บทที่4
มีคนที่ชอบอยู่แล้ว
"ถ้าเป็นหนู หนูชอบทุกอย่างนั่นแหละค่ะเพราะดอกไม้ไม่ว่ามันจะเป็นดอกอะไรล้วนแต่ขึ้นอยู่กับเจตนาของผู้ให้^^"
อย่ายิ้มแบบนี้ได้ไหมอัสนีแทบจะละลายอยู่ตรงนี้แล้วเขาเก็บอาการไม่อยู่จนต้องรีบหันหลังแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ
"คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะทำไมหูแดงแบบนั้น?"
"ซวยแล้วกู"
ไม่พูดเปล่าเธอยังขยับเข้ามาหาเขาใกล้ๆ ทำเอาเขารีบชี้ไปที่ดอกกุหลาบในถังเหมยลี่หันไปมองแล้วยิ้มหวานให้เขา เรื่องดอกกุหลาบเธอก็ถนัดนักและเป็นดอกไม้ที่ขายดีที่สุดในร้านด้วย
"คุณอยากได้สีอะไรคะวันนี้มีสีโอลด์โรสเข้ามาด้วย"
"เอาที่คุณชอบเลย"
"คะ?" เธอหันมามองหน้าเขาอีกครั้งทำไมต้องเอาที่เธอชอบแล้วถ้าเกิดคนที่เขานำไปให้ไม่ชอบแบบเธอขึ้นมาจะทำยังไง
"ชอบแบบไหนก็ทำเถอะคนรับไม่เรื่องมาก"
"ได้ค่ะงั้นคุณนั่งรอก่อนนะ^^"
เหมยลี่เลือกดอกไม้ในแบบที่เธอชอบเข้าไปจัดด้านในห้องกระจกเธอไม่รู้เลยว่าอัสนีแอบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเธอไว้พอได้รูปที่เขาถูกใจร่างสูงก็หันหลังมองออกไปด้านนอกร้านแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูรูปนั้นจนเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ไม่นานช่อดอกกุหลาบช่อใหญ่ก็ถูกเหมยลี่พาออกมาเขาไม่ได้คาดหวังเรื่องดอกไม้ว่ามันจะเป็นยังไงแต่พอเห็นรอยยิ้มของเธอตอนมองช่อดอกไม้นั้นเขาก็รู้ได้ทันทีว่าเธอใช้หัวใจในการทำงานคนอะไรจะมีความสุขได้ตลอดเวลา
"คุณชอบไหมคะอยากให้หนูแก้ตรงไหนหรือเปล่า"
"คุณชอบผมก็ชอบครับ"
"หนูชอบอยู่แล้วค่ะเพราะความหมายของช่อดอกไม้นี้มันมีแทบจะทุกสีอีกอย่างตอนหนูจัดช่อหนูรู้สึกว่าคนรับดอกไม้ช่อนี้ต้องรู้สึกแบบเดียวกับหนูขอให้มีความสุขสมหวังนะคะ^^" เป็นคำอวยพรที่ทำให้คนรับดอกไม้หัวใจพองโตเขาก็อยากสมหวังเหมือนกันเกิดมาจนอายุเข้าเลขสามเขายังไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อนเลย
"ขอบคุณครับ"
อัสนีรับช่อดอกไม้ช่อใหญ่ขึ้นรถเขาวางไว้ที่ข้างคนขับแล้วยิ้มมาตลอดทางอยากสมหวังเหมือนที่เธออวยพรเหลือเกิน มาถึงบริษัทเขาก็รีบถือช่อดอกไม้ขึ้นมาด้วยแม้ผู้ช่วยจะเข้ามารับแต่เขาก็สะบัดมือไล่ดอกไม้ช่อนี้เขาไม่ให้ใครแตะต้องเป็นเด็ดขาดขณะทำงานเขายังวางเอาไว้ใกล้ๆบางทีก็แอบก้มไปดมดอกกุหลาบ
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
"เชิญครับ"
"พี่อัสนีคะแก้วตาทำอาหารมาฝากค่ะ"
แก้วตาเดินเข้ามาในห้องทำงานพร้อมปิ่นโตสีชมพูที่เธอตั้งใจตื่นแต่เช้าทำเมนูโปรดมาให้เขาทานอัสนีได้แต่มองแล้วถอนหายใจสิ่งที่เขาพูดและปฏิเสธไปในคืนนั้นมันก็ชัดเจนอยู่แล้วต่อให้เธอมาอ้อนวอนกับพ่อแม่เขาอีกกี่สิบครั้งเขาก็ไม่มีวันที่จะเปิดใจให้เธอเด็ดขาด
"แก้วตาพี่บอกว่าไงว่าอย่าทำแบบนี้เลยมันเสียเวลา" เขาปฏิเสธเธออีกครั้งแต่สาวเจ้าก็ยังไม่หยุด
"แต่แก้วมีความสุขที่ได้ทำอะไรเพื่อพี่อัสนีบ้าง ให้แก้วทำเถอะนะคะ" เธอถือคติด้านได้อายอดยอมลงทุนทำขนาดนี้แล้วเธอก็หวังลึกๆ ว่าเขาจะเห็นใจเธอบ้าง
"ทำไมแก้วตาไม่คิดบ้างถ้าเกิดพี่มีแฟนหรือพี่มีคนที่พี่รักอยู่แล้วการที่แก้วตามาทำแบบนี้มันดูเป็นการไม่ให้เกียรติแฟนพี่หรือเปล่า"
"แก้วรู้ค่ะว่าพี่อัสนีไม่ได้มีใคร" เธอยังคงเชื่อมั่นในตัวเองและเชื่อว่าคนอย่างอัสนีไม่มีวันมองผู้หญิงคนไหนเพราะทั้งสองครอบครัวได้ทาบทามทั้งคู่เอาไว้อยู่แล้ว
"วันนี้ไม่มีแต่คืนนี้หรือพรุ่งนี้พี่อาจจะมีก็ได้นะ"
"แก้วไม่เข้าใจค่ะ" เธอหันหน้ามามองชายหนุ่มที่เธอรักและหมายปองแต่พอเห็นช่อดอกไม้ข้างกายเขาหัวใจของเธอก็สั่นเหมือนกำลังร้องไห้ "ดอกกุหลาบของใครคะพี่อัสนี" จะผิดไหมถ้าหากเธอจะเข้าข้างตัวเองและคิดไปว่าดอกกุหลาบช่อนี้จะเขาเตรียมมันไว้ให้เธอ
"พี่กำลังตามจีบผู้หญิงอยู่คนนึงครับ"
"ไม่จริง! แก้วไม่เชื่อพี่อัสนีอย่าลืมนะคะตอนพี่อยู่เมืองนอกพี่ก็มีแก้วแวะเวียนไปหาเป็นประจำ" ประโยคนั้นของเขาทำเอาแก้วตาเจ็บปวดหัวใจเธอไม่เชื่อว่าเขาจะมีใครเพราะยังไงผู้ใหญ่ก็คุยถึงเรื่องหมั้นหมายแต่งงานกันแล้ว
"สำหรับพี่แก้วตาก็เหมือนน้องสาวครับถ้าพี่จะคิดอะไรกับแก้วพี่คิดมาตั้งนานแล้วคงไม่ปล่อยให้เวลามันล่วงเลยมานานขนาดนี้อีกอย่างพี่ก็มีคนที่พี่ชอบอยู่แล้วเพียงแต่ช่วงเวลาที่พี่อยู่เมืองนอกพี่ไม่เคยรู้เรื่องราวของเธอเลย จนพี่กลับมาเจอกันอีกครั้งมันก็ทำให้พี่ยิ่งมั่นใจว่าหัวใจของพี่ยังมีเธออยู่"
"ฮึก! แต่แก้วรักพี่อัสนีแก้วรักพี่จริงๆ นะคะ"
"พี่ขอบคุณในความรักที่แก้วมีให้พี่นะแต่อย่าให้พี่ต้องพูดจาทำร้ายจิตใจแก้วเลย แก้วกลับไปเถอะขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้ด้วยแต่พี่ทานมาจากบ้านแล้วครับ"
พูดจบเขาก็ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อโดยไม่สนใจร่างบางที่ยืนร้องไห้สะอื้นอยู่ตรงหน้าเธอรีบเก็บกับข้าวที่เธอตั้งใจทำมาให้เขาจากนั้นก็รีบเดินออกไปจากห้องทำงานเมื่อเสียงประตูปิดลงอัสนีก็ถอนหายใจอีกครั้ง ไม่รู้ว่าการที่เขาตัดความสัมพันธ์และพูดตัดบทไปในวันนี้จะทำให้แก้วตาล้มเลิกความพยายามหรือเปล่า
ก็อก! ก็อก! ก็อก!
"ขออนุญาตครับคุณอัสนี" ผู้จัดการของบริษัทเปิดประตูเข้ามาพร้อมเอกสารสำคัญที่เขาได้สั่งและมอบหมายให้ไปหาข้อมูลมา "ผมเอางานมาส่งครับ"
"ขอบใจ เออคุณอาร์มผมมีเรื่องอยากจะถาม"
"ครับคุณอัสนี"
"คุณรู้จักกับเหมยลี่ใช่ไหม?"
"น้องเหมยลี่พนักงานร้านดอกไม้ใช่ไหมครับ"
"อืม ใช่รู้จักไหม"
"รู้จักครับน้องเหมยลี่เคยมารับเงินประกันของพ่อเธอที่บริษัทแล้วก็มาส่งดอกไม้ที่บริษัทเป็นประจำครับ"
"ผมอยากรู้ว่าคุณกับเหมยลี่เป็นอะไรกันหรือเปล่า"
"เปล่านะครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรกับน้องเขาเคยคิดจะจีบแล้วครับแต่...."
ประโยคนี้ทำให้อัสนีเงยหน้าขึ้นจ้องมองผู้จัดการของบริษัททำเอาผู้จัดการไม่กล้าที่จะพูดต่อเลยเพราะสายตาของเขามองมาเหมือนคนไม่สบอารมณ์ใครเห็นอาการของเขาตอนนี้ก็รู้ได้ทันทีว่าเขานั้นคิดอะไรกับเหมยลี่
"ช่วงบ่ายผมมีงานอะไรไหม"
"ไม่นะครับวันนี้มีแค่เอกสารที่ผมเอามาให้เซ็นแล้วก็เอกสารเกี่ยวกับพนักงานแต่ละแผนกครับ"
"งั้นช่วงบ่ายถ้ามีใครเข้ามาพบผมบอกว่าผมไม่อยู่"
"ได้ครับคุณอัสนี"
เมื่อเขาเซ็นเอกสารฉบับสุดท้ายเสร็จก็รีบลุกขึ้นหยิบสูตรที่พาดไว้ขึ้นมาใส่สายตามองช่อดอกไม้อย่างมีความหวัง สองมือหอบหิ้วช่อดอกกุหลาบออกมาจากห้องทำงานตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงตรงหวังว่าเธอคงยังไม่ได้ทานข้าวจะได้สั่งอาหารเข้าไปนั่งทานด้วยกันที่ร้าน
"คุณอัสนีจะไปไหนครับจะกลับแล้วหรือครับ" ผู้จัดการหนุ่มเดินมาถามเมื่อเห็นเจ้านายกำลังหอบหิ้วช่อดอกกุหลาบออกจากบริษัททำให้ สองขาหยุดชะงักแล้วหันมามองหน้าเขาผ่านแว่นสีดำ
"เจอกันพรุ่งนี้"
"ครับๆ ขอให้โชคดีนะครับ"
เขาไม่ตอบอะไรเพียงแต่พยักหน้าให้เท่านั้นเมื่อรถหรูแล่นผ่านไปเหล่าพนักงานก็รีบหันหน้ามาซุบซิบคุยกันเพราะเมื่อเช้ามีหญิงสาวมาหาเจ้านายถึงบริษัทแต่ก็หอบหิ้วสัมภาระรวมทั้งปาดน้ำตาออกมาอย่างไม่อายใครอาการแบบนี้คงจะถูกเจ้านายปฏิเสธเรื่องหัวใจเป็นแน่ทุกคนต่างอยากรู้อยากเห็นว่าผู้หญิงผู้โชคดีคนนั้นจะเป็นใครกัน
รถสปอร์ตหรูขับมาจอดอยู่หน้าร้านดอกไม้อีกครั้งในตอนเที่ยงเขามองเข้าไปด้านในเห็นเธอกำลังเก็บเศษก้านดอกไม้ทิ้งลงถังขยะจนกระทั่งมีรถมาส่งอาหารพอเห็นเธอสั่งก๋วยเตี๋ยวมาทานเขาก็รู้สึกหงุดหงิดทำไมถึงไม่เลือกทางของที่มันดีกว่านี้มีประโยชน์ทางโภชนาการทำไมถึงได้เลือกทานแต่อาหารที่หนักไปทางผงชูรส
"กินแบบนี้นี่ไงถึงได้ตัวบวม-_-!"
------------------------
ทำไมน่ารักแบบนี้แงงง พ่อคนหล่อ รวย มั่นคงในรักของตัวเอง