4

2053 คำ
รุ่งอรุณลืมตาตื่นตั้งแต่ท้องฟ้ายังไม่มีแสงแทรกมาให้เห็น เธอนอนไม่หลับเลย มันสะดุ้งผวาทั้งคืน คงเพราะแปลกที่นั่นเอง เช้ามาคุณป้ามาลาไพรถามว่าพยัคฆ์ได้พาเธอเข้าไปดูข้างในรีสอร์ทหรือยัง พอเขาส่ายหน้า ท่านก็ติงไม่จริงจังนัก ว่าทำไมไม่พาไป ช่วงบ่ายเธอจึงต้องออกมาที่รีสอร์ทด้วยกับเขาอีกครั้ง  มาถึงแล้ว พนักงานเข้ามาแจ้งว่ามีเจ้าหน้าที่จากบริษัททัวร์ขอคุยรายละเอียดด้วยและรอที่ห้องรับรอง พยัคฆ์จึงบอกให้เด็กสาวอีกคนของรีสอร์ทพาเธอไปรอในห้องทำงานของเขา               เคียงชล ยลตะวัน จันทร์ บุปผารีสอร์ทเป็นรีสอร์ทเชิงอนุรักษ์มีเทือกเขาเป็นเบื้องหลัง รอบรีสอร์ทมีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาจนดูร่มรื่นเย็นสบาย และห้องพักแต่ห้องยังมีพูลวิลล่าให้ด้วยที่ด้านหลังของแต่ละห้อง ปิดทับส่วนที่เป็นพูลวิลล่าด้วยโครงที่ประดับด้วยพันธ์ไม้เลื้อย ช่วยบดบังสายตาได้เป็นอย่างดี ขอบด้านทิศตะวันออกของรีสอร์ทยังติดแม่น้ำอีกด้วย แม้จะเป็นฤดูแล้งแต่ยังมีน้ำไหลเอื่อยมาตลอดทั้งสายและคงไหลแบบนี้ตลอดทั้งปี เรียกได้ว่าฮวงจุ้ยที่นี่ดีทีเดียว             รุ่งอรุณนั่งรออย่างสงบเสงี่ยมภายในห้องที่พยัคฆ์เอาเธอมาปล่อยทิ้งเอาไว้ ต้องเรียกว่าเอามาปล่อยทิ้งไว้จริงๆ เพราะพอเขาออกไป ก็ไม่มีใครเข้ามาดูดำดูดีเธอเลย จึงนั่งมองไปรอบๆห้องทำงานของเขาฆ่าเวลาไปพลางๆ ขณะกำลังนั่งเหม่อคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ประตูห้องก็ถูกกระชากเปิดออก และแม่สาวเซ็กซ์ซิมโบลก็ยืนอยู่ตรงนั้น ด้วยใบหน้าฉุนเฉียวเสียด้วย พีรพรรณนั้นเมื่อมาถึง นกน้อยก็เข้ามาประจบสอพลอทันทีว่าพยัคฆ์พาหญิงสาวแปลกหน้ามารอในห้อง เธอเลยเกิดอาการหึงหวง เข้ามาดูหน้าเสียหน่อย แต่พอเห็นว่าเป็นใครก็นึกโล่งใจขึ้นมาทันที ไม่วายจิกๆกัดๆเล็กน้อยด้วยความหมั่นไส้ เพราะปกติแล้วห้องนี้เจ้าของแทบไม่เคยชวนเธอเข้ามานั่งด้วยซ้ำ เธอมาก็มักจะเฉไฉไปว่ามานวดที่สปาของรีสอร์ท เพราะไม่อยากหน้าแหกให้คนอื่นรู้ว่าพยัคฆ์ยังไม่รู้สึกกับเธอแบบเดิม แต่อีกนานนักหรอกเขาต้องกลับมาเป็นอย่างเก่า “ว่าไงคะคุณ มาสมัครงานนวดที่สปานี่ด้วยเหรอ” ทีแรกก็ไม่คิดจะใส่ใจแม่นี่นักหรอกนะ แต่พอมาพูดจายียวน เธอก็ไม่เห็นว่าจะต้องทำท่ายินยอมอะไร “รอถามคุณยักขา...เถอะค่ะ” รุ่งอรุณเลยยวนกลับไปบ้างแล้วนั่งเอนหลังพิงพนักด้วยท่วงท่าสบายๆเป็นพีรพรรณที่โกรธขึ้นมาแทนเสียอย่างนั้น “อย่าคิดนะว่ามีคุณป้าให้ท้ายแล้วจะทำแบบนี้ได้ ฉันมองดูก็รู้ว่าเธอน่ะคิดจะจับยักเหมือนกัน” เอาส่วนไหนมองเนี่ย หาว่าเธอจะจับยักขาเสียอย่างนั้น รุ่งอรุณเลยยิ้มรับให้หน่อย แล้วย้อนต่อไปอีก “เหมือนกันน่ะ เหมือนใครเหรอคะ” แล้วทำหน้าแบบสาวใสร้ายเดียงสา กอดอกบอก “แต่ว่า...รู้แบบนี้แล้วก็ดีนะ เพราะฉันก็ชักจะชอบยักขาขึ้นมาจริงๆแล้วล่ะสิ” “อย่างเธอ” พีรพรรณกอดอก ยิ้มแล้วเหยียดปากมองเธอขึ้นๆลงๆอย่างหมิ่นๆ “ยักไม่มีทางมองหรอก” บอกคล้ายว่าตัวเองเป็นต่อเสียอย่างนั้น รุ่งอรุณชักจะโกรธขึ้นมาบ้างแล้ว ยัยพีพีนี่คงถนัดนักกับการดูถูกคนอื่นจนติดเป็นนิสัย “ก็ลองดูไหมล่ะ ว่ายักขา...เค้าจะมองฉันไหม” รุ่งอรุณนึกสนุกท้าทายขึ้นบ้าง ไม่วายบลัฟต่อ “แล้วถ้าฉันจับยักขาไม่ได้จริงๆน่ะนะ ฉันจะช่วยให้คุณได้สมหวังกับยักขาเลย เอาไหมถือว่าทำเอาบุญก็ได้” “แก เดี๋ยวได้เจอฉันแน่” พีรพรรณตวาดกลับ มองอีกฝ่ายด้วยสายตามาดร้าย ทำท่าจะปราดเข้าหา รุ่งอรุณยกมือห้ามทัพเอาไว้ก่อน แล้วล้วงกระเป๋าหาอะไรบางอย่าง พอเจอเธอล้วงขึ้นมาชูดู “อ่า มีพอดีเลยห้าร้อยบาท” พูดจบเจ้าของร่างที่อวบกว่ากำหมัดเงื้อรอทำท่าจะต่อยหากอีกฝ่ายจะเข้ามา “เข้ามาเลยฉันพร้อมแล้ว แต่บอกไว้ตรงนี้ก่อนเลยนะ ว่านี่ไม่ใช่ศึกแย่งผู้ชาย เพราะฉันมีดีพอที่ไม่ต้องไปแย่งกับใคร แต่ครั้งนี้ฉันขอชกป้องกันแชมป์ อุ๊ย ป้องกันตัวไว้ก่อน มามะ” พีรพรรณชะงักแต่ก็ยังทำท่าจะเข้าไป และแล้วประตูห้องก็เปิดเข้ามาพอดี คนกลางของการต่อสู้ระหว่างสองสาวยืนหน้าเครียดขึ้งอยู่ตรงนั้น “นกน้อยพาคุณพีพีออกไปก่อน” หญิงสาวในชุดผ้าพื้นเมืองทั้งชุด เจ้าของชื่อรับคำพร้อมเข้ามาประครองพีรพรรณที่ทำท่าดิ้นเร่าๆ ให้ออกจากห้องไป รุ่งอรุณเหวี่ยงมือลง ค่อยๆปรับลมหายใจให้เป็นปกติ พยัคฆ์ยืนมองหน้าเธออยู่ตรงนั้นแล้วเขาก็พูดขึ้นยิ้มๆว่า “คิดผิดแล้วที่ไปเปิดศึกกับพีพี” “ไม่ต้องมาเตือนฉันหรอกไปบอกแฟนคุณเถอะ” แล้วเขาก็ทำหน้าตากวนๆใส่ เย้าด้วยเสียงระรื่นขึ้นว่า “ผมยังไม่มีแฟน ถ้าจะมีอีกทีก็คงจะมีเมียไปเลย และบอกไว้ก่อนเลยนะ ว่าถ้าจะจีบผมน่ะคงจีบยากสักหน่อย เพราะผมเป็นพวกรักคนยาก แต่ถ้าได้รักแล้วล่ะก็...รับรองว่ารักจริง”ประโยคท้ายเหมือนพยัคฆ์จะยืนยันถึงความจริงจังด้วยสายตาคมเข้มของเขาแถมยังพูดคล้ายขู่กลับมาอีกว่า “ได้ผมแล้วล่ะก็อย่าคิดจะทิ้งเด็ดขาด” รุ่งอรุณเบ้หน้าย้อนทันที “มาบอกฉันทำไม” “ก็ต้องบอกเอาไว้ก่อนสิ เพราะคุณเล่นบอกพีพีว่าจะจีบผมแข่งกับเขา” “ฉันเเค่...” พยัคฆ์รุกหน้าจนมาประชิดแล้วก้มหน้าลงมากระซิบกระซาบขัดคำเธอ “หรือคุณคิดแค่จะจับผมเล่นๆ” ก่อนจะพูดต่อหน้าตายว่า “แต่ต้องจับให้ได้ล่ะ ถ้าทำไม่ได้ ผมนี่แหล่ะจะจับคุณเอง” พยัคฆ์ยกมือทำท่าประกอบได้น่าเกลียดที่สุด รุ่งอรุณเผลอยกมือขึ้นกอดอกแล้วตวาดเขาเสียงเขียว “คุณ!” “อ๊ะอ๊ะ โตๆแล้ว อย่าทำเป็นพูดเล่นไปนะ ผมถือว่าคุณเอาจริงก็แล้วกัน” แล้วจู่ๆเขาก็โน้มตัวเข้ามาหาอีก จนเธอต้องเอนตัวหนีแต่สะโพกอวบๆของตัวเองไปเบียดอยู่กับโต๊ะทำงานของเขาเลยไปไหนไม่ได้อีก รุ่งอรุณจึงทำได้เพียงแค่เบี่ยงหน้าหลบ จนได้ยินเขาหัวเราะข้างหูเธอ ขนอ่อนทั่วกายลุกเกรียวไปหมดทั้งตัว แล้วก็ต้องหน้าชาเมื่อพยัคฆ์เอื้อมหยิบเอาแฟ้มบนโต๊ะสองสามอันบนนั้น จมูกเขาเฉียดแก้มเธอไปหน่อยเดียวเท่านั้น แล้วเขาก็เคาะแฟ้มบนฝ่ามือ ผิวปากอย่างอารมณ์ดีเดินจากไป ทุเรศเอ๊ย! ปล่อยให้เธอคิดมากไปได้ ว่าเขาจะทำเหมือนพวก...พระเอกในนิยาย ที่จับแล้วก็มักจะตามด้วยจูบ     หลังจากเหตุการณ์เมื่อตอนบ่าย รุ่งอรุณพ่วงอารมณ์กรุ่นๆกลับเข้าห้องพักมาด้วย เธออยากโทรไประบายให้ใครสักคนฟัง เมื่ออิงฟ้าไม่ว่างคุย เธอจึงต้องโทรหาเอกอุดม ปลายสายได้แต่ขำแล้วก็ขำ ก่อนวางสายเอกอุดมบอกว่าจะชวนอิงฟ้าแล้วพากันแวะมาเยี่ยมเธอที่นี่ แต่คงต้องเข้าพักที่รีสอร์ท เพราะเกรงใจคุณป้ามาลาไพรท่าน พอวางสายแล้ว รุ่งอรุณยืนรับลมต่อที่ระเบียงหลังห้องพัก คุณป้ามาลาไพรให้เธอแยกมาพักที่เรือนด้านหลังบ้านพักหลังนี้มีทางเชื่อมจากตัวบ้านที่คุณป้ามาลาไพรพักโดยเยื้องออกมาทางด้านเรียบคลอง ได้ยินเด็กในบ้านเรียกเรือนหลังนี้ว่า ‘เรือนเล็ก’ เรือนหลังนี้แบ่งออกเป็นห้องนอนที่มีขนาดใหญ่ทีเดียว ห้องที่เธอพักมีขนาดเป็นสองถึงสามเท่าของห้องที่เธอเช่าเอาไว้เสียอีก แถมยังมีระเบียงสองฝั่งคือทางด้านทิศเหนือของห้อง และอีกฝั่งคือทิศตะวันตก มันมองเห็นแม่น้ำที่โอบรอบผืนที่แห่งนี้เอาไว้ได้ค่อนข้างชัดเจน อากาศยามเย็นที่นี่ไม่ร้อนและไม่เย็น เรียกว่าอุณหภูมิกำลังพอเหมาะ กลิ่นดอกไม้ชนิดหนึ่งลอยตามลมเข้ามาในช่วงเวลาเย็นย่ำแบบนี้ จนเธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆให้ความหอมช่วยบำบัดอารมณ์หงุดหงิดที่มีมาตลอดบ่ายจนถึงตอนนี้ ก่อนจะยิ้มออกมา เมื่อรู้สึกว่ามันได้ผลขึ้นมาหน่อยๆ ตอนนี้รุ่งอรุณกำลังละเลียดบรรยากาศจากทางทิศเหนือ พอเหลือบตาผ่านกระจกในห้องก็มองเห็นว่าฟ้าอีกแถบของระเบียงฝั่งตะวันตกนั้นสีสวยกว่า และพระอาทิตย์ก็กำลังจะตกดินพอดี จึงเดินเข้ามาในห้องแล้วเปิดกระจกฝั่งระเบียงออกไป นึกบ่นในใจว่า ทำไมระเบียงห้องที่เธอพักถึงทำเอาไว้สูงจัง แม้จะทำลวดลายฉลุไร้คมแบบงานศิลปะแบบล้านนา แต่ก็น่าจะทำให้สูงแค่ต้นขาก็พอ นี่มันสูงเกือบถึงหน้าอกของเธอ ห้องนี้ทำเอาไว้สำหรับใครกัน แล้วยังไม่สร้างระเบียงให้ยาวติดกันกับอีกฝั่งอีก เธอจะได้ไม่ต้องเปิดเข้าเปิดออกห้อง คิดแล้วก็อดขำไม่ได้ นี่เธอแค่มาพักชั่วคราวนะไม่ได้อยู่แบบถาวร พอเปิดกระจกออกมายืนรับลมได้ไม่นาน พลัน หางตาก็เห็นว่าระเบียงห้องข้างๆมีคนออกมายืนก่อนหน้าเธอ จริงๆตอนย้ายเข้ามาเมื่อวาน เธอเห็นอยู่ว่ามีอีกห้อง แต่ก็นึกว่าคงไม่มีใครพัก เพราะไม่เห็นใครในนั้นสักคน มาตอนนี้รุ่งอรุณเลยพยายามไม่สนใจอีกฝ่าย แกล้งทำเป็นเฉยไม่มองเขา ไม่นานเธอก็ได้ยินเสียงกระป๋องหล่นกระทบพื้น ปฏิกิริยาของเธอมันเป็นไปแบบอัตโนมัติคือ หันไปดู ทันเห็นเขาเปิดอีกกระป๋องแล้วยกขึ้นจิบ สายตาคมยังจับจ้องที่เธออยู่ รุ่งอรุณเลยยืนกอดอกมองสบตากับเขา เมื่อเห็นเขามองสบมาเหมือนกำลังเล่นสงครามประสาท เธอก็เอาบ้าง ในเมื่อเขาไม่พูดอะไร แล้วทำไมเธอต้องพูดก่อนล่ะ แต่พอนึกได้ว่า ตายแล้ว! ตอนนี้เธอเหลือเสื้อกล้ามตัวเดียวนี่นา แถมมันยังเป็นผ้าสีขาวบางแบบเสื้อซับในทั่วไปที่ใช้ตอนช่วงอากาศร้อน แต่ความเคยชินที่ใส่มาประจำแถมยัง นึกไปเองว่าเธออยู่เรือนนี้คนเดียวเลยไม่ได้ระวังตัว หน้ากลมๆของเธอร้อนฉ่าขึ้นมาทันที ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะมีใครเห็นเธอสภาพนี้มาก่อน พอตั้งสติได้ รุ่งอรุณหันหลัง แล้วพยายามไม่วิ่งพรวดเข้าห้อง ทำท่าเดินกลับเหมือนชมวิวจนพอใจแล้วจึงหันหลังกลับ พอปิดกระจกบานเลื่อนเข้ามาได้ เธอกระชากผ้าม่านหนาหนักสีเขียวมิ้นต์ปิดอย่างแรงกระแทกกระทั้นตามอารมณ์เขินอายปนขุ่นมัว แล้วรีบวิ่งไปทุ่มตัวลงกับที่นอน ฟุบหน้ากับหมอน กรีดร้องจนสุดเสียง เธอรู้ว่าตัวเองกำลังอายขนาดไหน ตายักบ้า ทำไมต้องมายืนตรงนี้ด้วยนะ แล้วนี่เขาจะคิดยังไง ต้องหาว่าเธอมายืนอ่อยเขาแน่ๆ บ้า บ้า บ้า บ้าเอ๊ย ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะเรียกที่ประตูดังขึ้นทันที รุ่งอรุณเงยหน้าจากหมอนที่ซบอยู่ หัวสมองคิดไปถึงคนข้างห้องทันที อย่าบอกนะว่าเป็นเขาน่ะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม