ผู้ชายในคืนนั้น 3

2333 คำ
ดวงตากลมโตเพ่งมองรูปถ่ายที่โชว์หรา บนหน้าจอสมาร์ตโฟนอย่างไม่ละสายตา ภาพงานวิวาห์หวานชื่นของอดีตแฟนหนุ่มทำให้บาดแผลที่เริ่มหายดีเพราะถูกเยียวยาด้วยเวลาที่ผันผ่าน วันนี้มันเจ็บแปลบขึ้นมาอีกครั้ง ‘พี่รักปรางมาก แต่งงานกับพี่นะ’ ปารวตียื่นมือข้างซ้ายให้ชายคนรักของเธอสวมแหวนให้อย่างไม่ลังเล เจ้าหล่อนมั่นใจเหลือเกินว่าเราทั้งคู่เกิดมาเพื่อกันและกัน และรักครั้งนี้จะอยู่ชั่วนิจนิรันดร์ตราบสิ้นลมหายใจ ‘ปรางก็รักพี่หนุ่มนะ’ แต่สุดท้าย.. สิ่งที่ปารวตีฝันไว้ก็พังทลายไปต่อหน้าต่อตา เมื่อรู้ว่าอดีตชายคนรักทำผู้หญิงอีกคนท้อง ความจริงที่ว่าวันนี้เขามีใหม่แล้ว ยังไม่ทำให้หัวใจดวงน้อยของเธอเจ็บปวดได้เท่ากับความทรงจำที่มีแต่เรื่องราวดีๆ ที่ครั้งหนึ่งเราสองคนเคยมีความสุขด้วยกัน เนิ่นนานนับชั่วโมงที่ปารวตีปล่อยให้ตัวเองจมดิ่งอยู่กับความทุกข์ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองกรอบรูปอันใหญ่ที่มีรูปถ่ายเธอกับแม่แล้วฉุกคิดได้ว่าควรจะทำอะไรสักอย่างที่ทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้นกว่านี้ ไม่ใช่มานั่งท้อแท้ใจร้องไห้ขี้มูกโป่งอย่างที่กำลังเป็น เพราะเธอยังมีคนข้างหลัง.. สมาร์ตโฟนเครื่องบางที่วางอยู่บนเตียงนุ่ม ถูกปารวตีหยิบขึ้นมาก่อนที่เจ้าหล่อนจะต่อสายหาใครบางคน ‘ว่าไงลูก’ เสียงหวานนุ่มดังมาตามสายสนทนา ‘แม่ทำอะไรอยู่ คิดถึงจัง’ ‘ทำอาหารให้ตา แม่ก็คิดถึงหนู กลับบ้านเรามั้ยลูก’ เธอพยายามกลั้นเสียงสะอื้นไม่ให้เล็ดลอดออกมา ‘จ้ะแม่ ไว้หนูลางานได้แล้วจะกลับไปหาแม่นะจ๊ะ’ ‘ทำงานเป็นยังไงบ้าง เหนื่อยมั้ย เจ้านายหนูใจดีหรือเปล่าจ๊ะ’ ตอนนี้แม่เข้าใจว่าเธอได้งานทำเป็นหลักเป็นแหล่งแล้ว ปารวตีอดสูเหลือเกินที่ต้องโกหกวีรินทร์เช่นนี้ ‘ก็.. โอเคค่ะแม่’ เจ้าหล่อนกลั้นใจตอบคำถามมารดาออกไป ‘ดีแล้วล่ะลูก ตั้งใจทำงานนะ งานสมัยนี้หายาก เราได้งานแล้วก็รักษาไว้ดีๆ อย่าทำให้เจ้านายตำหนิได้’ ‘ค่ะแม่ หนูรักแม่นะ’ ‘แม่ก็รักหนูนะลูก สู้ๆ ไม่ว่าจะเจอกับปัญหาอะไร หนูยังมีแม่อยู่ตรงนี้ แม่จะคอยเป็นกำลังใจให้หนูเสมอ’ หลังวางสายจากวีรินทร์ น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ก็ไหลหลั่งออกมาราวกับว่าทำนบกั้นน้ำแตก “สู้สิวะปราง สู้เพื่อแม่” หญิงสาวยกมือขึ้นปาดน้ำตาแล้วลุกขึ้น เจ้าหล่อนคว้าผ้าเช็ดตัวก่อนจะเดินตรงไปยังห้องน้ำ “พอกันทีกับชีวิตเน่าๆ วันนี้ฉันจะออกไปหางานทำ จะเลิกฟุ้งซ่านกับเรื่องความรักบ้าบอที่ไม่ได้ช่วยให้ตัวเองมีข้าวกิน” โชคดีที่วันนี้มีสองบริษัทนัดเธอไปสัมภาษณ์งาน แม้มีความหวังเพียงริบหรี่เพราะคู่แข่งแต่ละคนต่างมีคุณสมบัติดีๆ กันทั้งนั้น แต่ปารวตีคิดว่าก็ยังดีกว่าไม่มีความหวัง หญิงสาวยังรอแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ แม้ไม่รู้ว่าเธอจะได้พานพบเมื่อไหร่ก็ตาม รับสมัครงาน สองเท้าที่ก้าวเดินพลันหยุดชะงัก เมื่อดวงตากระทบกับข้อความที่เขียนติดไว้หน้าร้านกาแฟริมน้ำ ปารวตีเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วอ่านข้อความบนกระดาษสีขาวแผ่นนั้นให้ละเอียดอีกครั้ง “รับสมัครผู้ช่วยเจ้าของร้าน ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ ขอแค่มีใจรักในงานบริการและยิ้มแย้มแจ่มใส” เจ้าหล่อนไล่อ่านทีละบรรทัด ก่อนจะมาสะดุดหยุดอยู่ที่.. “ค่าจ้างวันละห้าร้อย อาหารกลางวันฟรี มีขนมให้กลับไปกินที่บ้าน อร้ายยย! หนึ่งเดือนก็หมื่นห้าเลยดิ” แทบไม่ต้องคิดอะไรต่อ ปารวตีรีบตรงดิ่งไปยังประตูทางเข้าร้านก่อนจะเปิดมันแล้วก้าวขาเข้าไปด้านในทันที ร้านกาแฟริมน้ำแห่งนี้ภายในร้านไม่กว้างนัก แต่ทว่าพอมองออกไปหลังร้านกลับพบว่ามีที่นั่งด้านนอกซึ่งอยู่ติดริมแม่น้ำสายใหญ่ไว้รองรับแขกผู้มาเยือนด้วย เพียงแค่มองจากตรงนี้แล้วจินตนาการว่าหากมีโอกาสได้นั่งชมพระอาทิตย์ตกในยามเย็นก็คงมีความสุขไม่น้อย “รับอะไรดีจ๊ะหนู” บาริสต้าวัยกลางคนเอ่ยถามลูกค้าสาวสวยตรงหน้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ปารวตียกมือไหว้ผู้สูงวัยกว่าอย่างนอบน้อม “สวัสดีค่ะ หนูเห็นป้ายประกาศรับสมัครพนักงานหน้าร้าน ไม่ทราบว่ายังรับอยู่ไหมคะ” “ยังรับอยู่จ้ะ หนูสนใจหรือจ๊ะ” เพชรน้ำหนึ่งมองหญิงสาวตรงหน้าแล้วรู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก “ใช่ค่ะ หนูพึ่งเรียนจบได้ไม่นาน กำลังหางานทำ เดินผ่านหน้าร้านแล้วเห็นป้ายประกาศรับสมัครพนักงานพอดี เลยลองแวะเข้ามาถามดูเผื่อโชคดีได้ทำงานที่นี่ค่ะ” “ป้าว่างพอดี งั้นเดี๋ยวเราไปนั่งคุยกันตรงนู้นดีกว่านะ” เพชรน้ำหนึ่งเดินนำปารวตีไปที่โต๊ะขนาดสี่ที่นั่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเคาน์เตอร์ร้าน หลังจากพูดคุยรายละเอียดกันเรียบร้อย ปารวตีก็รีบตอบตกลงเข้าทำงานกับเพชรน้ำหนึ่งทันที เวลานี้หญิงสาวถือคติที่ว่า.. ไม่เลือกงานไม่ยากจน โอกาสไหนผ่านเข้ามา เธอก็จะรีบคว้าเอาไว้ ไม่ปล่อยให้หลุดมือไปได้ “หนูอายุเท่าไหร่แล้วจ๊ะ” เพชรน้ำหนึ่งมองพิจารณาหญิงสาวตรงหน้าแล้วยิ่งรู้สึกเอ็นดู นางฝันอยากมีลูกสาวมานาน แต่มันก็เป็นได้เพียงแค่ความฝัน “ยี่สิบสองปีค่ะ ย่างยี่สิบสาม” เสียดายที่ลูกชายเพียงคนเดียวของนางไม่มีโอกาสได้รู้จักกับปารวตี ไม่เช่นนั้นคงมีลุ้นว่าจะได้เจ้าหล่อนมาเป็นศรีสะใภ้ “ป้าเองก็มีลูกชายนะ อายุสามสิบกว่าแล้วแหละ แต่ไม่ได้เจอกันหลายปีแล้วล่ะจ้ะ” น้ำเสียงของผู้มากกว่าด้วยวัยดูเศร้าจนเธอจับสังเกตได้ “ลูกชายคุณป้าเขาอาจจะงานยุ่งค่ะ แต่หนูรู้นะคะว่าเขาต้องคิดถึงคุณป้าเหมือนที่หนูคิดถึงแม่ที่อยู่ต่างจังหวัดแน่นอน เพียงแต่ยังไม่มีเวลาและโอกาสได้กลับไปเยี่ยม” เจ้าหล่อนไม่รู้จะปลอบใจเพชรน้ำหนึ่งเช่นไรดี เพราะตัวเองเป็นคนไม่ถนัดพูดอะไรแนวนี้สักเท่าไหร่นัก เพชรน้ำหนึ่งแย้มรอยยิ้มบางเบา นางหยิบแก้วกาแฟตรงหน้าขึ้นมาแตะริมฝีปากแล้ววางมันลงที่เดิม “คงงั้นมั้งจ๊ะ แต่ไม่เป็นไรหรอก หนูมาอยู่กับป้า ป้าก็คงหายเหงาได้มากทีเดียว” “หนูอยู่กับคุณป้า ก็คงคลายความคิดถึงคุณแม่ได้มากเหมือนกันค่ะ” อีกมุมของร้าน.. ชายหนุ่มรูปร่างสูงกำยำทอดมองคุ้งน้ำตรงหน้าพลางคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นภาพเช่นนี้ก็คือเมื่อหลายสิบปีก่อน มันนานเสียจนทำให้หลายอย่างแปรเปลี่ยนไป มีทั้งที่เกิดขึ้นใหม่และเสื่อมสภาพลงตามกาลเวลา แต่ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่ยังคงติดตรึงอยู่กลางหัวใจไม่เลือนหายไป นั่นก็คือ.. ความทรงจำแสนงดงามในวัยเยาว์บนผืนแผ่นดินแห่งนี้ “ถ้าฉันย้อนเวลากลับไปได้ วันนั้นฉันจะไม่ยอมทำตามใจป๊า” เขาเกิดและเติบโตกับเพชรน้ำหนึ่งที่เมืองไทย ส่วนพ่อเป็นนักธุรกิจผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยสนใจครอบครัว เฉินเซี่ยวหยงสนใจเพียงแค่ว่าทำอย่างไรธุรกิจถึงจะเจริญรุ่งเรืองเฟื่องฟู “ฉันไม่เคยอยากเป็นซีอีโอ ฉันอยากเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง” เมื่อเฉินหมิงอายุย่างเข้าสิบเจ็ดปี เฉินเซี่ยวหยงก็มารับตัวลูกชายคนโตของตระกูลไปเลี้ยงดู เขาบอกกับแม่ของเฉินหมิงว่าถึงอย่างไรลูกชายคนนี้ก็ต้องรับภาระสืบทอดดูแลกิจการที่เฉินเซี่ยวหยงสร้างมา ตอนนั้นเฉินหมิงแสดงเจตนาของตัวเองชัดเจนว่าไม่ต้องการไปอยู่ฮ่องกงกับพ่อ และไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับทีดับเบิ้ลยูเคคอร์เปอเรชั่น แต่ทว่าเพชรน้ำหนึ่งก็บังคับให้ชายหนุ่มไปกับเฉินเซี่ยวหยง สุดท้าย.. เฉินหมิงก็ต้องทำตามความต้องการของผู้ให้กำเนิดทั้งสองอย่างไม่เต็มใจ นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นความหมางใจระหว่างเขากับเพชรน้ำหนึ่ง เฉินหมิงคิดมาตลอดว่าเป็นเพราะมารดาไม่รักเขา จึงผลักไสเขาให้ไปอยู่กับเฉินเซี่ยวหยง “ฉันเข้าใจแม่ผิดมาตลอด ฉันคิดว่าแม่ไม่อยากมีฉันเป็นภาระเลยไล่ให้ไปอยู่กับป๊า แต่วันนี้ฉันรู้แล้วล่ะว่าแม่รักฉันมากแค่ไหน มันคงไม่สายไปใช่มั้ยที่จะกลับมาดูแลท่านในตอนนี้” ตั้งแต่วันที่ก้าวขาออกจากบ้าน เฉินหมิงก็ไม่เคยได้รับการติดต่อจากเพชรน้ำหนึ่งอีกเลย แม่ทำเหมือนเขาไม่เคยมีตัวตนบนโลก ไม่ห่วง ไม่คิดถึง แต่พึ่งมารู้ความจริงหลังจากที่เฉินเซี่ยวหยงเสียชีวิตนี้เองว่า ผู้เป็นบิดาพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อตัดขาดแม่ลูกออกจากกัน “ป๊าโกรธที่แม่ไม่เคยรักป๊า ป๊าเลยแก้แค้นโดยการใช้ฉันเป็นเครื่องมือ ฉันไม่อยากคิดเลยว่าหลายปีที่ผ่านมาหัวใจของแม่เจ็บปวดมากแค่ไหน” จดหมายและข้าวของอีกหลายอย่างที่เพชรน้ำหนึ่งเพียรพยายามส่งไปให้เขาที่ฮ่องกง พึ่งถึงมือผู้รับวันที่พิธีศพของเฉินเซี่ยวหยงเสร็จเรียบร้อย “เรื่องมันผ่านไปแล้วครับบอส คิดมากไปก็แก้ไขอะไรไม่ได้อยู่ดี สู้ทำวันนี้และวันต่อๆ ไปให้ดีที่สุดดีกว่า” จริงอย่างที่คาร์ลพูด แต่บางครั้งมันก็อดคิดไม่ได้ “เออ.. ก็จริงของแก คิดไปก็ทำอะไรไม่ได้ สู้ทำวันนี้ให้ดีที่สุดดีกว่า” เฉินหมิงรู้สึกว่าตัวเองยังโชคดีที่แม่บ้านเก่าแก่ประจำตระกูลเก็บทุกสิ่งทุกอย่างที่เพชรน้ำหนึ่งส่งไปให้ไว้ให้เขา ไม่ได้นำไปทิ้งตามที่เฉินเซี่ยวหยงสั่ง หลังจากที่รู้ความจริงทุกอย่าง ชายหนุ่มก็ตัดสินใจขยายฐานการผลิตมาที่ประเทศไทยทันที “ฉันจะใช้เวลาต่อจากนี้ให้คุ้มค่าที่สุด แต่ยังไม่รู้เลยว่าจะเข้าหาแม่ยังไงดี เครียดว่ะ” “ผมจัดเด็กให้สักคนแก้เครียด ดีมั้ยครับ?” มือขวาของเฉินหมิงเอ่ยถามพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม ดวงตาคู่คมเหลือบมองคาร์ลเล็กน้อย ครั้งสุดท้ายที่เขานอนกับผู้หญิงก็คือคืนนั้น.. คืนแรกที่ได้พบปารวตี ใช่! คนที่เขานอนด้วยวันนั้นคือเพื่อนสนิทของพรพระพาย “แกสืบหาที่อยู่ของผู้หญิงที่ชื่อปารวตีให้ฉันได้หรือยัง” ความทรงจำหลายอย่างย้อนกลับเข้ามาในหัว วันที่เจอปารวตีที่ผับ เขารู้สึกคุ้นหน้าผู้หญิงปากร้ายคนนั้นอย่างบอกไม่ถูก และอีกไม่กี่วันต่อมาก็ถึงบางอ้อ เมื่อคาร์ลนำรูปถ่ายของหญิงสาวนิรนามที่เขาสั่งให้ไปสืบว่าเป็นใครมาให้ดู “แหม! ดูเหมือนว่าบอสจะติดใจผู้หญิงคนนั้นจังเลยนะครับ” เฉินหมิงไม่เคยใช้ผู้หญิงซ้ำ บางครั้งแม้กระทั่งชื่อของหญิงงามเหล่านั้น เขายังจำไม่ได้ แต่ทำไมกับปารวตี ประธานหนุ่มของทีดับเบิ้ลยูคอร์เปอเรชั่นถึงได้ติดอกติดใจขนาดนั้น “อย่าบอกนะครับว่าบอสเปลี่ยนใจจากคุณกวางมาหาเพื่อนของเธอแทน” สิ่งที่คาร์ลพูดออกมา มันไม่มีทางเป็นไปได้ สำหรับพรพระพายคือรักแรกพบ ส่วนปารวตีน่ะหรือ.. แม้เขาติดใจรสสวาทและความหวานของวัยสาวตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ลิ้มลองก็จริง แต่เหลืออดเหลือทนกับฝีปากเจ้าหล่อนจนไม่กล้าแม้แต่จะคิดชอบ “แกรู้มั้ยว่าอะไรน่ากลัวกว่าปืน” “ระเบิด” เฉินหมิงกระตุกยิ้ม “ไม่ใช่ ระเบิดที่ว่ามีอานุภาพทำลายล้างสูง ยังน่ากลัวน้อยกว่าปากยัยปราง” คาร์ลหลุดขำ ใบหน้าหล่อเหลาขาวสะอาดดูมีเสน่ห์เปื้อนยิ้มจนส่งให้ดวงตาแพรวพราว “ตั้งแต่เด็กจนโต บอสไม่เคยพูดถึงผู้หญิงคนไหนแบบนี้มาก่อน แสดงว่าคุณมะปรางเธอต้องเป็นผู้หญิงที่พิเศษกว่าผู้หญิงทุกคนบนโลกใบนี้แน่นอน ใช่มั้ยครับ?” “ใช่! ปากร้ายยิ่งกว่าผู้หญิงคนไหนในโลก หาความอ่อนหวานจากยัยนั่นยากยิ่งกว่างมหาเข็มในมหาสมุทร ฉันนะแอบสงสารผู้ชายที่ได้ยัยมะปรางไปเป็นเมียจริงๆ” พลันสองขาเรียวที่กำลังก้าวออกจากร้านกาแฟต้องหยุดชะงักทันทีที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะ.. “ฮัดชิ่ว!” ปารวตีเช็ดฟองน้ำลายที่กระเด็นออกมาตอนที่เจ้าหล่อนจามแล้วบ่นงึมงำ “มีใครกำลังนินทาฉันอยู่หรือเปล่าวะ” เฉินหมิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากบริเวณนั้น ได้ยินเสียงหวานของใครบางคนที่รู้สึกคุ้นหู เขาหันมองไปรอบบริเวณ ก่อนที่ดวงตาทั้งสองข้างจะไปกระทบกับใบหน้าหวานที่มีเครื่องหน้าจุ๋มจิ๋ม ปากนิด จมูกหน่อย แก้มป่องๆ ซึ่งรับเข้ากับดวงตากลมโตราวกับดวงตาของลูกกวางตัวน้อยๆ ได้อย่างพอดิบพอดี “คุณ/คุณ!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม