหน่อยค่ะ”
ณจันทร์เรียกหัวหน้าสาวใช้ของบ้านชมพลอย พ่วงตำแหน่งพี่เลี้ยงของวรรณ์ดีที่เดินผ่านมาพอดีให้มาช่วย เพราะเธอรับน้ำหนักเตวิชไม่ไหว แต่เมื่อพะแพงรีบเข้ามาจับแขนอีกข้าง ชายหนุ่มก็สะบัดมือพะแพงออก พร้อมกับโวยวาย
“อย่ามาแตะ! แขนนี้มีให้เมียจับคนเดียวโว้ย”
ณจันทร์อึ้ง ไม่รู้จะรู้สึกยังไงดีกับสิ่งที่เตวิชพูดออกมา แบบคนอย่างเขาน่ะ เคยมึงมาพาโวยที่ไหน ชายหนุ่มเติบโตในตระกูลผู้ดี เรียกได้ว่าเขาเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว เนี้ยบไปหมดตั้งแต่เส้นผมจรดปลาย...
“เมียจ๋า”
คิดไม่ทันจบ สามีร่างใหญ่ก็โถมเข้ามาใส่เธอจนณจันทร์รับไว้ไม่ไหว เธอกับเขาล้มลงไปกับพื้นทรายละเอียดนุ่ม แล้วเขาก็ตัวหนักเป็นบ้า! นี่ที่ผ่านมาเวลาเขาคร่อมอยู่บนตัวเธอบ่อยๆ ไม่เห็นจะหนักเท่าตอนเขาเมาไม่ได้สติแบบนี้เลย
“โอ๊ย คุณเต หนักค่ะ!”
“เฮ้ย”
ระหว่างวุ่นวาย วอมชาก็ลุกขึ้นมาตะโกน แล้วกระชากคอเสื้อเตวิช ยกชายหนุ่มร่างใหญ่ให้ลุกขึ้นมาจากการคร่อมทับร่างกายเล็กบางของณจันทร์ด้วยมือเดียว! หญิงสาวถึงกับเบิกตาโต นั่นแรงของมนุษย์ผู้ชายทั่วไปหรือผู้มีพลังวิเศษ บ้าไปแล้ว! เมื่อกี้เธอรู้สึกหนักมากเลยนะ!!
“อย่ารังแกผู้หญิง”
วอมชาก็อ้อแอ้ เตวิชก็เมามาย
“ผู้หญิงxหี้ยอะไร นั่นเมียกู!”
ณจันทร์รีบลุกขึ้นมาปัดเศษทรายที่กระโปรง โดยไม่รู้จะรู้สึกยังไงกับคำตอบของสามีดี เธอควรดีใจที่สามียังจำได้ว่าเธอเป็นเมีย หรือควรตกใจที่เขาพูดถึงเธอว่า ‘ผู้หญิงxหี้ยอะไร’ ล่ะเนี่ย
พลั่ก!
“ว้าย คุณเต อย่าค่ะ”
ยังไม่ทันตัดสินใจได้ว่าจะรู้สึกยังไงดี ณจันทร์ต้องเป็นอันต้องรีบกอดร่างใหญ่โตของสามีไว้ เพราะจู่ๆ เตวิชก็ชกวอมชาจนล้มลงกับพื้นทราย!
“คุณ!” เมาขนาดไหน เตวิชก็ไม่พูดคำว่ามึง... “แม่งท้องแรก เมียคุณคลอดก่อนเมียผมได้ไงวะ ท้องพร้อมกันแท้ๆ”
ความในใจพรั่งพรู เมื่อเตวิชคิดแข่งแม้กระทั่งลูกใครจะเกิดก่อน แล้วลูกสาวฝาแฝดของวอมชาคลอดก่อนตั้งสองเดือน แถมยังได้ทีเดียวสองคน
โคตรแพ้! แพ้แบบคูณสอง!
“ก็เมียกูท้องแฝด!” วอมชาตอบอ้อแอ้ ก่อนลุกขึ้นมาพยายามจะยืนตัวตรง แต่ก็เซเป็นปู “เมียกูต้องนอนโรงพยาบาลตั้งเป็นเดือน คลอดตอนเจ็ดเดือนแม่ง... ชมโคตรเก่ง เมียกูเก่ง! มึงมีปัญหาเหรอ”
ชายหนุ่มชมเมียลั่นคุ้งน้ำ จนชมพลอยที่เพิ่งออกมาดูเพราะได้ยินเสียงดัง ถึงกับยืนอึ้ง ไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเลย
“ทีท้องสองก็ท้องพร้อมกัน ทำไมเมียมึงคลอดก่อนวะ!” วอมชาโวยวายบ้าง
เตวิชหัวเราะลั่น
“เมียผมก็เก่ง! เมียผมคลอดตามกำหนดเป๊ะ แต่เมียคุณต้องผ่าออกไง ฮ่าๆ เมียคุณท้องทำไมตั้งสิบเดือน ท้องเผื่อตอนคลอดแฝดก่อนกำหนดเหรอ!”
คราวนี้ชมพลอยเข้าใจทุกอย่างแล้วและทนไม่ไหวด้วย เธองอตัวหัวเราะโดยไม่มีเสียง ในขณะที่ณจันทร์เลิ่กลั่ก ไม่รู้จะห้ามใครก่อนดี สุดท้ายหญิงสาวที่ตัวเล็กปุ๊กปิ๊กในสายตาของชมพลอยก็วิ่งกลับมาหาเธอ
“พี่ชม โธ่ อย่าเพิ่งหัวเราะสิคะ ช่วยกันห้ามก่อน เมื่อกี้คุณเตชกคุณพายด้วยนะคะ”
“!!!”
“...”
“ว่าไงนะ?”
ณจันทร์ยืนอึ้ง ก่อนจะแอบกลืนน้ำลายฝืดๆ ลงคอ เมื่อจู่ๆ พี่สาวใจดีที่รู้จักสนิทสนมกันมาตั้งหลายปี หยุดหัวเราะทันควันที่ได้ยินว่าสามีตัวเองโดนชก แถมนัยน์ตาคู่สวยยังดูดุร้ายจนน่ากลัว
ชมพลอยเดินฉับๆ ไปหาสองหนุ่มที่ยังทุ่มเถียงกันด้วยศึกศักดิ์ศรีไร้สาระ และก่อนที่ใครจะห้ามทัน หญิงสาวก็ยกมือขึ้นตบผัวะไปที่ท้ายทอยของชายคนหนึ่งในนั้น
แน่นอนว่าไม่ใช่สามีของตัวเอง...
“โอ๊ย ใครวะ!”
เตวิชที่กำลังเงื้อหมัดจะชกฝ่ายตรงข้ามอีกสักที หันกลับมามองด้วยสีหน้าเอาเรื่อง แต่พอเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง... ที่เขาเมาจนจำไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร จำเมียได้แค่คนเดียว ชายหนุ่มก็ยืนอึ้ง
“หยุดทำร้ายผัวคนอื่น แล้วไปนอนซะ” ชมพลอยยกมือเท้าสะเอว ก่อนจะชี้นิ้วไปทางณจันทร์ที่ยืนรออยู่ “ไปสิ เร็ว ไปนอน!”
เตวิชรู้สึกเหมือนโดนแม่ด่า... ทั้งที่แม่ไม่เคยด่าเขามาก่อนเลย แล้วแม่เขาก็ไม่อยู่บนโลกนี้แล้วด้วย แต่ชายหนุ่มก็เดินเซไปเซมาหงอยๆ ไปหาเมีย ยอมให้ณจันทร์กับสาวใช้สูงวัยพยุงเข้าบ้าน แต่ยังไม่วายหันไปมองศัตรูคู่แค้นแล้วส่งสายตาว่า
ฝากไว้ก่อนเถอะ
ชมพลอยยืนกอดอกมองตามอย่างอ่อนใจ ก่อนที่ร่างระหงจะเซเล็กน้อยเพราะแรงโถมเข้ามากอดทางด้านหลังของสามีที่เธอเพิ่งช่วยไม่ให้เขาถูกชกเพิ่มอีกหมัด วอมชานี่ก็ยังไง ไม่มีท่าทีจะชกคืนเลย แถมยังดูไม่เจ็บด้วย ทั้งที่มุมปากแตกเลยนะ
“เมียพี่โกรธเหรอ” เขาโน้มมาหอมแก้มเธอหลายๆ ครั้งโดยไม่สนใจว่าปากตัวเองเจ็บอยู่ “ไปเดินเล่นกันดีกว่า เดี๋ยวพี่ทำแหวนหินให้อีกดีมั้ย หลายๆ วงเลย”
หญิงสาวสะดุดกับสิ่งที่เขาพูด เธอหันไปมองคนเมาที่มักจะไม่พูดโกหกด้วยดวงตาเบิกโต อยู่กินกันมาตั้งแปดปี ถึงจะเกิดเรื่องอัศจรรย์พันลึกกับคู่เธอมากมายตั้งแต่ครึ่งปีแรก แต่วอมชาไม่เคยพูดเลยว่าเขารู้เรื่องแหวนหินของบินตัง
คงเหมือนกับที่เธอไม่เคยพูดออกไปเหมือนกันว่าเธอเองก็รู้ว่าบินตังคือใคร...
แล้วร่างบอบบางที่เพิ่งจะวีนชายหนุ่มที่ใครๆ ก็กลัวเพราะเขาเป็นคนหน้าดุ ก็ถูกสามีฉุดมือให้เดินตามไปทางริมชายหาดที่เธอจำได้ดีว่าครั้งที่มากับเขาสองคน ชายหาดแห่งนี้รุ่มร้อน เชี่ยวกราก ไปด้วยแรงราคะจนหัวใจเธอแทบจะไหม้เป็นจุณ