คนนี้แม่ปลื้ม

1886 คำ
“แม่ครับ” เพชรน้ำหนึ่งที่กำลังวุ่นอยู่กับการเก็บร้าน หยุดชะงักทันทีที่ได้ยินเสียงนุ่มทุ้มของใครบางคน นางค่อยๆ หันไปมองอย่างช้าๆ ด้วยกลัวว่าคนคนนั้นจะไม่ใช่คนที่คิด “เฉินหมิง..” พลันน้ำใสก็ไหลออกมาเอ่อคลอหน่วยตาของหญิงวัยกลางคน เพชรน้ำหนึ่งรีบทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังทำอยู่ตรงหน้า นางวิ่งเข้าไปหาลูกชายเพียงคนเดียวแล้วสวมกอดชายหนุ่มทันที “ฮือๆ คิดถึงเหลือเกิน ลูกมาได้ยังไง สบายดีไหม แล้วนี่กินอะไรมาหรือยัง” ชายหนุ่มโอบกอดมารดา แม้ว่าวันนี้เขาจะไม่ใช่เด็กน้อยเหมือนอย่างวันวาน แต่ความรู้สึกยามที่ได้กอดผู้หญิงคนนี้ มันก็ไม่แตกต่างกันเลยสักนิด อ้อมกอดของแม่อบอุ่นไม่เปลี่ยนแปลง “ดูเหมือนว่าคุณแม่ของบอสจะชอบคุณมะปรางเธอมากเลยนะครับ คงอยากได้มาเป็นลูกสะใภ้” คาร์ลเอ่ยปากพูดในสิ่งที่ใจคิด เฉินหมิงที่กำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศยามเย็นริมแม่น้ำ สายลม แสงแดดอ่อนๆ และวิถีชีวิตของชาวบ้าน หันหลังไปมองคนปากพล่อยด้วยสายตาไม่พอใจ “แกจะพูดเรื่องนี้ทำไมวะ คนกำลังอารมณ์ดีๆ จะบอกอะไรให้นะ แม่มีฉันเป็นลูกชายคนเดียว ถึงฉันจะอยากทำตัวเป็นลูกกตัญญู แต่ฉันไม่มีวันยอมตามใจแม่โดยการเอายัยเด็กนั่นทำเมียเด็ดขาด” เขายืนยันหนักแน่น “ไม่ลองดูหน่อยเหรอครับบอส คุณมะปรางเธอทั้งสวย ทั้งน่ารัก วัยอย่างเราๆ อยู่กับสาวอายุยี่สิบกว่า คงกระชุ่มกระชวยหัวใจน่าดู อีกอย่าง.. คุณป้าเองก็ไฟเขียวขนาดนี้แล้ว” คาร์ลยังเย้าเจ้านายไม่เลิก “เฮอะ! แค่คิดยังสยอง ขืนเอามาทำเมีย คงด่าฉันเช้าด่าฉันเย็น” คำพูดของเฉินหมิงดูย้อนแย้งกับการกระทำจนคาร์ลไม่อาจเชื่อในสิ่งที่เจ้านายพูดได้ “บอสดูมั่นใจจังเลยนะครับว่าจะไม่มีทางหวั่นไหวกับผู้หญิงคนนี้” เฉินหมิงเหลือบมองเจ้าของประโยคเมื่อครู่ “นายพูดเหมือนไม่เชื่อฉัน” “ถ้าจะให้พูดกันตรงๆ ก็ประมาณนั้นแหละครับ” “งั้นมาลองดูกันไหมล่ะ” เฉินหมิงยิ้มเจ้าเล่ห์ คิ้วเข้มของคาร์ลเลิกขึ้นเล็กน้อย “บอสจะทำอะไร” “ฉันจะทำให้นายเห็นว่าต่อให้ยัยนั่นมาแก้ผ้าต่อหน้า ฉันก็ไม่มีทางหวั่นไหวเด็ดขาด” “หมายความว่าบอสจะ..” เฉินหมิงนึกสนุก “ฉันจะลองจีบยัยมะปรางดู อยากรู้เหมือนกันว่าไอ้ที่ปากประกาศปาวๆ ว่าเกลียดฉัน จริงๆ แล้วจะใจแข็งได้สักกี่น้ำ” ชายหนุ่ม นึกถึงใบหน้าหวานหยดย้อยแล้วแสยะยิ้ม “เฮอะ! ก็แค่เด็กเมื่อวานซืน” “ทีละคำถามก็ได้ครับแม่ ผมยังอยู่ให้แม่ถามอีกนาน” สิบกว่าปีที่สองแม่ลูกไม่ได้พบหน้ากัน แม้ว่าร่างกายของเพชรน้ำหนึ่งจะแปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลาที่ล่วงเลยไป แต่สำหรับเฉินหมิงแล้ว มารดาของเขายังคงงดงามที่สุดเสมอ “ลูกหมายความว่าไง จะกลับมาอยู่ไทยเหรอ แล้วพ่อล่ะ” “พ่อเสียแล้วครับ ท่านจากไปช่วงปลายปีที่แล้ว ผมเลยย้ายฐานการผลิตใหญ่จากฮ่องกงมาที่ไทย ผมอยากกลับมาอยู่กับแม่” แม้ไม่ได้รัก แต่เมื่อรู้ข่าวว่าพ่อของลูกจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ เพชรน้ำหนึ่งก็อดใจหายไม่ได้เหมือนกัน “พ่อเขาไปสบายไหมลูก” “ครับ ไม่เจ็บไม่ปวดใดๆ ทั้งสิ้น” เพชรน้ำหนึ่งพยักหน้าแล้วแย้มรอยยิ้มบางเบา “มีพบก็ย่อมมีจาก เกิด แก่ เจ็บ ตาย แม้เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต แต่ก็อดใจหายไม่ได้ แม่เสียใจด้วยนะ” “ครับ แล้วแม่ล่ะ สบายดีมั้ย?” เขามองสำรวจมารดาก่อนจะมองไปรอบร้านกาแฟ “ร้านสวยดีนะครับ” “แม่สบายดี ก็ใช้ชีวิตอยู่แบบนี้แหละ ตอนเช้าเปิดร้าน เย็นๆ หน่อยก็ปิดแล้ว” แม้ดวงตาจะพร่ามัวด้วยว่ามีม่านน้ำตาบดบัง แต่กระนั้นเพชรน้ำหนึ่งก็ยังมองเห็นใบหน้าลูกชายของนางอย่างชัดเจน จากเด็กหนุ่มมัธยมศึกษาตอนปลายที่เดินออกจากบ้านไปพร้อมเฉินเซี่ยวหยงในวันนั้น วันนี้กลายเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่กำยำดูภูมิฐานและหล่อเหลา “เฉินหมิงเปลี่ยนไปจนแม่แทบจำไม่ได้” นางเอื้อมมือไปจับใบหน้าลูกชาย “หล่อเหมือนพ่อสมัยหนุ่มๆ ไม่มีผิด” “แต่แม่ไม่เปลี่ยนเลยนะครับ ยังสวยเหมือนเดิม” หญิงงามวัยกลางคนยิ้มแก้มปริเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ปากหวานจัง แล้วนั่นใคร เพื่อนลูกเหรอ” นางหันไปมองชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเฉินหมิง คาร์ลยกมือไหว้มารดาของผู้เป็นนาย “สวัสดีครับ ผมเป็น เลขาฯ ของบอสน่ะครับ” “อ๋อจ้ะ แล้วนี่จะรีบไปไหนกันต่อหรือเปล่า แล้วลูกพักที่ไหน บริษัทอยู่ไกลไหม ถ้าไม่ไกลมากก็ย้ายกลับมาอยู่บ้านเราสิลูก” นางดีใจเหลือเกินที่วันนี้เฉินหมิงกลับมา ตั้งแต่วันที่เฉินเซี่ยวหยงมาพาตัวเฉินหมิงไป เราสองแม่ลูกก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย นางเพียรพยายามส่งจดหมายหาลูกชายนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับใดๆ ทั้งสิ้น จึงทำได้เพียงถามข่าวคราวของชายหนุ่มผ่านเฉินเซี่ยวหยงเท่านั้น “ไม่ไกลมากหรอกครับแม่ อยู่แถวสาทร ถ้ารถไม่ติดก็ขับรถแป๊บเดียว แต่ช่วงนี้ผมออกไปดินเนอร์กับลูกค้าทุกวัน กลัวว่าถ้ากลับดึกจะรบกวนแม่เปล่าๆ เอาอย่างนี้ไหมครับ ถ้าวันไหนผมว่าง ผมจะแวะมานอนค้างที่บ้านเรา” เพียงแค่นี้เพชรน้ำหนึ่งก็ดีใจมากแล้ว สิบกว่าปีที่จากกัน ไม่มีวันไหนที่หัวใจของคนเป็นแม่จะว่างเว้นจากการห่วงหาและคะนึงถึงลูกชายตัวเอง “เอาตามนั้นก็ได้ลูก แต่วันนี้ทั้งสองคนอยู่กินกับข้าวฝีมือแม่ก่อนนะ แม่จะรีบเข้าครัวทำอาหารเดี๋ยวนี้แหละ” เฉินหมิงพยักหน้า “ได้สิครับ ให้ผมช่วยนะ” “จ้ะ ได้สิจ๊ะ” สองแม่ลูกรับประทานอาหารพลางพูดคุยถามไถ่ความเป็นไปของชีวิตแต่ละคน แม้ว่าบางเรื่องราวจะดูเศร้าบ้าง แต่กระนั้นก็ไม่สามารถทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของคนทั้งคู่จางหายไปเลยสักนิด “ถ้าธุรกิจไม่มีปัญหา แม่ก็อยากให้อาเฉินย้ายกลับมาอยู่ไทย มาอยู่บ้านเรา” ตอนนั้นที่เพชรน้ำหนึ่งตัดสินใจให้เฉินเซี่ยวหยงพาเฉินหมิงไป เพราะอยากให้ลูกมีอนาคตที่ดี แม้ว่านางจะเป็นภรรยาคนแรกของเฉินเซี่ยวหยงก็จริง แต่พ่อของเฉินหมิงก็ไม่ส่งเสียเลี้ยงดูเพราะโกรธที่ถูกปฏิเสธความรัก นางอาศัยขายข้าวแกงเลี้ยงตัวเองและลูกชาย ถึงไม่ได้ลำบากมากมาย แต่ก็ไม่ได้สุขสบายนัก “ครับแม่ แล้วแม่เปิดร้านกาแฟมานานหรือยัง” เขารวบช้อนแล้วหยิบแก้วน้ำขึ้นดื่ม “หอมจังครับแม่ แม่ใส่อะไรลงไปในน้ำเหรอ” “น้ำใบเตยจ้ะ หอมสดชื่น แม่ทำไว้ให้ลูกค้าที่ร้านแล้วก็ทำดื่มเองนี่แหละ” เฉินหมิงพยักหน้า “อ๋อครับ มีของดีอย่างนี้ สงสัยผมคงต้องมาเป็นลูกค้าประจำร้านคุณนายบัวซะแล้ว” เขาพูดเอาใจมารดาพลางยิ้มตาหยี “ก็ดีสิ แต่ถึงจะเป็นลูกแม่ก็ตีเนียนกินฟรีไม่ได้นะ ต้องช่วยงานที่ร้านด้วย” พลันเพชรน้ำหนึ่งก็นึกถึงใครบางคนขึ้นมา “วันนี้แม่พึ่งรับพนักงานใหม่ หน้าตาน่ารักเชียว นิสัยดี หนูมะปรางเขาพึ่งเรียนจบด้วยนะ วัยกำลังไฟแรง” บอสและมือขวาหันมองหน้ากันโดยพลัน เฉินหมิงนั้นดวงตาเบิกโพลง ส่วนคาร์ลยิ้มทะเล้นเมื่อเห็นท่าทางของเจ้านายหนุ่ม “เหรอครับ” เฉินหมิงใช้ช้อนตักบัวลอยที่เด็กรับใช้ในบ้านนำมาให้เข้าปาก เขาทำเหมือนรับฟังผ่านๆ ไม่สนใจเรื่องของพนักงานสาวประจำร้านที่ชื่อมะปราง แต่ทว่าก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายตอนนี้เต้นรัวไม่เป็นส่ำอย่างหาสาเหตุไม่ได้ เป็นบ้าอะไรของแกวะ! เขารู้สึกหงุดหงิดที่ตัวเองเป็นเช่นนี้ มันเป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุม “หน้าตาจิ้มลิ้ม น่ารักสมวัย แม่ชอบแววตาของเด็กคนนี้ ดูมุ่งมั่น แน่วแน่ เหมือนดวงตาอาเฉินของแม่” นางมองสบตาลูกชายแล้วยิ้ม “ไม่แน่นะ ถ้าลูกได้รู้จักหนูมะปราง ลูกอาจจะชอบเธอเหมือนที่แม่ชอบก็ได้” “อะแฮ่กๆ” คาร์ลถึงกับสำลักเมื่อได้ยินที่เพชรน้ำหนึ่งพูดเมื่อครู่ “ขอโทษครับ สงสัยผมรีบกินไปหน่อย” เขาเหลือบมองเจ้านายแล้วอมยิ้ม เพียงแค่เห็นสายตาที่คาร์ลมองมา เขาก็รู้แล้วว่าไอ้บ้านั่นกำลังคิดอะไรอยู่ ไม่มีทาง! มันเป็นไปไม่ได้! จ้างให้เขาก็ไม่มีวันตกหลุมรักปารวตี เฉินหมิงพ่นลมหายใจเสียงดัง เขาทำท่าฮึดฮัดอย่างลืมตัว “อาเฉินเป็นอะไรลูก” “เปล่าครับ ผมคงยังไม่ชินกับอาหารรสจัด” เขาจำต้องโกหกมารดา ก็ใครมันจะกล้าบอกล่ะว่าตัวเองกำลังโมโหที่ไม่สามารถควบคุมหัวใจไม่ให้สั่นไหวยามที่แม่พูดเรื่องผู้หญิงที่ชื่อปารวตี “บัวลอยมันเผ็ดเหรอลูก” นางมองขนมหวานที่ชายหนุ่มกำลังตักเข้าปากแล้วเอ่ยถามอย่างนึกสงสัย คาร์ลแทบจะยืนขึ้นแล้วระเบิดเสียงหัวเราะ แต่เขาจำเป็นต้องพยายามอดกลั้นเอาไว้แล้วแก้ตัวแทนเจ้านาย “ต้มยำกุ้งฝีมือคุณป้าคงอร่อยถูกปากบอสมากล่ะมั้งครับ เลยกินเยอะไปหน่อย ดูสิครับ เผ็ดจนหูแดง เอ๊ย! ปากแดงเจ่อเลย” ไอ้!.. คาร์ล เฉินหมิงมองลูกน้องของตนด้วยสายตาคาดโทษ “งั้นเหรอลูก กินบ่อยๆ ลิ้นก็คงคุ้นกับรสชาติอาหารไทย แล้ววันนี้ทั้งสองคนมีธุระที่ไหนกันต่อหรือเปล่า” “ไม่มีครับ ผมตั้งใจว่าจะขอนอนกับแม่สักคืน” เขาหันไปตอบมารดาแล้วเหลือบตามองคาร์ล “แกล่ะ?” “ผมคงต้องขออนุญาตกลับคอนโดฯ ครับบอส” “พรุ่งนี้ฉันมีอะไรด่วนหรือสำคัญไหม” ด้วยว่าเหม่ยอิงซึ่งเป็นเลขานุการส่วนตัวของเฉินหมิงลาออกกะทันหัน เพราะต้องไปดูแลแม่ที่ป่วยหนัก คาร์ลจึงต้องทำหน้าที่เลขานุการของท่านประธานระหว่างหาคนมาทำงานตำแหน่งนี้ “ผมเช็กตารางงานให้แล้ว พรุ่งนี้ไม่มีอะไรด่วนครับ แต่ช่วงเย็นมีนัดดินเนอร์กับคู่ค้าชาวญี่ปุ่นหนึ่งทุ่มตรงที่โรงแรม.. Xx ครับ” “งั้นตอนกลางวันผมอยู่ช่วยแม่ที่ร้านกาแฟนะ” เพชรน้ำหนึ่งพยักหน้า “ดีสิจ๊ะ แม่ดีใจจัง มีลูกมือเพิ่มมาอีกหนึ่งคน”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม