เมื่อทุกคนกลับมาถึงบ้านแล้ว เจ้าสัวภวัตก็เริ่มต้นเทศนาลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวของตนเองทันที
ภวินท์นั่งแสดงสีหน้าเบื่อหน่ายบนโซฟาตัวตรงกันข้ามกับบิดา ท่าทางของเขาไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย
“ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ถ้าแกจะออกไปจากบ้านหลังนี้ แกจะต้องพาหนูบัวไปด้วย”
คนที่นั่งทำหน้าเบื่อหน่ายสะดุ้งโหยง ก่อนจะหันไปมองบัวริน และหัวเราะเยาะออกมา
“ผมไม่ได้จะไปวัดหรือไปโบสถ์นะครับ ถึงจะต้องเอาแม่ชีติดสอยห้อยตามไปด้วยน่ะ”
แม้คำพูดของภวินท์จะทำร้ายหัวใจแค่ไหน แต่บัวรินทำได้แต่ก้มหน้าเจียมเนื้อเจียมตัวเอาไว้เท่านั้น
“ใครจะไปเซ็กซี่ เปรี้ยวเยี่ยวราดเหมือนแม่สาวผมทองของแกล่ะ ไอ้ไบร์ท”
“ก็แน่ล่ะครับ คู่ขาของผมต้องเซ็กซี่ ต้องสวยงามอยู่แล้ว”
“ก็แค่ผู้หญิงรักสนุกเท่านั้นแหละ” เจ้าสัวภวัตบอกลูกชาย แต่คนเป็นลูกชายไหวไหล่น้อยๆ ไม่สนใจ
“เอาเป็นว่า ต่อจากนี้ไป ถ้าแกจะออกจากบ้าน แกต้องมีหนูบัวไปด้วยทุกครั้ง จำเอาไว้นะ ทุกครั้ง”
“ผมไม่ยอม ผมไม่ใช่นักโทษนะครับ”
ภวินท์แย้งเสียงแข็ง และจ้องหน้าบิดาเขม็ง
“ที่ผมกลับมาเมืองไทยก็เพราะผมคิดว่าพ่อป่วยหนักใกล้ตาย แต่เท่าที่ผมเห็นตอนนี้ คุณพ่อยังแข็งแรงดี หึ หลอกให้ผมกลับมาสินะครับ”
“แกจะคิดยังไงก็ช่างไอ้ไบร์ท แต่ถ้าแกขัดคำสั่งฉัน แกจะต้องไปนอนวัดแทนพระแน่นอน”
“คุณพ่อไม่มีสิทธิ์ไล่ผมออกจากบ้านหลังนี้ เพราะที่นี่คือบ้านของคุณแม่ผมเหมือนกัน”
“ฉันไม่เถียงแกหรอก แต่แกก็รู้ใช่ไหมว่าตอนนี้ฉันใหญ่ที่สุดในบ้าน ถ้าฉันจะทำอะไรกับแก ฉันก็ย่อมทำได้”
ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นยืน ใบหน้าหล่อเหลานั้นเต็มไปด้วยความโมโห
“นี่คงเป็นวิธีบีบให้ผมออกไปจากบ้านหลังนี้สินะครับ แต่จำเอาไว้เลย ว่าผมไม่มีวันยอมให้บ้านหลังนี้ตกไปอยู่ในมือของใครหรอก”
“ถ้างั้นแกก็อย่าขัดคำสั่งของฉัน บ้านหลังนี้ก็จะยังคงเป็นชื่อของแกเหมือนเดิม”
พ่อกับลูกสบประสานสายตากัน ก่อนที่เจ้าสัวภวัตจะหันไปหาวัลลีย์
“พาฉันกลับห้องได้แล้ววัลลีย์”
“ค่ะเจ้าสัว”
บัวรินกำลังจะเดินออกไปจากห้องโถงเช่นกัน เพราะเจ้าสัวภวัตกับวัลลีย์เดินออกไปแล้ว แต่หล่อนก็ถูกภวินท์เรียกเอาไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวสิ จะไปไหนยัยแม่ชี”
“เอ่อ...”
ภวินท์เดินมาหยุดตรงหน้าของบัวริน หญิงสาวก้มหน้างุดไม่ยอมสบตา
“เธอนี่เป็นภาระของฉันตั้งแต่เล็กยันโตเลยนะ”
“บัว... ขอโทษค่ะ”
“ถ้าอยากขอโทษฉัน ก็ไปพูดให้คุณพ่อยกเลิกคำสั่งบ้าๆ นั่นได้แล้ว มีอย่างที่ไหน ให้ฉันลากเธอออกไปข้างนอกด้วย อายคนอื่นตายเลย”
หล่อนคงเชยมาก ภวินท์ถึงได้พูดจาดูหมิ่นดูแคลนถึงขนาดนี้
“บัว... คงเปลี่ยนใจเจ้าสัวไม่ได้หรอกค่ะคุณไบร์ท”
ภวินท์หัวเราะเยาะ และโน้มหน้าต่ำลงมาหาคนที่ก้มหน้างุดอยู่ ซึ่งความใกล้ชิดนี้ก็ทำให้เขาได้กลิ่นหอมเหมือนดอกไม้ป่าโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก มันคือกลิ่นหอมที่เขาไม่เคยได้กลิ่นจากบรรดาคู่ขาของตัวเองมาก่อนเลย
ความหอมเย็นๆ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างน่าอัศจรรย์
“นั่นก็เพราะว่าเธออยากออกไปไหนต่อไหนกับฉันสินะ ใช่ไหมบัวริน”
“มะ... ไม่ใช่นะคะ”
บัวรินลืมตัวเงยหน้าขึ้นเพื่อปฏิเสธ ซึ่งนั่นก็ทำให้ใบหน้านวลอยู่ห่างจากใบหน้าหล่อเหลาของ ภวินท์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
สองพวงแก้มแดงระเรื่อโดยอัตโนมัติ หัวใจของหล่อนเต้นแรงมาก เพราะลึกๆ แล้วรู้สึกกับภวินท์เกินกว่าคำว่าลูกชายของเจ้านาย
“หน้าแดงทำไม หรือว่านี้คือมารยาที่ตระกูลเธอมอบตกทอดกันมา เพื่อทำให้ผู้ชายลุ่มหลง”
“ไม่... ไม่ใช่ค่ะคุณไบร์ท”
หญิงสาวส่ายหน้าไปมา และรีบถอยหลังออกห่าง
“ถ้าเธอไปพูดเปลี่ยนใจคุณพ่อให้ฉันไม่ได้ งั้นเธอก็เตรียมตัวรับความบันเทิงได้เลย รับรองว่าเธอจะได้พบกับความบันเทิงฉิบหายเลยล่ะ”
น้ำเสียงของภวินท์ดุดัน เลือดเย็น และน่ากลัวมากๆ
บัวรินตัวสั่นเทา แต่ผู้หญิงตัวเล็กๆ เช่นหล่อนจะทำอะไรได้ นอกจากทำตามคำสั่งของเจ้าสัวภวัตเท่านั้น
“ไปให้พ้นหน้าได้แล้ว เห็นแล้วนึกว่าอยู่ในโบสถ์”
“ค่ะคุณไบร์ท”
บัวรินรีบเดินจากไปทันที เมื่อถูกคนตัวโตเอ่ยปากขับไล่
ภวินท์มองตามหลังร่างบอบบางของบัวรินไปด้วยสายตาร้ายกาจ
หลังจากนอนคิดมาตลอดทั้งคืน ภวินท์ก็คิดแผนการเอาคืนทุกคนได้สำเร็จ โดยเฉพาะบัวริน เขาจะทำให้หล่อนพบเจอกับนรกชั้นที่ลึกที่สุดเลยล่ะ
หลังจากดีดตัวลุกจากที่นอน เขาก็อาบน้ำ แต่งตัวด้วยชุดลำลองสีขาว จากนั้นก็รีบลงไปยังชั้นล่าง ซึ่งโชคก็เข้าข้างไม่น้อย เพราะเขาได้เผชิญหน้ากับบัวรินเข้าพอดี
สีหน้าของเจ้าหล่อนซีดเผือด แววตามีความตกใจ เมื่อเห็นเขา
“สวัสดีค่ะคุณไบร์ท”
หล่อนเอ่ยทักทายเขาเสียงสั่นๆ ก่อนจะพยายามเดินเลี่ยงไปอีกทาง แต่เขาก็ฉวยข้อมือเล็กเอาไว้เสียก่อน
“จะไปไหนล่ะ”
“เอ่อ... คือบัว...”
ชายหนุ่มรั้งร่างบอบบางมาหยุดตรงหน้า ยิ่งเห็นเจ้าหล่อนก้มหน้างุด เขาก็ยิ่งสนุกที่จะได้กลั่นแกล้งหล่อน
“ฉันจะออกไปข้างนอก”
“ค่ะ”
“ค่ะอะไร เธอก็รู้นี่ว่าฉันออกไปคนเดียวไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคุณพ่อจะไล่ฉันไปนอนวัดน่ะ”
คนที่ก้มหน้างุด เงยหน้าขึ้นมอง ดวงตากลมโตสั่นระริก
“คือ...”
“เธอต้องออกไปกับฉันด้วย”
บัวรินหน้าซีดยิ่งขึ้น ปากอิ่มเต็มเผยอค้าง กำลังจะอ้าปากปฏิเสธ แต่ภวินท์ก็แทรกขึ้นเสียก่อนด้วยน้ำเสียงดุดัน
“เธอคงไม่คิดจะขัดคำสั่งชองคุณพ่อหรอกนะ บัวริน”
ใช่...
หล่อนไม่มีวันขัดคำสั่งของเจ้าสัวภวัตผู้มีพระคุณอย่างแน่นอน
“งั้นขอบัวขึ้นไปหยิบกระเป๋าก่อนได้ไหมคะ”
ภวินท์ปล่อยข้อมือเล็กของบัวริน จากนั้นก็ถอยออกห่าง
“เปลี่ยนชุดด้วยก็ดีนะ ชุดนี้มันเชยเกินไป”
บัวรินก้มหน้ามองชุดเดรสสีขาวยาวกรอมเท้าของตัวเอง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นตอบเขา
“บัว... มีแต่ชุดแบบนี้น่ะค่ะ”
ภวินท์กระแทกลมหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย
“เออๆ รีบๆ ลงมาก็แล้วกัน ฉันจะไปรอที่รถ”
“ค่ะ คุณไบร์ท”
ร่างบอบบางในชุดยาวรุ่มร่ามสีขาวสะอาดเดินจากไปแล้ว ภวินท์ก็กรอกตัวมองบน ก่อนจะเดินออกไปจากคฤหาสน์หลังโต ไปรอบัวรินในรถตามที่ได้พูดเอาไว้