บทที่3
เขินจนหูแดง
ขวับ!!!
อัสนีหันมามองรูปพ่อกับแม่ของเธอบนหลังตู้แต่สายตาของเขาไม่ได้สนใจรูปของพ่อกับแม่เธอเลยเพราะว่าตอนนี้เขากำลังมองรูปเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงจนแทบจะควบคุมสติตัวเองไม่ได้เขาเดินไปหยิบรูปของเด็กประถมขึ้นมาดูโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนที่เขาเคยเรียนเด็กตัวเล็กแก้มกลมๆ ถักเปียสองข้างเธอจะยิ้มให้เขาทุกครั้งที่เจอหน้า
"อันนั้นรูปของหนูตอนเด็กค่ะ"
ถ้าเขาหันไปสวมกอดเธอตอนนี้คงจะไม่ดีเธออาจจะตกใจเขาจึงวางกรอบรูปนั้นลงแล้วยกมือขึ้นไหว้รูปของพ่อกับแม่เธอ
"พ่อของคุณเคยทำงานที่บริษัทของผมใช่ไหม"
"ใช่ค่ะแต่ก็นานมากแล้วนะคะ"
"ผมจำพ่อคุณได้"
"คุณจำพ่อหนูได้คุณรู้จักพ่อหนูหรือคะ?"
"ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวแต่เคยเห็นตอนนั้นผมเองก็ยังเด็กอยู่ คุณหิวหรือยังผมจะได้เทกับข้าวให้"
"หิวค่ะคุณทานด้วยกันไหมคะซื้อมาเสียเยอะเลยหนูทานไม่หมดหรอกค่ะปกติแล้วหนูก็ทานกับข้าวแค่อย่างเดียว"
"ก็ดีเราจะได้คุยกันด้วย"
อัสนีพยายามเก็บอาการของตัวเองเอาไว้ระหว่างที่เทกับข้าวใส่ถ้วยตักข้าวใส่จานเขาก็แอบชำเลืองมองเธออยู่ตลอดเด็กอะไรยิ่งโตแก้มยิ่งป่องอยากจะกัดให้แก้มช้ำเสียจริง
"ว่าแต่คุณทำงานอยู่แผนกไหนเหรอรู้จักคุณอาร์มไหมคะ"
"ถามทำไมรู้จักมันหรือไง-_-!"
"รู้จักดีเลยค่ะคุณอาร์มนิสัยดีเป็นผู้ชายที่น่ารักค่ะ"
จู่ๆ เขาก็เกิดอยากจะอาเจียนขึ้นมาแต่พอเห็นหน้าเธอก็ต้องตัดใจนั่งลงก่อนจะตัดกับข้าวให้เธอไข่พะโล้ 2 ลูกเขาตักให้เธอ 1 ลูกและตักใส่จานของเขา 1 ลูกแต่เขาแบ่งไว้เพียงแค่ครึ่งลูกแล้วตักอีกครึ่งให้เธอ
"ทำไมคุณให้หนูตั้งลูกครึ่งคะ"
"กินเยอะๆ จะได้โตไวๆ"
"หนูยังจะโตอีกเหรอคะ O.O"
อัสนีเงยหน้าขึ้นมาจากจานข้าวเพื่อมองใบหน้าของเธอในตอนนี้คนอะไรทำตัวน่าแกล้งจริงๆ กินไปเถอะกินให้อ้วนตัวกลมไปเลยยิ่งดี
"กินเถอะผมมีงานต้องทำ"
"ค่ะ^^"
อัสนีไม่ได้สนใจว่าวันนี้เขามีนัดกับครอบครัวและผู้หญิงที่แม่ของเขาหามาให้เพราะว่าตอนนี้เขาเจอดวงใจที่หายไปแล้ว ทานข้าวเสร็จเขาก็ช่วยเธอล้างจานถึงเขาจะเป็นลูกคุณหญิงคุณนายก็ใช่ว่าเขาจะทำงานไม่เป็นเพราะความอินโทรเวิร์ดของเขาจึงไม่ค่อยชอบให้ใครเข้ามาวุ่นวายตอนอยู่เมืองนอกงานบ้านทุกอย่างเขาจะเป็นคนทำเองนอกเสียจากเก็บกวาดบ้านและซักที่หลับที่นอนเขาจะให้แม่บ้านคนสนิทมาทำให้เท่านั้น
"หนูไม่ได้เป็นอะไรมากเดี๋ยวหนูไปทำเองก็ได้ค่ะคุณมีธุระต้องไปทำก็ไปเถอะค่ะ"
"เสร็จแล้วล่ะ นี่ผลไม้ผมปอกไว้ให้แล้วนะ"
"ขอบคุณค่ะ"
อัสนีขับรถกลับมาบ้านอย่างอารมณ์ดีแต่เมื่อมาถึงก็เจอสายตาของคุณแม่และคุณพ่อมองมาอย่างคาดโทษเขารู้ตัวว่าเขาผิดที่ไม่ยอมกลับบ้านมาทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากับทุกคนแต่ถามว่าเขาแคร์ไหมคนอย่างเขานะหรือที่จะแคร์เขาโตจนอายุปูนนี้แล้วไม่ต้องมีใครมาชี้นำทางก็ได้
"เดี๋ยว!! อัสนีมานั่งก่อนแม่มีเรื่องจะคุยด้วย" น้ำเสียงของคุณหญิงทำเอาเหล่าแม่บ้านก้มหน้าก้มตากันเป็นแถว
"ครับ"
เพียงแค่เขาเดินมานั่งผู้เป็นแม่ก็แทบจะหยิกจนเนื้อเขียวลูกชายตัวดีทำให้เธอเสียผู้ใหญ่ดีที่หนูแก้วตาเป็นเด็กน่ารักในสายตาของผู้ใหญ่ทุกคนจึงไม่ได้แสดงอาการอะไรนอกเสียจากน้อยอกน้อยใจจนขอตัวกลับบ้านไปก่อน
"เรานี่มันหน้าตีจริงๆ แม่บอกแล้วใช่ไหมว่ายังไงวันนี้ก็ต้องมาทานข้าวด้วยกันหนูแก้วตามารอตั้งแต่บ่าย"
"ผมขอให้มารอหรือไง-_-!"
"เจ้าลูกคนนี้นี่ ยังไงลูกก็ต้องแต่งงานกับหนูแก้วตาอยู่ดีทำไมไม่ทำดีกับน้องเอาไว้แล้วนี่แม่พึ่งมารู้นะว่าเราต่อว่าน้องที่น้องไปรับที่สนามบินแถมยังเอาดอกไม้ที่น้องตั้งใจเอาไปให้ทิ้งลงถังขยะต่อหน้าต่อตาทำแบบนี้มันทำร้ายจิตใจน้องมากเกินไปไม่รู้ล่ะพรุ่งนี้ลูกต้องไปรับหนูแก้วตาไปทานข้าวไปเที่ยวน้องจะได้หายโกรธเข้าใจไหม"
"ทำไมคุณแม่ไม่ถามผมเลยว่าผมคิดอะไรกับน้องแก้วตาหรือเปล่าผมไม่เคยคิดอะไรกับแก้วตาเกินเลยไปกว่าพี่น้องคุณแม่ก็น่าจะรู้นะครับว่าผมเป็นคนยังไงอะไรที่ผมไม่ชอบก็คือไม่ชอบ"
อัสนีเห็นสีหน้าของคุณพ่อคุณแม่แล้วไม่สบายใจเขาหมุนตัวกลับแล้วรีบเดินออกมาจากบ้านก่อนจะขับรถสปอตคู่ใจออกมาด้วยความเร็วโดยไม่สนใจเสียงทักท้วงจากคนในบ้านเลย
ผับT
กลุ่มเพื่อนสมัยเรียนของอัสนีกำลังเลี้ยงฉลองต้อนรับการกลับมาของเขากันอย่างสนุกสนานคงจะมีเพียงอัสนีที่นั่งถอนหายใจไม่รู้ครั้งที่เท่าไหร่แล้ว
"ไงมึงไม่สนุกหรือไงวะสาวเยอะเต็มโต๊ะเอาแต่นั่งเขี่ยโทรศัพท์" อภิวัฒน์ขยับมาถามเพื่อนเขาเป็นเพื่อนที่สนิทมากตอนสมัยเรียนปัจจุบันสานต่อธุรกิจรถทัวร์ต่อจากครอบครัว
"แค่เซ็งๆ"
"แล้ววันนี้กลับบ้านหรือไปต่อกับพวกกู สาวๆ กลุ่มนี้อยู่ยันเช้าเลยนะเว้ย"
"เอาเลยพวกมึงตามสบายเถอะกูมีงานเช้าว่ะ"
อัสนีปฏิเสธอย่างมีมารยาทเขาไม่สนใจจะไปต่อกับใครทั้งนั้นและตอนนี้ก็ไม่ได้อยากกลับบ้านด้วย เขานั่งต่ออีกไม่นานก็ขอตัวกลับก่อนและไม่ลืมที่จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้กับเพื่อนในวันนี้ เขาขับรถออกมาจากผับTโดยไม่มีจุดหมายปลายทางรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มาจอดรถอยู่หน้าบ้านของเหมยลี่ยัยเด็กแก้มกลมที่เขาแอบมองมาตั้งแต่เด็กแต่พอมองเข้าไปเห็นไฟทุกดวงดับสนิทเขาก็รีบขับรถออกมาจากหน้าบ้านเธอ
"เป็นเอามากนะเนี่ยกู เหอะ!"
วันต่อมา
อัสนีเดินทางมาทำงานในช่วงเช้าเขาจอดรถอยู่ตรงไฟแดงสายตามองเข้าไปยังร้านดอกไม้พอเห็นเธอกำลังคุยกับลูกค้าหนุ่มความหงุดหงิดจากก้นบึ้งหัวใจก็ทำให้เขาตบไฟเลี้ยวเพื่อขอทางไปยังร้านดอกไม้
"สวัสดีค่ะอ้าวคุณมาซื้อดอกไม้เหรอคะ" เหมยลี่รีบทักทายแต่สายตาของอัสนีมองจ้องไปยังชายหนุ่มผู้นั้น
"คุณเป็นยังไงบ้างยังเจ็บแผลอยู่หรือเปล่าทำไมวันนี้ไม่หยุดพักฝืนมาทำงานทำไม"
"ไม่มีคนทำงานแทนค่ะหนูหยุดไม่ได้หรอกค่ะ"
"คุณเหมยลี่ครับผมรับเป็นดอกลิลลี่สีขาวก็ได้ครับ"
"เห็นไหมคะหนูบอกแล้วผู้หญิงส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ชอบดอกกุหลาบเสมอไปดอกลิลลี่ก็มีความหมายที่ดีค่ะ คุณนั่งรอหนูก่อนก็ได้นะคะเดี๋ยวหนูขอจัดดอกไม้ให้ลูกค้าแป๊บนึงคุณรีบไหมหรือจะให้หนูเอาไปส่งที่บริษัท" เหมยลี่หันมาบอกกับอัสนีแต่หารู้ไม่ว่าคนอย่างเขารอเธอได้สบายนานกว่านี้เขาก็รอมาแล้ว
"ไม่เป็นไรผมรอได้" เขาเน้นคำว่าผมรอได้อย่างชัดถ้อยชัดคำเหมยลี่ไม่รู้ความหมายของเขาเธอปล่อยให้เขานั่งรอท่ามกลางดอกไม้ห้อมล้อมส่วนตัวเธอรีบไปเลือกดอกไม้แล้วจัดช่อให้ลูกค้าด้านในห้องกระจกเวลาเธอทำงานเธอจะมีความสุขยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนคนไม่มีความทุกข์ทั้งที่เมื่อวานเขาเกือบขับรถชนเธอแถมเธอยังบาดเจ็บเดินกะเผลกมาทำงานก็ไม่แสดงท่าทีอิดออดเลย
เหมยลี่นำช่อดอกลิลลี่สีขาวตกแต่งด้วยใบไม้สีเขียวเล็กน้อยออกมาส่งลูกค้าเมื่อรับเงินเสร็จเธอก็รีบเดินมาหาอัสนีเพื่อถามถึงดอกไม้ที่เขาต้องการแต่คนไม่ได้เตรียมตัวแสดงพิรุธออกมาอย่างชัดเจนดอกไม้อะไรแล้วเขาจะซื้อไปให้ใครให้ตายเถอะคิดไม่ทันจริงๆ
"คุณเอาไปให้ใครคะลูกค้าหรือว่าให้ผู้ใหญ่ให้แฟนหนูจะได้ช่วยเลือกค่ะ"
"คือว่าผมเอ่อ.... คุณชอบดอกไม้แบบไหนล่ะผมก็เลือกไม่ถูกดอกอะไรบ้างก็ไม่รู้เต็มไปหมด" เขาตอบส่งๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนกระชับสูทเข้าหากัน
"ถ้าเป็นหนู หนูชอบทุกอย่างนั่นแหละค่ะเพราะดอกไม้ไม่ว่ามันจะเป็นดอกอะไรล้วนแต่ขึ้นอยู่กับเจตนาของผู้ให้^^"
อย่ายิ้มแบบนี้ได้ไหมอัสนีแทบจะละลายอยู่ตรงนี้แล้วเขาเก็บอาการไม่อยู่จนต้องรีบหันหลังแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ
"คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะทำไมหูคุณแดงแบบนั้น?“
"ซวยแล้วกู"
____________________
เขินน้องหนักมากเลยอิพี่