รุ่งอรุณแหงะมองอยู่ชั่วครู่ กัดปากชั่งใจว่าจะเอาอย่างไรดี ใครมาเคาะประตูห้องเธอกันนะ แล้วมาเคาะทำไม ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆปลอบใจตัวเองว่าคงไม่น่าจะใช่เขาหรอก ว่าแล้วลุกขึ้นตรงไปที่ประตู แล้วก็ชะงักขาพลัน คิดไปว่าถ้าเป็นเขาล่ะ ก้มมองเสื้อตัวเองได้เธอเดินย้อนกลับไปหยิบเสื้อคลุมที่แขวนไว้ในตู้มาสวมทับ รูดซิบปิดจนเรียบร้อย แล้วตรงลิ่วไปเปิดประตู
เป็นพยัคฆ์จริงๆด้วย เขายืนท้าวเอวอยู่หน้าประตูห้อง เมื่อเห็นเธอเขาอมยิ้มแล้วมองที่หน้าอกของเธออย่างล้อเลียน ก่อนจะกระแอมไอ ถามออกไปเสียงขรึม
“ใครให้คุณมานอนที่ห้องนี้”
อ้าว ถามแปลกๆ เธอขอมาอยู่เองละมัง รุ่งอรุณบิดปากยิ้ม พร้อมใช้สายตามองเขากราดขึ้นๆลงๆ กวนตายักนี่สักหน่อยแก้อายเมื่อครู่นี้ดีกว่า
“ฉันขอมาอยู่เองมังคะ จะได้อยู่ใกล้ๆคุณไง ดูแล้วมันอบอุ๊บ อบอุ่น ปลอดภัยดีจัง”
“ไม่มีใครบอกเหรอว่าอย่ายั่วโมโหผู้ชายเวลาอยู่กันตามลำพังน่ะรุ่งอรุณ”
“ไม่มีค่ะ”
พยัคฆ์ส่งสายตาบางอย่างมาให้ ทำเอาเธอหน้าร้อนไปเลย ตายักคิดอะไรพิเรนทร์หรือเปล่าเนี่ย “อืม ถ้าอย่างนั้นก็ขอให้อยู่แบบอบอุ๊น อบอุ่นก็แล้วกันนะ”
เชอะ! คิดว่ารุ่งอรุณจะกลัวเหรอ ทำเป็นมาขู่พยัคฆ์ส่งสายตาท้าทายให้เธอก่อนที่เขาจะกลับออกไป
เช้ามืดอากาศเย็นลงเล็กน้อย คุณมาลาไพรนั่งจิบเครื่องดื่มอุ่นๆที่ระเบียงกับข้าเก่าสาวใหญ่ที่ชื่อดวง ทั้งสองนิ่งเงียบกันครู่หนึ่ง ก็มีเสียงทำลายความเงียบขึ้น
“ท่าทางตายักกับยัยพีพีเป็นยังไงบ้างดวง”
“ดูไม่น่าเป็นห่วงหรอกค่ะนายแม่”
“ตอนแรกฉันคิดไว้ว่าจะให้ยายรุ้งมาช่วย ตอนนี้คงไม่ต้องแล้วละมัง”
“เอามากันท่าไว้รอคุณหยาดก็ดีนะคะ เผลอไม่ได้หรอกค่ะ คุณพีพีเธอจ้องคุณยักตาเป็นมันเลยเชียว” ดวงบอกเสียงเรียบ แล้วถามอีกเรื่องด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจนัก“เอ่อ...นายแม่คะถ้าคุณยักคิดจริงจังกับหนูรุ้งขึ้นมาเล่าคะ”
“เป็นไปไม่ได้เลยแม่ดวง ฉันรู้นิสัยตายักดี ขานั้นน่ะหลงยัยพีพีแค่ไหนดวงก็เคยเห็น ส่วนยัยรุ้ง ฉันมั่นใจว่าตายักน่ะไม่มีทางคิดอะไรกับรายนั้นแน่ แล้วถ้าตายักห่างจากยัยพีพีได้แน่แล้ว หนูหยาดกลับมาจะได้ลองคบหากันดู ดีไหมความคิดฉันดวง”
ดวงลอบถอนหายใจ กลัวจะไม่เป็นแบบนายแม่คิดไว้แบบนั้นน่ะสิ ถ้าเมื่อก่อนคงพอรู้จักดีหรอกคุณยักน่ะ แต่ทุกวันนี้คุณยักไม่ได้เป็นเด็กชายพยัคฆ์แบบเมื่อก่อนอีกแล้ว จึงได้แต่ตอบรับผู้เป็นนายออกไป“ค่ะนายแม่”
พอเสียงคุยเงียบลง พยัคฆ์ก็เดินหลบออกมาอีกทางอย่างเงียบๆ นึกฉุนขึ้นมาอีกที่มาลาไพรวางแผนกับเขาเช่นนั้น แล้วตรงไปยังรถคู่กายขับออกไปยังฟาร์มโค นึกย้อนแผนผู้เป็นแม่เลี้ยงคืนอย่างใจเย็น
คุณป้ามาลาไพรอยากแวะไปดูที่รีสอร์ท ท่านว่าไม่ได้ไปดูนานแล้ว ตั้งแต่ก่อนผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพก รุ่งอรุณไม่ค่อยอยากพาไปนัก แต่ก็ห้ามไม่ได้เมื่อเห็นสีหน้าท่านดูน่าสงสารเหมือนเด็กอยากเที่ยวและผู้ปกครองไม่พาไป จึงใจอ่อนในที่สุด พาท่านขึ้นรถกอล์ฟขับลัดเลาะไปเรื่อยตามทางคอนกรีต ลมเย็นๆพัดโต้มาตลอดทาง แดดที่ดูแรงก่อนหน้าเมฆบังจนร่มครึ้มเย็นสบาย พอมาถึงก็เห็นพนักงานในรีสอร์ทเดินสวนกันไปมาวุ่นวายเลยทีเดียว คุณป้ามาลาไพรขมวดคิ้วแล้วถามพนักงานที่เดินออกมาพอดี
“เกิดอะไรขึ้นจอย”
เจ้าของชื่อเรือนร่างสูสีกับรุ่งอรุณผงะ พอเห็นว่าเป็นใครที่ถามก็หน้าเหยเกขึ้นมาทันที “เอ่อ ลูกค้าเป็นลมค่ะนายแม่”
“อ้าว เป็นได้ยังไง แล้วตอนนี้ดีขึ้นหรือยัง”
“แกเป็นความดันสูงอยู่แล้วค่ะ แต่ไม่ได้แจ้งทางเรา”
“แล้วไม่ได้เช็คลูกค้าก่อนนวดเหรอคะ” รุ่งอรุณขมวดคิ้วถามแทรกขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง
นกน้อยเดินดุ่มๆออกมารับหน้าก่อนที่จอยจะพูดอะไรต่อ “ปกติที่นี่ก็ไม่เคยมีปัญหาแบบนี้อยู่แล้วค่ะนายแม่ แต่ลูกค้าคนนี้แกอยากนวด พอเด็กซักประวัติว่ามีโรคประจำตัวอะไรไหม แกก็ว่าแกไม่เป็นอะไร แล้วอย่างนี้จะให้เราทำยังไงล่ะคะ”
“ถึงอย่างนั้นก็ต้องตรวจความดันลูกค้าทุกคน ทั้งก่อนและหลังรับบริกาเสมอนะคะ เซฟทั้งลูกค้า เซฟทั้งเราเองด้วย”
คุณป้ามาลาไพรมองสองสาวที่โต้ตอบกันไปมา นิ่งฟังอยู่ครู่แล้วถามหาพยัคฆ์ “คุณยักไปไหน แล้วนี่รู้รึยัง”
“คุณยักออกไปดูที่ฟาร์มค่ะนายแม่ เห็นสมหมายมาตามว่าคุณนวลตกลูกแล้วค่ะ”
นกน้อยรีบรายงานถึงนายหนุ่มที่เธอแอบหลงรักว่าออกไปดูควายตัวแม่ที่กำลังจะให้กำเนิดลูกน้อย
“โทรตามมาสิ บอกว่าฉันมีเรื่องจะคุยด้วย
หลังตามตัวไม่นาน พยัคฆ์ก็เดินลงจากรถจี้ปที่รุ่งอรุณเคยนั่งมาแล้ว เดินเข้ามาในห้องส่วนตัวที่มีคุณป้ามาลาไพรและรุ่งอรุณนั่งรออยู่ พอเห็นหน้าลูกเลี้ยงท่านชิงถามหน้าเครียดขึ้นก่อน
“คุณยัก รู้ข่าวเรื่องที่มีลูกค้าเป็นลมในสปาแล้วหรือยัง”
“ครับ”
“น้าว่า นกน้อยยังดูไม่ค่อยมีประสบการณ์พอจะจัดการกับปัญหายิบย่อยมากนัก ถ้าอย่างนั้น น้าจะให้ยัยรุ้งมาคอยช่วยอีกคน คุณยักว่าอย่างไร”
“ไม่ว่าไงครับ”
น่าแปลกที่พยัคฆ์ไม่ค้าน ทั้งที่คนพูดเตรียมเหตุผลเอาไว้อ้างกับลูกเลี้ยงหลายประการเลยทีเดียว ที่จะให้รุ่งอรุณมาคอยยุ่มย่ามอยู่ที่นี่ เพื่อคอยกีดกันพีรพรรณที่มักแวะมาสปาบ่อยๆ ท่านรู้ว่าแม่ตัวดีนั่นต้องการมาวอแวกับพยัคฆ์มากกว่า และหากท่านไม่หาทางจัดการอะไรสักอย่าง พยัคฆ์ก็อาจใจอ่อนและเสร็จแม่นั่นอีกจนได้ คราวก่อนนั่นถ้าท่านไม่จับได้คาหนังคาเขาแล้วขู่ให้พีรพรรณไปจากพยัคฆ์เสีย ป่านนี้ท่านคงต้องมานั่งทุกข์ระทมไปแล้ว
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยทั้งหมดก็พากันกลับมากินมื้อเที่ยงด้วยกัน และเป็นอันตกลงว่าเธอจะมาช่วยดูที่สปาโดยจะมาพร้อมพยัคฆ์ และกลับพร้อมเขาในทุกวันทำการ
หลังจากนั้นอีกเกือบสัปดาห์ที่รุ่งอรุณเข้าไปช่วยในส่วนของสปาที่รีสอร์ททุกอย่างก็ดูสงบราบรื่นดี ในช่วงบ่ายคล้อยของวันนี้เอง สาวๆในบ้านพาดี๊ด๊ากันใหญ่ แล้วรุ่งอรุณก็รู้คำตอบในเวลาถัดมาว่า
“เย็นนี้จะมีงานเลี้ยงที่ไร่ค่ะ”
รุ่งอรุณพยักหน้า ขณะมองดูคนงานหอบหญ้าที่ตัดรอบบ้านขึ้นท้ายรถกระบะ ตอบรับอย่างเซ็งๆ เพราะเธอเหมือนจะหงุดหงิดกับอาหารที่นี่ที่ทั้งจืดชืดไม่ถูกปากเอาเสียเลย จนคิดเข้าข้างตัวเองไปว่ามันทำให้เรี่ยวแรงและอารมณ์ของเธอถดถอยลงมาด้วย
“อ้อ เหรอ”
“เดี๋ยวคืนนี้ไปด้วยนะรุ้ง”
คุณป้ามาลาไพรเดินออกมาที่ระเบียงบ้านพอดี ชวนขึ้น รุ่งอรุณยิ้มแล้วตอบรับทันที
“ค่ะคุณป้า”
งานเลี้ยงที่ไร่จัดขึ้นนั้น คล้ายงานเลี้ยงประจำปีทั่วไป มีเลี้ยงหลากหลายที่พอจะทำให้รุ่งอรุณยิ้มออกมาได้บ้าง เมื่อได้ลิ้มรสอาหารในแบบที่เธอชอบ ทั้งยังมีการแสดงของลูกหลานคนงานและวงดนตรีของคนงานสร้างความครึกครื้นไปได้อีก
พีรพรรณมาร่วมงานนี้ด้วยกับชายหนุ่มคนหนึ่งรูปร่างหน้าตาดีทีเดียว ซึ่งเธอมารู้ภายหลังว่านั่นคือพี่ชายของพีรพรรณ ชื่อพีรพัฒน์
ชายหนุ่มส่งยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร น้องสาวอย่างพีรพรรณมองตาพี่ชายก็รู้ในทันทีว่าคงสนใจยัยเนื้อนมไข่นี้เข้าให้แล้ว พีรพรรณนึกหมิ่นในใจ สวยรึก็ไม่ หุ่นก็ไม่ได้ดีเท่าเธอ เรื่องอย่างนี้ว่ากันได้ที่ไหนลางเนื้อชอบลางยา อย่างนี้แล้วจะรออะไร จึงเดินคล้องแขนพี่ชายเข้าไปหาคุณป้ามาลาไพรที่มีรุ่งอรุณนั่งอยู่ด้วย
“สวัสดีค่ะคุณป้า”
คุณป้ามาลาไพรกำลังนั่งชมบรรยากาศที่มีเด็กลูกหลานคนงานแสดงอยู่อย่างสนุกสนานชะงักไปทันทีที่เห็นสองพี่น้อง ท่านทักทายพีรพัฒน์ตามมารยาท เพราะฝ่ายนั้นเป็นอดีตนักการเมืองท้องถิ่นที่เคยมีผลงานดีดีหลายอย่าง และกำลังอยู่ในการสร้างรีสอร์ทครบวงจรที่ได้ยินมาว่าจะมีกิจกรรมกลางแจ้งหลากหลาย เช่น ปีนผา รถเอทีวีตะลุยป่า สกีบก เก้าอี้ลอยฟ้า โรยตัว ทั้งยังจะมีสวนน้ำพร้อมเครื่องเล่นหลากหลายไว้ดึงดูดนักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัยอีกด้วย พอคุยได้ครู่ พีรพรรณก็แนะนำเธอกับพี่ชายให้ได้รู้จักกัน จงใจแสดงออกให้อีกฝ่ายดูด้อยกว่าอย่างชัดเจน
“นี่ยัย...เอ่อ รุ้งอนันต์ค่ะพี่พัฒน์”
“น้องชื่อรุ่งอรุณจ้ะ” คุณป้ามาลาไพรยิ้มแล้วแก้ไขชื่อให้ด้วยสายตามีแววตำหนิ
“อ้อ ค่ะ พีพีนี่แย่จัง จำชื่อคนไม่ค่อยเก่ง คงไม่ถือสากันหรอกนะคะ”
รุ่งอรุณไหว้อีกฝ่าย เมื่อพีรพัฒน์มองมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มตามแบบคนอัธยาศัยดี แล้วนั่งลงที่เก้าอี้ข้างตัวชวนคุยด้วยอย่างคนเจนสังคม
“ใช่ที่เป็นนักกายภาพใช่ไหมครับ โอ น่าสนใจ”
รุ่งอรุณยิ้มรับ
“พอดีว่าผมมีโครงการจะทำสปาในรีสอร์ทเหมือนกัน คืออยากให้ครบวงจรน่ะครับ จะรบกวนคุณรุ้งบ้างได้ไหมครับ หากว่า...” ยังสาธยายไม่จบ คนน้องก็ขัดขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มๆแบบดูถูก
“เอาไว้คุมพวกหมอนวดเหรอคะพี่พัฒน์”
รุ่งอรุณยิ้มเนือยๆ ยัยพีพีนี่เริ่มเปิดศึกกับเธออีกแล้ว แต่หญิงสาวก็ตอบปฏิเสธออกไปอย่างสุภาพว่า
“รุ้งไม่ค่อยถนัดงานด้านสปาค่ะ”
“แล้วที่เสนอตัวขอไปดูแลสปาของยักล่ะ ถนัดเหรอจ้ะ หรือว่าถนัดอย่างอื่นมากกว่า...ยักขา”
พีรพรรณแขวะเธอเสร็จ ท้ายประโยคตะโกนเรียพยัคฆ์ที่เดินแวบผ่านไปอีกทาง เมื่อได้ยินเสียงเรียกของ พีรพรรณ หญิงสาวฮึดฮัดก่อนจะรีบลุกแล้วเดินตามออกไป
หลังจากนั้นพีรพัฒน์ก็สอบถามเรื่องสุขภาพของคุณป้ามาลาไพรและของพายัพที่ยังนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนในเมืองโดยว่าจ้างพยาบาลให้ดูแล และพยัคฆ์จะเข้าไปดูแลทุกเดือนตามแต่จะปลีกตัวไปได้เพราะทั้งงานในฟาร์มและงานในรีสอร์ทรัดตัวแทบไปไหนลำบาก แม้จะไม่ใหญ่โตแต่ก็ทำเอาเจ้าตัวแทบไม่มีเวลาเท่าไรนัก
แล้วรุ่งอรุณก็เลยนั่งเงียบฟังอย่างเบื่อๆ เด็กหนุ่มที่คอยทำงานในไร่คนหนึ่งวนๆเวียนๆมาแถวที่เธอนั่ง คอยบริการและป้วนเปี้ยนจนเธออดเอี้ยวตัวมามองแล้วย้ายมานั่งด้วยไม่ได้ เมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งยังโต๊ะอีกตัวทางด้านหลัง เธอนึกอยากชวนอีกฝ่ายคุย เพราะเบื่อที่ต้องนั่งเงียบๆคนเดียว
แต่พอได้จังหวะเด็กหนุ่มก็เลียบๆเคียงๆถามเธอขึ้นก่อน
“คุณใช่หมอรุ้งไหมครับ” รุ่งอรุณกำลังจะอ้าปากพูด อีกฝ่ายก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน เหมือนรู้อยู่แล้วว่าเธอเป็นใคร แต่คงถามตามมารยาทไปอย่างนั้น “สมมุตินะครับ สมมุติมะเดี่ยวอยากมีกล้ามแบบนาย มะเดี่ยวต้องออกกำลังท่าไหนครับ”
“ฉันไม่ใช่หมอ ถ้าไม่รู้จะเรียกว่าอะไรเรียกพี่รุ้งก็ได้”
รุ่งอรุณชี้ไปที่ขวดแก้วบรรจุน้ำอัดลมบนโต๊ะ พยักหน้าให้อีกฝ่ายหยิบมา
“เอาขวดนั่นมา เดี๋ยวบอกให้” ว่าแล้วรุ่งอรุณก็สาธิตท่าออกกำลังเฉพาะส่วนให้เด็กหนุ่มดู
มะเดี่ยวจดๆจ้องๆอย่างมีสมาธิพอแนะนำพูดคุยกันจนจบก็ถามด้วยสีหน้ากริ่งเกรงขึ้นว่า “พี่รุ้งดื่มไหมครับ”
“อะไร เหล้าเหรอ”
“สาโทครับ”
รุ่งอรุณยิ้มพยักหน้า ลองดูก็ดี “เอามาสิ” มะเดี่ยวยิ้มถูมือไปมา แล้วขอตัวไปด้านในครัวไม่นานก็เดินถือไหออกมาใบหน้าทะเล้นขึ้นมาทันที
มะเดี่ยวโวว่านี่คือสาโทสูตรเฉพาะของที่นี่ ก่อนจะรินใส่แก้วยื่นให้รุ่งอรุณรับมาดมก่อนชม
“อืม กลิ่นใช้ได้เลยนะเนี่ย”
“ดื่มเลยครับ รับรองอร่อย”
รุ่งอรุณยกขึ้นจิบๆก่อนจะยิ้มแล้วยกเทพรวดเดียวหมดแก้ว
มะเดี่ยวตาโตทันทีเมื่อเห็นอย่างนั้น
“รสชาติดีเลยนะเนี่ย ใครทำเหรอมะเดี่ยว แล้วเขาทำยังไง”
มะเดี่ยวยิ้มอย่างภูมิใจ ไม่ยอมบอกว่าใครทำ แล้วอธิบายวิธีทำให้เทรนเนอร์ส่วนตัว พอหมดไหที่สาม รุ่งอรุณก็ยิ้มตาเยิ้มขึ้นมาทันที
“พี่รุ้งดื่มเยอะไปแล้วนะครับ มะเดี่ยวว่าพอเถอะครับ”
“หมดไหนี้แล้วพี่จะพอ เคมั้ยเดี่ยว” รุ่งอรุณได้ยินเสียงตัวเองตอบอ้อแอ้ออกไป มะเดี่ยวพยักหน้าแล้วลอบถอนหายใจ
คุณป้ามาลาไพรกลับไปแล้ว พีรพรรณกับพยัคฆ์ก็หายไปตั้งแต่วิ่งตามกันออกไป ส่วนพีรพัฒน์ขอกลับหลังรับสายเรียกเข้า แล้วหลังจากคุณป้ามาลาไพรเดินขึ้นบ้าน รุ่งอรุณมองคนในงานที่หร่อยหรอลงไปเรื่อยๆก็พยักหน้าบอกตัวเอง ว่าให้กลับห้องของตนเองบ้างดีกว่า เธอพยุงตัวเองลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก แต่แปลกใจที่ตัวเองไม่ล้มลุกคลุกคลานกลับห้องให้คนอื่นมาสมเพช คล้ายกับว่ามีใครมาพาเธอเดิน แถมยังใจเด็ดไม่นึกกลัวว่าใครจะพาไปทำมิดีมร้าย ผู้หญิงแบบเธอไปที่ไหนก็หมดห่วงรับรองได้เจ้าตัวหัวเราะ เเล้วก็ได้ยินเสียงตัวเองคุยอะไรไปเรื่อยเปื่อยพร้อมแรงพยุงที่คงออกแรงอย่างหนักมาส่งถึงจุดหมาย พอหัวถึงหมอน รุ่งอรุณหลับตาลงทันที หัวหมุนจนต้องขมวดคิ้วในความแรงของสาโท ท้องพยายามจะขย้อนของข้างในออกแต่เธอก็ขืนเอาไว้เพราะเสียดายอาหารที่กินลงไปอย่างเอาเป็นเอาตาย
สติสุดท้ายบอกตัวเองว่าน้ำยังไม่ได้อาบเลยนะ แต่มันลุกไม่ไหวจริงๆ เธอเมามากเกินไป พรุ่งนี้ก็แล้วกันเธอจะลุกไปอาบให้สะอาดแต่เช้าเลย
แล้วสติของเธอก็ดับวูบลงเหมือนกับโทรทัศน์ที่ถูกถอดปลั้กออกไปในนาทีนั้นเอง
เสียงนกร้องแจ่ก แจ่ก ที่ริมหน้าต่างเหมือนเคยปลุกรุ่งอรุณให้ลืมตาตื่นขึ้นมา แต่ให้ตายเถอะ เมื่อคืนเธอดื่มอะไรลงไปบ้าง เช้ามาถึงได้ปวดหัวถึงขนาดนี้ เธอถอนหายใจแล้วพลิกตัวไปมาก็ชนเข้ากับอะไรแข็งๆตรงฝั่งซ้ายของที่นอน
แล้วนี่เธอนอนบนเตียง ในห้องใครล่ะเนี่ย
เสียงเรียกที่หน้าประตูดังขึ้น คล้ายเรียกชื่อว่าอะไร ยัก ยัก รุ่งอรุณขยับตัวเล็กน้อยบนที่นอน
“คุณยัก เปิดประตูหน่อย”
ยักเหรอ นี่มันห้องตายักเขี้ยวใหญ่เหรอ เธอมาอยู่ห้องเขาได้อย่างไรกัน ว่าแล้วก็หันมามองที่ข้างๆ เจ้าของชื่อตื่นแล้ว ให้ตายเถอะ เขาไม่สวมเสื้อนอนด้วยเลยเห็นแผงอกสีน้ำตาลอ่อนเต็มๆสองตา พยัคฆ์เองก็หรี่ตามองเธอเช่น เขาเปิดผ้าที่ห่มคลุมลำตัวออก แล้วโน้มหน้ามามองให้มั่นใจว่าที่เขาเห็นไม่ใช่ภาพลวงตา
แต่ไม่ทันได้คิดอะไรต่อ ประตูก็เปิดผลัวะออกมา
ภาพที่เห็นเลยกลายเป็นว่า พยัคฆ์หน้าชิดอยู่กับเธอจนเหมือนกับจะ...จู
“อะไรกันเนี่ย ยัยรุ้ง คุณยัก”