“เสี่ยวเจิ้งเห็นไหมท่านอ๋องให้คนมาที่จวนมากมายเพื่อตัดอาภรณ์ใหม่ให้กับพวกเรา ช่างตัดเย็บอาภรณ์มารอเจ้าที่ด้านนอก เจ้าต้องรีบออกไปให้พวกนางวัดตัวแล้ว”
จงหลินดึงมือเสี่ยวเจิ้งที่เอาแต่จัดห้อง นู่นนี่นั่นไม่ยอมขยับกายออกจากห้องเป็นจงหลินที่ตื่นเต้นเสียยิ่งกว่า
“คุณหนูเจิ้งขอรับ ช่างมาแล้วขอรับอีกอย่าง สาวใช้ที่ไปร้านผ้าได้นำผ้าจากร้านผ้ามาให้คุณหนูเลือกเฟ้นมากมายเชิญคุณหนูออกมาด้านนอก”
เสียงของหยวนกังดังเข้ามาข้างใน เสี่ยวเจิ้งถอนหายใจ ใบหน้าใสยิ้มบางๆ พยักหน้ากับจงหลินเหมือนจะบอกว่า เลี่ยงไม่ได้แล้วอย่างไรก็ต้องออกไปใช่ไหม
“เสี่ยวเจิ้งเดี่ยวข้าทำความสะอาดห้องนี้ให้เจ้าเองเจ้าสองคนออกไปเถิดท่านอ๋องอุตส่าห์เมตตาอย่าทำให้ท่านเสียน้ำใจ”
ป้าจงเอ่ยปากเบาๆ เสี่ยวเจิ้งกุมมือป้าจงส่งสัญญาณมือ บอกว่าไม่ต้องทำไม่อยากให้ป้าจงเหนื่อย
“ไปเถิดอยู่ข้างนอกนั่นพวกเราลำบากกว่านี้นี่ เพราะเจ้าพวกเลยสบายทำตัวดีดีหน่อยเชื่อฟังท่านอ๋อง ป้าจึงจะได้สบายอย่างนี้”
เสี่ยวเจิ้งยิ้มก่อนจะก้าวขาออกไป จงหลินปักปิ่นไม้บนศีรษะของเสี่ยวเจิ้ง ที่บัดนี้ผมถูกเกล้ารวบไว้อย่างเรียบร้อยงดงาม ผยให้เห็นใบหน้าสดใสปากคอคิ้วคางรับกับใบหน้ากลมรูปไข่ ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อ แก้มผ่องไม่ขะมุกขะมอมเหมือนเคย อีกทั้งนอนหลับสบาย ใบหน้าสดใส ดังบุปฝาแรกแย้มต้องแสงอรุณรุ่ง
หยวนกังเงยหน้าขึ้นช้าๆ แม้ไม่กล้าจ้องมองใบหน้างดงามเต็มตา รีบก้มหน้าหลบตาเสีย ทว่ากลับรู้สึกว่าบุรุษใดใต้หล้าหากได้พบพาน คงยากที่จะไม่ตกตะลึงในความงดงามสดใสของเสี่ยวเจิ้ง อีกทั้งยากจะลืมเลือน ถอนหายใจท่านอ๋องของเขาเองก็เพิ่งสามสิบกว่า ไม่แน่ว่ามีหญิงงามสดใสเช่นนี้ในจวนบางทีอาจจะเปลี่ยนใจด้านชาได้ไม่ยาก
“ไปกันได้แล้วท่านองครักษ์”
จงหลินอมยิ้มเมื่อเห็นว่าหยวนกัง ก้มหน้าไม่กล้ามองใบหน้างดงามของเสี่ยวเจิ้ง ที่แม้แต่จงหลินเองยังรู้สึกว่าเสี่ยวเจิ้งในวันนี้ไม่เหมือนเสี่ยวเจิ้งที่ แบกหลัวเดินตามจงหลินทำงานแลกเงินแล้วแต่จะมีคนเมตตา
“เชิญคุณหนู”
หยวนกังผายมือเดินนำไปที่ห้องด้านนอกก่อนจะปิดประตู ปล่อยใหญ่เสี่ยวเจิ้งและจงหลินอยู่ข้างในเพียงลำพังกับช่างวัดตัวและสาวใช้ในจวนที่ยืนถือพับผ้าเนื้อดีมากมายตรงหน้า จงหลินวิ่งหยิบพับผ้าขึ้นมาดูด้วยความตื่นเต้นผ้าเนื้อดีที่ไม่เคยอาจเอื้อมบัดนี้กลับมาให้หยิบจับตามใจ
“เสี่ยวเจิ้งดูสิ ดูนี่ นี่ นี่ นี่”วิ่งวนพับผ้าสีหน้าตื่นตาตื่นใจ
เสี่ยวเจิ้งยิ้มบางๆ
“เจ้าไม่เลือก ข้าเลือกสีที่เหมาะกับเจ้าเอง ดูรึมีแต่ผ้าเนื้อดี หากสวมใส่บนร่างกายของเจ้าบวกกับใบหน้างดงามของเจิ้งเหม่ยอิงบุตรีบุญธรรมท่านอ๋องจะงดงามเพียงใด”
เสี่ยวเจิ้งปิดปากขำกับท่าทีเกินจริงของจงหลิน ช่างวัดตัวที่เป็นหญิงวัยแก่กว่าไม่กี่มากน้อย ยิ้มย่อกายลงเสี่ยวเจิ้งจับไหล่นางไว้โบกมือห้าม
“ขอบคุณคุณหนู”
ยิ้มด้วยไมตรีจิต สายตาจับจ้องที่รูปร่างหน้าตาของเสี่ยวเจิ้งเพราะที่ผ่านมาไม่เคยจะเห็นว่าจะมีหญิงงามคนไหนงดงามทั้งใบหน้าและรูปร่างเพียงนี้ นางไปซ่อนกายอยู่ที่ใดมา ท่านอ๋องจะรับนางเป็นลูกบุญธรรมเห็นได้ชัดว่านางงดงามเกินหญิงใดไม่แน่ว่าคำว่าลูกบุญธรรมก็เพียงใช้บังหน้าเท่านั้น อนิจจาใครกันจะอดคิดเกินเลยไปไกลในเมื่อท่านอ๋องเองก็ยังหนุ่มแน่นไม่ได้แก่ชรา อีกทั้งหล่อเหลาเป็นที่หมายปองของสาวน้อยสาวใหญ่
“พี่สาวคุณหนูเจิ้งนางพูดไม่ได้ แต่ฟังเราพูดได้ทุกคำ ท่านก็แค่พูดกับนาง เจิ้งเหม่ยอิง ใจดีที่สุุด”
เสี่ยวเจิ้งยิ้มให้กับชือหรูด้วยความที่ไม่ถือตัว
จงหลินพูดขึ้นยิ้มๆ เมื่อเห็นว่าพี่สาวช่างวัดตัวตะลึงในความงามของเสี่ยวเจิ้งเหมือนคนอื่นๆ
“เช่นนั้นคุณหนูเจิ้งโปรดเมตตาตาข้าน้อย ร้านเราถูกท่านอ๋องเรียกให้มาตัดอาภรณ์ชุดใหม่ให้ท่าน จึงอยากจะแอบขอให้คุณหนูให้พวกเราตัดอาภรณ์ให้มากหน่อยเพราะจะได้มีรายได้เข้าร้าน คุณหนูงดงามเพียงนี้หากมีใครถามถึงร้านที่ตัดเย็บวานคุณหนูบอกว่าเป็นร้านของเราเพื่อเป็นการโฆษณาไปในตัว”
เสี่ยวเจิ้งเลิกคิ้วสูง
“ว้าข้านี่แย่จริงคุณหนูพูดไม่ได้ จะให้บอกใครได้อย่างไรเอาแบบนี้ดีกว่าเอาเป็นว่าหากคุณหนูไม่ว่าข้าจะอาศัยเอาไปบอกหลายๆ คนว่าแม้แต่คุณหนูเจิ้งเหม่ยอิงที่งดงามยังสวมอาภรณ์ที่ตัดจากร้านของเรา”
เสี่ยวเจิ้งยกนิ้วยิ้มบางๆ จงหลินหัวเราะสบตากับเสี่ยวเจิ้งขำๆ
เสียงพูดคุยด้วยความสนิทสนมดังเล็ดลอดออกมาด้านนอกอีกทั้งเสียงหัวเราะชอบใจ พูดไม่ได้แต่เสียงหัวเราะใสหวานของเสี่ยวเจิ้งช่างทำให้บรรยากาศที่เคยเงียบเหงาในจวนอ๋องช่างน่าอภิรมย์เสียจริง
“ท่านอ๋อง” หยวนกังประสานมือเมื่อคนรับใช้เข็นรถเข็นให้กับชิงกวานอ๋องมายังห้องวัดตัว
“คุณหนู เป็นอย่างไรบ้าง”
แม้จะได้ยินเสียงหัวเราะรื่นเริงมาแต่ไกลแต่ก็ไม่วายถามด้วยสีหน้าแช่มชื่น
“คุณหนูน่าเอ็นดูไม่น้อย นางเข้ากับทุกคนได้ ไม่ได้มีปัญหาอะไร”
ชิงกวานอ๋องซ่อนยิ้มพยักหน้าขึ้นลง ภายใต้ใบหน้าแอบซ่อนความรู้สึกเป็นสุข
“เครื่องประดับที่ข้าสั่งทำให้คุณหนูเล่า”
“ใกล้จะเรียบร้อยเแล้วขอรับรอเพียงท่านอ๋อง ติชม”
“อืมจัดเครื่องเสวยที่ห้องวัดตัวด้วย เผื่อช่างวัดตัวเพราะคงต้องอยู่ที่นี่อีกหลายชั่วยาม เสี่ยวเจิ้งจะได้มีคนคอยพูดคุยแก้เหงา”
หยวนกังประสานมือ ชิงกวานอ๋องโบกมือให้คนรับใช้เข็นรถไปเสียอีกทาง
“ท่านอ๋องจะไม่รอพบคุณหนูก่อนหรือไรในวันนี้”
“ข้าไม่อยากให้นางรู้ว่าข้ามายุ่มย่าม นางเป็นเจ้าของจวนอ๋องเช่นกัน ข้าก็ไม่จำเป็นต้องให้นางเห็น รึเจ้าว่าข้าควร เข้าไปดูนางเสียหน่อย”
หยวนกังยิ้มบางๆ ก้มหน้าเสีย เขาพยายามที่จะให้ชิงกวานอ๋องได้เห็นว่าเสี่ยวเจิ้งแปรเปลี่ยนไปเพียงใดนางงดงามเพียงใดต่างหาก เผื่อว่าบางทีท่านอ๋องจะได้ไม่ต้องทนเหงาเหมือนที่ผ่านมา
คนรับใช้เข็นรถ เลยไปยังป่าไผ่ร่มครึ้ม ชิงกวานอ๋องเผลอยิ้มกับความคิดของตัวเองที่เตลิดไปไกล
ทำท่าจะลุกขึ้นยืน ทว่ากับทรุดกายลงบนรถเข็น
“ตามหมอหลวง”
คนรับใช้ที่เดินตามอีกคนรีบวิ่งไปทันที
“ท่านอ๋อง ข้าน้อยไม่อาจกล่าวคำนี้ได้เกรงว่าท่านอ๋องจะทรง จะทรง”
“ไม่เป็นไร ข้าไม่ได้ รู้สึกอะไร”
“แม้คมกระบี่จากมือสังหารจะไม่ได้ถูกจุดสำคัญทำให้บาดเจ็บสาหัส แต่เอ็นรอยหวายที่ขาด้านซ้ายของท่านอ๋องถูกทำลาย ขะข้าน้อยรับรองจะพยายามหายา ดีมารักษา ..ให้ ..จนได้… ท่านอ๋องอย่าทรงกริ้ว”
ก้มศีรษะจรดพื้น
“เจ้าหมายความว่าข้า ข้าจะเดินไม่ได้อย่างนั้นหรือ”
“ข้าน้อยยังไม่อาจบอกได้ แต่ทว่าหากท่านอ๋องพักฟื้นให้ดี ไม่ออกแรงในตอนนี้อีกทั้งดูแลตัวเองให้มาก และจะต้องให้ข้าน้อยทำการรักษาให้ก่อนระหว่างนี้และห้ามออกแรงบริเวณข้อเท้าหรือห้ามเดินนั่นเอง จนกว่าจะรักษาให้หายได้ จึงค่อยกลับมาฝึกเดินอีกครั้ง”
ชิงกวานอ๋องนิ่งงันดังถูกสาป
“ตะ ตะแต่ไม่ได้บอกว่าจะเดินไม่ได้ แต่ท่านอ๋องจะต้องรักษาตัวนานหน่อยก็เท่านั้น”ยิ้มเศร้าๆ
“ไม่เป็นไร ส่งท่านหมอเถิด”
“ท่านอ๋อง ข้าน้อยจะหายาดี มารักษาท่านอ๋องจนได้”รับปากทมั่นเหมาะชิงกวานอ๋องผู้นี้เมตาทุกคน จะมีกี่คนที่เกลียดชัง
“ขอบใจเจ้ายิ่ง”
หมอหลวงก้มหน้าด้วยความหนักใจ เข้าใจดีว่าชิงกวานอ๋องเป็น แม่ทัพผู้เกรียงไกรอีกทั้งยังเป็นคนที่ฝ่าบาทวางใจที่สุดหากจะแบกรับคำว่าเดินไม่ได้หรือพิการจะต้องทนทุกข์เพียงใดกัน
จงหลินกับเสี่ยวเจิ้ง เดินเข้ามายืนด้านหลังของชิงกวานอ๋อง
“ จงหลินคารวะท่านอ๋อง”
ใบหน้าเศร้าหันมายิ้มกว้าง จ้องมองเสี่ยวเจิ้งที่เปลี่ยนไปด้วยความตกตะลึงแววตาพึงพอใจ ใบหน้างดงามอ่อนหวานทว่าสดใสกว่าครั้งแรกที่เขาเห็น ใบหน้าขะมุกขะมอมนั้นหายไปผิวขาวกระจ่างใส ที่สำคัญคือแววตาสดใสนั้น ยิ้มบางๆ
“ เจ้า แต่งกายแบบนี้ดูดีขึ้นมากทีเดียว”
สะกดกลั้นคำว่างดงามไว้ในใจเสีย หยวนกังยิ้ม
“เสี่ยวเจิ้งบอกว่าจะมาทานกลางวันกับท่านอ๋อง เพราะท่านอ๋องจะต้อง ..เสวยคนเดียวพวกเรามาอยู่นี่แล้ว ควรจะร่วมเสวยกับท่านอ๋อง”
เหลือบตามองหยวนกังที่เป็นคนพูดประโยคนี้ ให้เสี่ยวเจิ้งได้คิดเพื่อเอาใจเจ้าบ้านที่แสนดีกับพวกนาง
“แล้วช่างวัดตัวเล่า”
“นางกลับไปแล้วขอรับ บอกว่าไว้พรุ่งนี้จึงมาใหม่”หยวนกังพูดแทน
“ดี ข้ากำลังหิวพอดี เด็กๆ ยกเครื่องเสวยที่ศาลาด้านนู่น"
ปรับน้ำเสียงให้สดใส หยวนกังอมยิ้มไม่เคยได้ยินน้ำเสียงแบบนี้ของชิงกวานอ๋องมาก่อน
ชือหรู นั่งลงยกสุรากรอกลงในลำคอแก้กระหาย เบื้องหน้าป้อคุนนิ่งจิบชาในมือ
“นางก็แค่หญิงใบ้คนหนึ่ง”
“หญิงใบ้”คิ้วคมขมวดเข้าหากัน
“แต่เป็นหญิงใบ้ที่งดงามและน่าเอ็นดูที่สุดเท่าที่ข้าชือหรูเคยเห็นมา”