bc

สนมใบ้ ไร้ศักดิ์

book_age18+
989
ติดตาม
2.8K
อ่าน
ลักพาตัว
สลับร่าง
เย่อหยิ่ง
แบดบอย
กู๊ดเกิร์ล
มีพลัง
กษัตริย์
ดราม่า
หวาน
หนุ่มใหญ่จีบวัยรุ่นชาย
like
intro-logo
คำนิยม

เมื่อหญิงใบ้ไร้ศักดิ์ ต้องกลายมาเป็นสนมไร้ศักดิ์ ของฮ่องเต้ผู้ชึ่งรูปงามที่สุดในเจ็ดคาบสมุทร

เตรียมมาม่า ไว้ให้พร้อมไรท์ ต้มน้ำเผื่อสายดราม่าทั้งหลาย

น้องน่าสงสาร กว่านางเอกทุกเรื่องของไรท์

อย่าแอบปันใจให้อ่องเต้รูปหล่อที่...อี่เต้ เมิ่งเป็นบ้าอะไร เกลียดน้องนัก

ไปร่วมลุ้น หญิงใบ้ว่าจะเอาชนะใจพระเอกสายซึน กับนางมารหน้าเศร้า

พูดไม่ได้แก้ตัวไม่เก่ง น้องจะน่าสงสารแค่ไหน ฝากติดตาม

chap-preview
อ่านตัวอย่างฟรี
ปฐมบท
“ตื่นสินางใบ้ เอาแต่นอนอยู่ได้ วันนี้มีงานสำคัญ เจ้าจะต้องรีบไปช่วยทำอาหารในวัง” เสี่ยวเจิ้งลุกพลวดจากแท่นนอนที่ทำจากไม้ไผ่ หญิงอ้วนร่างท้วมนามจงหลานหรือป้าจงตวาดดังลั่น “เสี่ยวเจิ้งนี่ต้องเป็นเจ้าที่ต้องนำไป” ยกหลัวใส่บนแผ่นหลังเล็ก แล้วยัดทุกอย่างเท่าที่จะยัดได้ลงไป “อือ อือ” อยากจะบอกว่าหนักแต่เปล่งเสียงได้เพียงเท่านั้น “อย่าโวยวาย” ป้าจงดุ เสี่ยวเจิ้งได้เพียงก้มหน้ามองพื้น จงหลินรีบแบ่งของบนหลัวของเสี่ยวเจิ้งมาไว้บนหลัวของตัวเองบ้าง “ท่านแม่ ใจร้ายกับเสี่ยวเจิ้งจริงๆ เฮ้อเสี่ยวเจิ้งถ้าเจ้า.. ไม่เป็นใบ้คงจะดีกว่านี้ ใบหน้าเจ้าก็หาได้ขี้ริ้วไม่ ไป๊ไปกันเถิด” จูงมือเสี่ยวเจิ้งที่รักเหมือนน้องสาว เสี่ยวเจิ้งยิ้มโบกมือให้จงหลินเห็นว่าไม่เป็นไร เดินตามทางไปพร้อมกันเพื่อเข้าสู่วังหลวง “ฮ่องเต้เสด็จจจจ ฮองเฮาเสด็จจจจจ” ร่างสูงเกินบุรุษอื่นที่เด่นสง่ามองเห็นในระยะไกล เสี่ยวเจิ้งยืนนิ่ง นี่หรือคือฮ่องเต้ ที่ได้ยินคนเล่าขานว่าเป็นฮ่องเต้ รูปงามที่สุดในเจ็ดคราบสมุทร จงหลินกระตุกแขนเสื้อกลัวว่าเสี่ยวเจิ้งจะไม่ได้ยินคำขานของขันที ดึงร่างเล็กกว่าของเสี่ยวเจิ้งหลบเข้าข้างทาง กดก้มศรีษะให้ก้มจนไม่เห็นใบหน้าขะมุกขะมอม “ หลีกทางขบวนเสด็จกำลังจะผ่าน” เสียงองครักษ์ไม่พูดเปล่าใช้ทวนในมือกวาดต้อนร่างของ เหล่านางในห้องเครื่องให้หลบออกจากทางเดิน “โอ้ย” จงหลินเจ็บจนเผลอร้องออกมา เสี่ยวเจิ้งพยุงจงหลินให้ลุกขึ้น “เร็วเข้าชักช้าอยู่ได้ ขบวนเสด็จถึงแล้ว” กระชากร่างเล็กของ เสี่ยวเจิ้งให้หลบไป “ปล่อยนาง พวกเจ้าเห็นหรือไม่ทำให้นางเจ็บ” เสียงอ่อนโยนของฮองเฮาหมิงเยว่ เอ่ยปากกับองครักษ์ดังประกาศิต เสี่ยวเจิ้งจ้องมองใบหน้างดงามราวเทพีสวรรค์เลยผ่านไปยังร่างสูงที่พยุงหมิงเยว่ไว้ในอ้อมแขนอย่างทะนุถนอม โลกทั้งใบเหมือนจะหยุดหมุนในทันที จงหลิน ดึงชายเสื้อเสี่ยวเจิ้งให้คุกเข่าลงบนพื้น “ฮองเฮา ให้องครักษ์ไล่พวกนางไปไกลๆ อาภรณ์ของเจ้าในงานพิธีจะเปรอะเปื้อนเพราะพวกนาง” เสียงทุ้มอ่อนโยนยิ่งนัก “ฝ่าบาท ห่วงใยยิ่งแล้วหมิงเยว่เห็นว่าทั้งสองนางเป็นเพียงหญิง ธรรมดาหากกระทำรุนแรงพวกนางจะบาดเจ็บเอาได้” อู่อินเฉิงยิ้มอ่อนโยน แต่ยิ้มนั้นส่งให้กับหมิงเยว่คนเดียว “เจ้าใส่ใจไปทุกคนแต่ดูรึเจ้าเองกับร่างกายอ่อนแอ ชีวิตพวกนางมีค่าใดกันหากเปรียบกับเจ้าแม้เจ้าบาดเจ็บแค่เพียงปลายก้อยข้าก็คง จะเจ็บซ้ำใจ” “ไปไปไป” องครักษ์ผลักร่างเสี่ยวเจิ้งกับจงหลินจนหงายหลังเมื่อได้ยินอู๋อินเฉิงพูดแบบนั้น ดวงตาคมของอู่อินเฉิงเผลอจ้องมองใบหน้าขมุกขะมอมของเสี่ยวเจิ้งที่ล้มกลิ้งข้าวของหกหระจาย สบตาเศร้าสร้อยนั้นอย่างพลั้งเผลอ ก่อนจะเบือนหน้าหนีเสียจากสายตานั้น “ไล่พวกนางไปไกลๆ ” เอ่ยปากสำทับ พยุงหมิงเยว่จากไปยังลานพิธี เสี่ยวเจิ้งกับจงหลินช่วยกันเก็บข้าวของใส่ในหลัวด้านหลังให้กันและกัน “ไม่เห็นจะต้องไล่พวกเราเลย เราเองก็ไม่ได้อยากจะขวางขบวนเสด็จ ดูสิข้าวของเปื้อนดินเปื้อนทรายหมดแล้ว” เสี่ยวเจิ้งยิ้มเศร้าๆ “เจ้าก็เอาแต่ยิ้มมองคนอื่นในแง่ดีตลอด เห็นหรือไม่ว่าชีวิตพวกเรายังไม่มีค่าเพียงการบาดเจ็บเท่าปลายก้อยของฮองเฮา” เสี่ยวเจิ้งยกมืออุดปากจงหลินก่อนจะส่ายหน้าไปมาห้ามไม่ให้พูด จงหลินถอนหายใจ “เจ้า ใจดีแบบบนี้คนอื่นจึงเอาเปรียบเจ้า เสี่ยวเจิ้งจริงๆ นะถ้าหากว่าเจ้าได้สวมอาภรณ์สีสวย ลบรอบเปื้อนขะมุกขะมอมบนใบหน้าของเจ้าออกเสียหน่อย เกรงว่า เจ้าต้องกลายเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งเลยทีเดียว” เสี่ยวเจิ้งส่ายหน้ายิ้มๆ เหมือนจะบอกว่ามันคือเรื่องเพ้อฝัน ส่งภาษามือให้จงหลินรีบไปยังห้องเครื่องช่วยนางในห้องเครื่องทำเครื่องเสวยให้ทันเวลาที่กำลังจะมีงานเลี้ยงรื่นเริงของวังหลวง จงหลิน ยอมเดินตามเสี่ยวเจิ้งไปโดยดี “พวกเจ้ามาช้าเสียจริง ข้ากำลังคิดว่าจะไล่พวกเจ้ากลับไปเสีย ยายเฒ่าจงรับปากมั่นเหมาะว่าจะหาคนมาช่วยงานแต่ดูรึ พวกเจ้าเพิ่งจะมาถึง” เสี่ยวเจิ้งประสานมือก้มหน้า จงหลินถอนหายใจยาว “นายท่าน พวกเราติดขบวนเสด็จจึงล่าช้า โปรดเมตตาเราด้วย” เสี่ยวเจิ้งพยักหน้ายืนยันตามคำพูดของจงหลิน “จะไล่กลับอย่างไรเล่า คนยิ่งน้อยๆ ไปไปช่วยกันหั่นผักหั่นหมูเตรียมวัตถุดิบ แต่บอกไว้ก่อนนะ ข้าลดค่าตอบแทนพวกเจ้าเพราะมาช้าเหลือเกิน ทำงานให้เสร็จจึงกินอาหารเช้าเพราะกงกงตู้ขันทีพิธีการเพิ่งส่งคนมาเร่งให้เตรียมจัดเครื่องเสวยยามอู่ (11.00-12.59) ” เสี่ยวเจิ้งรีบเข้าไปข้างในปลดหลัวบนหลังให้จงหลิน แล้วหันหลังให้จงหลินปลดหลัวให้บ้าง เลยยามอู่ไปแล้ว จงหลินยกถ้วยข้าวกับน้ำแกงมาวางบนโต๊ะ เสี่ยวเจิ้งเช็ดมือกับชายกระโปรงก่อนจะปาดเหงื่อที่ไหลรินบนใบหน้า คนอื่นๆ ต่างแยกย้ายกันไปพัก “ไม่เหลืออะไรให้กินแล้วคนอื่นตักไปกินจนสิ้น เสี่ยวจิ้งเราสองคนมีเพียงน้ำแกงกับ ผัดผัก” เสี่ยวเจิ้งพยักหน้ายิ้มส่งสัญญาณว่าชอบกินผัดผัก จงหลินส่ายหน้าไปมานึกอิจฉาเสี่ยวเจิ้งที่ชีวิตช่างมีความสุขไม่เคยทุกข์ร้อนไม่ว่าจะเจอปัญหาเล็กใหญ่ใดๆ ก็ตาม “กินเสร็จค่อยเดินทางกลับบ้านข้าว่าเราสองคนควรจะแวะที่ตลาดเสียหน่อย เลือกซื้อเครื่องสำอางหรือว่าเครื่องประดับกันดีไหม ข้าขอท่านแม่ว่าได้เงินค่าจ้างงวดนี้ข้ากับเจ้าเราสองคนจะแวะเที่ยวตลาดเสียหน่อย” เสี่ยวเจิ้งส่ายหน้าโบกมือ “เจ้าก็เป็นแบบนี้เราสองคน18ปีแล้วควรจะงดงามและใช้ชีวิตเยี่ยงหญิงสาวได้แล้ว เสี่ยวเจิ้งงงง เราสองคนผ่านวัยเด็กมาแล้ว ข้าอยากจะเห็นว่าเสี่ยวเจิ้งของเราหากอาบน้ำอาบท่าแต่งกายให้งดงามเสียหน่อยจะเป็นอย่างไรหนอ” เสี่ยวเจิ้งก้มหน้า จะเถียงว่าเก็บไว้ใช้ยามที่แก่ชราจะดีไหม หาได้สนใจวัยสาวที่กำลังจะผ่านเข้ามาไม่ “น้าาา เจ้าต้องลองเปลี่ยนตัวเอง ข้าห่วงที่สุดก็เจ้านั่นแหละเสี่ยวเจิ้งใจดีเหลือเกิน คนผู้คนล้วนจ้องรังแกและเอาเปรียบเจ้า” เสี่ยวเจิ้งพุ้ยข้าวใส่ปาก ตาเฒ่าในห้องเครื่องคนเมื่อเช้าเดินเข้ามาข้างในวางก้อนเงินให้กับ เสี่ยวเจิ้งและจงหลินคนละก้อน “นายท่านทำไมมันน้อยแบบนี้” “พวกเจ้ามาช้า แล้วอีกอย่างนี่ข้าวนี่กับของที่พวกเจ้ากินไปข้าก็หักออกจาค่าแรง ทำงานไม่ถึงวันก็เอาไปแค่นี้พอ” จงหลินลุกขึ้นยืน เท้าสะเอว ผลักตาเฒ่าหงายหลัง “จะมากไปแล้วนะ กว่าจะได้กินก็เลยยามอู่ทำงานไม่หยุด ตั้งแต่มาถึงนี่แค่ค่าเดินมาในวังหลวงไกลแสนไกลนี่ยังไม่คุ้มเลย จะให้เพิ่มหรือไม่ หากไม่ให้คราวหลังพวกเจ้าอย่ามาไหว้วานพวกเราอีก อีกอย่างข้ารู้นะว่าเจ้าได้เงินมามากกว่านั้นแต่แอบเก็บไว้เองอย่าให้พวกเรานำเรื่องนี้ไปเล่าให้คนอื่นฟังนะ คิดว่าข้าไม่กล้าหรือไร” เสี่ยวเจิ้งดึงมือจงหลินให้ถอยห่าง ร่างสูงในอาภรณ์ขององครักษ์นางป้อคุน ที่ได้ยินเสียงเอะอะของจงหลิน ก้าวมายืนตรงหน้า ย่อกายลงล้วงหยิบถุงเงินจากอกเสื้อของตาเฒ่าออกมา ยื่นให้กับ เสี่ยวเจิ้งและจงหลิน “ท่านเอาเปรียบพวกนางมากไป หากเก็บไว้เสียครึ่งหนึ่งก็คงไม่น่าเกลียดเท่าให้พวกนางเพียงส่วนน้อย” เสี่ยวเจิ้ง นิ่งงันจงหลินรีบคว้าเอาถุงเงินหนักอึ้งมากำรวบไว้ในมือ “ขอบคุณใต้เท้า อย่างนี้ถึงจะคุ้มค่าเหนื่อย” จงหลินเอ่ยปากยิ้มๆ ดึงมือเสี่ยวเจิ้งให้ย่อกายลงตรงหน้าป้อคุน ป้อคุน ยิ้มอ่อนโยน “งานรื่นเริงผ่านไปด้วยดีทุกคนเหนื่อยเท่ากัน พวกเจ้าเองก็สำคัญไม่น้อยเงินเพียงน้อยนิดนี้จึงไม่ถือว่ามากไป” จงหลินยิ้มเสี่ยวเจิ้งกลับก้มหน้าไม่กล้ามองใบหน้าหล่อเหลาของป้อคุนแม้แต่น้อย ป้อคุนจากไปแล้ว เสี่ยวเจิ้งดึงมือจงหลินแบกหลัวเปล่ากลับบ้าน จงหลินเทเงินในถุงออกมานับด้วยดวงตาเป็นประกาย “เงินมากมายขนาดนี้ข้าจะซื้อของที่อยากได้ให้หมดเลย เจ้าเล่าจะเอาเงินไปทำอะไร” ส่งภาษามือบอกว่าจะก้บไว้ให้ป้าจงแม่ของจงหลิน “ข้าเบื่อเจ้าจริง ได้ยินใต้เท้าหนุ่มผู้องอาจผู้นั้นพูดไหมเราสองคนทำงานเหนื่อยควรจะนำเงินไปซื้อของที่อยากได้” เสี่ยวเจิ้งยิ้มมุมปากส่งภาษามือให้กับจงหลิน “บ้า เสี่ยวเจิ้งเจ้านี่ ข้าไม่ได้ชอบเขาเสียหน่อยแต่เอาจริง เขาก็น่ามองที่สุดแต่ อย่างเขารึจะชายตามองคนอย่างพวกเรา เห็นฮ่องเต้เมื่อเช้าไหมเขามองพวกเราแค่เพียงเศษดิน” เสี่ยวเจิ้งพยักหน้ายิ้มๆ ส่งภาษามืออีกครั้ง “จริงของเจ้าพวกเขาก็แค่พวกที่หลงตัวเอง เอาแต่ทำท่าทีองอาจ แต่เวลานั่งปลดทุกข์ก็ต้องทำหน้าเหยเกเหมือนกันทุกคนฮ่าาาา” เสี่ยวเจิ้งส่งเสียงหัวเราะในรอบหลายวันพร้อมกับจงหลินที่พากันเดินลัดเลาะไปบนทางเท้าทอดยาวกลางป่า “ชิงกวานอ๋องยอมจำนนเสียเถิดไม่มีทางที่จะหนีรอด ยอมตายเสีย” ร่างสูงองอาจ ใช้กระบี่ในมือชันกายลุกขึ้นอย่างยากลำบากรอยเลือดเปรอะเปื้อนไปทั่วลำตัว กัดฟันยกกระบี่ขึ้นในท่าเตรียมพร้อม ทั้งๆ ที่ยืนแทบไม่อยู่ มือสังหารผู้หนึ่งยืนจ้องหมายเอาชีวิต “ย้ากกกกกกกก” “ผลั๊กกกกก ตุ๊บ ตุ๊บๆๆๆ ผลั๊ก” หินก้อนเล็กก้อนใหญ่ถูกปาเข้าใส่มือสังหารแม่นเหมือนจับวางหินหลายก้อนถูกปาเข้าที่ศรีษะใบหน้าและลำตัว “อย่า เสี่ยวเจิ้งหนีไปกันเถอะ” แต่เสี่ยวเจิ้งหาสนใจคำพูดของจงหลินไม่ มือสังหารชะงักมือยกมืออีกข้างขึ้นกุมศรีษะที่มีเลือดไหลอาบเพราะก้อนหินก้อนไม่เล็กนักจากฝีมือการปาหินของเสี่ยวเจิ้ง คราวนี้จงหลินจึงช่วยปาก้อนหินเข้าใส่มือสังหารจนหนีกระเจิดกระเจิง เสี่ยวเจิ้งวิ่งเข้าไปพยุงร่างสูงที่กำลังจะล้มลง กวานชิงอ๋องปรายตามองเสี่ยวเจิ้งก่อนที่สติจะดับวูบลงไป “ท่านอา ชิงกวานอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง” อู๋อินเฉิงก้าวขายาวๆ ด้วยความเร่งรีบยังจวนชิงกวานอ๋อง ร่างสูงวัยกลางคนนอน บนแท่นนอน มีหมอหลวงกำลังตรวจดูอาการบาดเจ็บ นางกำนัลและองค์รักษ์ต่างรายล้อม “ฝ่าบาท”ขยับกายลงจากแท่นนอนแต่อู่อินเฉิงพยุงไว้เสียก่อน “ท่านอาไม่ต้องลำบากท่านกำลัง บาดเจ็บ” “ขอบพระทัยฝ่าบาท กวานชิงอ๋องบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยไม่ได้สาหัสอะไรคมกระบี่ไม่ถูกจุดสำคัญ” “ใครกันช่างทำเรื่องร้ายแรงเพียงนี้”น้ำเสียงขุ่นเคือง “การเดินมาเพื่องานราชพิธีบวงสรวงบรรพบุรษในครั้งนี้ ข้าชิงกวานอ๋องคิดไว้แล้วว่าต้องมีผู้ปองร้าย” “ท่านอาหลานสัญญาจะสืบสวนตามหาคนที่ ลอบทำร้ายท่านอาให้จงได้” “ในครั้งนี้หากไม่ได้เสี่ยวเจิ้ง และจงหลินมาช่วยไว้ ข้าชิงกวานอ๋องคงกลายเป็นผี” “คงต้องปูนบำเน็จให้คนผู้นั้น” “ข้าชิงกวานอ๋องไร้ผู้สืบสกุลหามีบุตรชายคงจะต้องสู่ขอนางมาเป็นสะใภ้ ตอนนี้จึงทำได้เพียงนำนางมาเลี้ยงดูในตำแหน่งบุตรีบุญธรรม” อู๋อินเฉิงยิ้ม บางๆ “ดียิ่งแล้วท่านอาจะได้มีคนคอยดูแล แต่ทว่าคงต้องสืบหาชาติกำเนิดกันเสียหน่อยเกรงว่าจะเป็นคนที่ตั้งใจเข้ามา เพื่อหาผลประโยชน์เพราะท่านอาเป็นถึงชิงกวานอ๋อง” ชิงกวานอ๋อง ยิ้ม “เด็กคนนี้ ในสายตาชิงกวานอ๋องคงไม่มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว เพราะนางไม่ลังเลที่จะช่วยคนใกล้ตายเช่นข้า”

editor-pick
Dreame - ขวัญใจบรรณาธิการ

bc

เมื่อฉันแอบรักซุปตาร์นายเอกซีรีส์วาย

read
13.4K
bc

เล่ห์รักนายหัว

read
6.5K
bc

สวาทรักใต้เพลิงแค้น

read
13.8K
bc

Relazione เจ้าหัวใจสายใยรัก

read
4.0K
bc

สะใภ้ขัดดอก

read
38.9K
bc

ลุ้นรักสลับใจ

read
1K
bc

หวงรักเมียเด็ก

read
1K

สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook