บทที่5
ขอดูนมได้ไหม 18+
อัสนีเดินเข้ามาในร้านอีกครั้งด้วยความกล้าหาญ เหมยลี่หันมาเห็นเธอก็รีบเดินออกมาหาแต่ดูเหมือนว่าขาของเธอจะอักเสบเมื่อเช้าเธอยังดูสดใสร่าเริงผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงกับหน้าซีดเป็นไก่ต้ม
"คุณมาอีกแล้วดอกไม้ไม่ถูกใจหรือเปล่าคะ"
"ทำไมหน้าซีดแบบนี้ปวดขาใช่ไหม"
"เมื่อเช้าหนูลืมหยิบยามาค่ะเลยปวดขาเราก็เจ็บแผลที่เข่าด้วย"
"งั้นนั่งลงจะทำอะไรเดี๋ยวผมทำให้"
"ไม่เป็นไรค่ะหนูแค่จะทานก๋วยเตี๋ยวคุณทานอะไรมาหรือยังคะทานก๋วยเตี๋ยวกับหนูไหม"
"ไม่เป็นไร" เขาจัดการเทก๋วยเตี๋ยวใส่ชามให้เธอระหว่างที่เธอทานเขาก็ขออนุญาตจับขาของเธอมาดูบาดแผลและรอยฟกช้ำโชคดีที่ถัดจากร้านเธอไปเป็นร้านขายยาเขาจึงรีบเดินไปซื้อยาแก้อักเสบแก้ปวดและยาทามาให้เธอ
"ว่าแต่ดอกไม้ที่คุณเอาไปคนรับชอบไหมคะ" เธอถามขณะที่ปากยังเคี้ยวลูกชิ้นตุ้ยๆ
"คิดว่าน่าจะชอบ"
"แล้วคุณสตาร์ตรถทิ้งไว้ไม่เปลืองน้ำมันหรือคะไปดับเครื่องก่อนก็ได้นะ"
"ไม่เป็นไรเธอทำงานอีกกี่ชั่วโมงลางานได้ไหมบาดเจ็บขนาดนี้ทำไมไม่ลางาน" จะให้เขาดับได้ยังไงอัสวินกลัวดอกไม้ในรถจะเฉาเสียก่อน
"วันนี้หนูเลิกห้าโมงค่ะว่าแต่คุณอยากได้ดอกไม้อีกหรือเปล่าหนูจะได้จัดช่อให้ค่ะ"
"พอดีฉันไม่มีงานอะไรแล้วเลยแวะมาดูอาการมารอรับเธอกลับบ้านด้วยสภาพแบบนี้จะกลับยังไงช่วยเหลือตัวเองยังแทบไม่ได้"
"หนูไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะคุณไม่ต้องเป็นห่วงแต่ก็ขอบคุณนะคะสำหรับความห่วงใย^^"
แค่เธอกล่าวขอบคุณเขาก็ไปไม่เป็นแล้ววันนี้เขาใช้เวลาอยู่ในร้านดอกไม้หลายชั่วโมงจนถึงเวลาเลิกงานของเธอเขาก็ช่วยเธอเก็บของหวังว่าการที่เขาจะเซอร์ไพรส์และบอกความรู้สึกกับเธอในวันนี้จะทำให้เขาและเธอสุขสมหวังไปด้วยกัน
"น้ำมันไม่หมดแล้วหรือคะ"
"ไม่หรอกรถผมไม่กินน้ำมันเข้าไปนั่งสิ"
"ค่ะ" เธอเปิดประตูรถสปอร์ตหรูก็พบกับช่อดอกไม้ที่เธอเป็นคนจัดเองกับมือ "ดอกไม้ยังอยู่เลยนี่คะ?"
"ก็ดอกไม้ของคุณไง"
"อะ อะไรนะคะของหนู?" เธอชี้มาที่ตัวเองพร้อมกับมองดอกกุหลาบช่อนั้น
"ขึ้นรถสิจะได้คุยกัน"
เธอยอมขึ้นรถมาอย่างว่าง่ายพร้อมถือดอกกุหลาบช่อนั้นไว้ในมือเมื่อรถสปอร์ตขับเคลื่อนออกมาจากหน้าร้านเขาก็เริ่มอธิบายเรื่องราวทุกอย่างให้เธอได้ฟัง เขาและเธอเคยเรียนโรงเรียนประถมศึกษาที่เดียวกันเพราะเธอได้ทุนการเรียนจากบริษัทองค์กรของครอยครัวเขา และเขาก็เห็นเธอครั้งแรกตอนที่เธออยู่ชั้นป.2 ส่วนตัวเขาเองอยู่ชั้นป.6 แม้มันจะเป็นเรื่องตลกขบขันแต่คนฟังและคนเล่ากลับรู้สึกแปลกประหลาดในใจของตัวเอง
"หลังจากจบประถมผมก็ไปเรียนมัธยมอีกโรงเรียนนึงจนได้มาเห็นคุณอีกครั้งตอนงานเลี้ยงบริษัทแล้ววันนั้นก็เป็นวันสุดท้ายที่ผมจะได้อยู่ประเทศไทยใจจริงผมอยากจะเข้าไปทักคุณในวันนั้นแต่ก็ไม่มีโอกาสได้เข้าไปทัก"
"หนูจำแทบไม่ได้เรื่องมันนานมากแล้วแต่งานเลี้ยงครั้งนั้นหนูจำได้ดีค่ะเพราะเป็นวันที่หนูเอากับข้าวกลับมาบ้านเยอะที่สุด^^"
"หึหึ เพราะคุณที่ทำให้ผมไม่สามารถเปิดใจให้ใครได้เลย ผมตั้งใจว่าการกลับมาครั้งนี้ผมจะออกตามหาคุณจนกว่าจะเจอถ้าเกิดผมมาช้าไปคุณมีคนรักมีครอบครัวแล้วผมก็จะขอดูแลอยู่ห่างๆ อย่างน้อยคุณก็เป็นผู้หญิงคนเดียวที่ทำให้ผมมีความซื่อตรงและไม่เคยคิดที่จะมีใคร"
"เมื่อวานตอนที่คุณหยิบรูปหนูมาดูคุณจำได้เลยใช่ไหมคะว่าหนูคือเด็กผู้หญิงคนนั้น"
"ใช่แล้วว่าแต่ตอนนี้คุณยังไม่ได้มีใครใช่ไหม"
เหมยลี่ส่ายหน้าไปมาแก้มกลมๆ ของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงเธอก้มหน้าลงไปหอมดอกกุหลาบในมือจนไม่ทันระวังตัว อัสนีโน้มตัวลงมาหอมแก้มกลมๆ ของเธอบ้างทำเอาเธอขนลุกขนชันแม้แต่อัสนีเขาทำเองยังเขินเองถึงขั้นลูบท้ายทอยตัวเองไม่รู้กี่รอบปากก็กัดริมฝีปากตัวเองจนเกือบเป็นห้อเลือด
มาถึงบ้านของเหมยลี่อัสนีก็พาเธอมานั่งด้านในเขาจัดการโทรสั่งมื้อเย็นจากร้านดังมาให้เธอเรียบร้อยแล้วจะได้ไม่ต้องลงมือทำอาหารเองหรือซื้อแกงถุงที่มีแต่ผงชูรสมาทาน
"ถ้าคุณไม่มีใครคุณจะลองเปิดใจให้ผมบ้างได้ไหม"
"จริงๆ แล้วหนูก็อยากลองมีใครสักคนเหมือนกันค่ะ หนูเองก็ไม่เคยมีแฟนไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไงกลัวทำตัวไม่น่ารักหนูกลัวว่าแฟนตัวเองจะรักหนูน้อยลง"
"งั้นเราลองมาศึกษาดูใจกันไหมบางทีเราสองคนอาจจะเข้ากันได้คุณคิดว่าไง"
เพราะความเขินทำให้เหมยลี่หยิบแก้วแชมเปญขึ้นมาดื่มจนหมดแก้วเธอพยักหน้าเป็นคำตอบให้เขาทำให้ตอนนี้ทั้งเขาและเธอเริ่มเปิดใจคุยกันมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องสมัยเรียน กิจกรรมของโรงเรียนที่เคยได้ทำด้วยกันรวมถึงช่วงชีวิตของอัสนีตอนได้อยู่เมืองนอก
"คุณรู้ไหมว่าความฝันของหนูคืออะไร^^"
"อะไรเหรอ" อัสนีถามพร้อมยกแก้วแชมเปญขึ้นมาดื่ม
"หนูมีความฝันที่จะเปิดร้านดอกไม้เป็นของตัวเองค่ะ ตอนนี้หนูเก็บเงินได้เยอะแล้วแต่ก็ยังต้องศึกษาเกี่ยวกับดอกไม้จากเจ้าของร้านไปก่อน"
"ก็ดีนะเปิดร้านของตัวเองอาจจะเหนื่อยหน่อยแต่ผมเชื่อว่าคุณทำได้"
"ขอบคุณค่ะ คุณเบื่อหนูหรือยังหนูไม่รู้ว่าคุณเป็นแฟนกันต้องทำอะไรกันบ้าง"
อัสนียกยิ้มมุมปากเรื่องแบบนี้ถามใครเขาก็รู้กันทั้งนั้นว่าการออกเดตหลังจากเป็นแฟนกันต้องทำอะไรกันบ้างเขาเองก็เตรียมตัวมาบ้างในระดับหนึ่ง
"ก็คงนั่งดูหนังกันจับมือกันหอมแก้มกันแล้วก็...."
เหมยลี่ใบหน้าแดงก่ำเมื่อเขาเว้นประโยคหลังเธอเองก็โตเป็นสาวไม่ใช่เด็กไร้เดียงสาที่จะไม่รู้เรื่องแบบนั้นแต่ถึงยังไงก็ต้องเก็บอาการเอาไว้เขาจะได้ไม่มองว่าเธอเป็นผู้หญิงแก่แดด
อัสนีเปลี่ยนโหมดจากนั่งดื่มที่โต๊ะอาหารมาเป็นนั่งดื่มพร้อมดูหนังกับเธอที่โซฟาโดยที่มือของเขากับเธอประสานกันตลอดเวลาแม้เขาจะอายุเข้าเลขสามก็ใช่ว่าเขาจะเจนจัดเรื่องบนเตียงเขาเองก็ยังบริสุทธิ์ไม่ต่างจากเธอ
"คืนนี้ไม่อยากกลับบ้านเลย" อัสนีพูดลอยๆ ออกมาแต่คนตัวเล็กนั่งบิดเป็นเลขแปดแล้วเธอได้ยินแถมยังเขินคิดไม่ออกเลยว่าชายหญิงอยู่ด้วยกันทั้งคืนอะไรจะเกิดขึ้น
"ที่บ้านคุณจะว่าเอานะคะ"
"ผมโตแล้ว.... โตจนปวดหมดแล้วตอนนี้" ให้ตายเถอะอัสนีแทบจะบ้าเขามีอารมณ์กับเธอตั้งแต่ตอนไหนกันแค่จับมือก็แข็งจนปวดร้าวไปหมดถ้าได้ทำคงไม่ได้หลับไม่ได้นอนแน่
"อะไรนะคะ" เธอหันไปมองหน้าเขาจนได้สบตากันอย่างใกล้ชิดสถานการณ์แบบนี้มันเหมือนฉากเลิฟซีนในซีรีส์ที่เธอเคยดูมาเลย
"แก้มคุณมันน่าหอมมากเลยนะ ผมขอลองหอมได้ไหม..."
"อื้มม~"
แค่เธออนุญาตเขาก็จูบเข้าที่ริมฝีปากของเธออย่างเร่าร้อน เธอเองก็คล้อยตามเขาอย่างว่าง่ายไม่ว่าเขาจะลูบไล้ตัวเธอจนถึงขั้นปลดตะขอบราด้านหลังของเธอออกเธอก็ไม่ทักท้วงเขาเลย
"นมใหญ่จัง มันใหญ่เกินตัวคุณมากเลยนะ"
"คะ... คุณชอบไหมคะ"
"ขอดูได้ไหมครับ ผมอยากเห็นของจริงให้เต็มตาอยากรู้ว่าจะใหญ่ขนาดไหน"
------------------------------------
ไอ้บ้าา ใครเขาขอดูกันแบบนี้ พรุ่งนี้มาอีก 2 ตอนค่ะ
อย่าลืมคอมเมนต์ กดหัวใจ เพิ่มเข้าชั้นเพื่อเป็นกำลังใจให้ไรท์บ้างนะคะ