อาเหยียน แหวกว่ายผ่านฝูงชนที่ต้องการซื้อหาผลิตผลล้ำค่าจากแปลงผักของสกุลโจว ถึงแม้จะพืชผักที่เลือกมาจำหน่ายจะมิใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด ทว่าก็สดและงามมากกว่าผักที่หาได้ตามท้องตลาดอยู่หลายเท่าตัว และเมื่อนายท่านโจวหงเหลียงสั่งให้วางขายในราคาเดียวกับตลาด แผงผักอื่น ๆ จึงหมดความน่าสนใจ ไร้ลูกค้าไปโดยปริยาย
“แม่นาง ข้าอยากจะขอโทษเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่าย ข้าไม่ทราบมาก่อนว่าเจ้าคือสตรี”
สีหน้าลำบากใจของอาเหยียน ทำเอาคนที่กำลังมองอยู่นึกสงสาร จากที่กำลังอารมณ์เสียอยู่ก็รู้สึกดีขึ้นหลายส่วน พอแนะนำตัวกันเรียบร้อยดีแล้ว ชายหนุ่มอายุย่างเข้ายี่สิบสองปีก็อาสาพาคนที่เพิ่งจะรู้จักกันเดินชมเมืองตามมารยาท
“ช่างเถิด ข้าเองก็ตั้งใจแต่งตัวให้ท่านเข้าใจว่าเป็นบุรุษ หากจะมีใครผิด ก็ควรจะเป็นหัวขโมยอย่างข้า” หลี่ซินเหมยกล่าวตัดบทสนทนา เตรียมตัวเตรียมใจเข้าร้านขายสมุนไพรของสกุลหวัง
“เจ้าจะไปไหนหรือ”
“ข้าต้องไปซื้อสมุนไพรที่ร้านสกุลหวัง”
ความจริงหลี่ซินเหมยก็ไม่ได้อยากเข้าไปในร้านของสองพ่อลูกใจร้ายคู่นั้นนักหรอก แต่จนใจที่ว่าร้านสมุนไพรอีกร้านไม่มีตัวยาที่ต้องการ นางจึงต้องจำยอมกลืนความเกลียดชังลงท้อง กลับเข้าไปเผชิญหน้ากับชายชราและบุตรสาวที่ขับไล่กันเมื่อหลายวันก่อน
“ข้าจะไปเป็นเพื่อน คนในร้านนั่น ไม่ค่อยน่าคบหาสักเท่าไหร่นัก” อาเหยียนยิ้มเหยียด พลางนึกถึงวีรกรรมที่ไม่น่าชมของคนสกุลหวัง ความจริงเขาเป็นคนง่าย ๆ แทบจะไม่เคยอาละวาดหรือโกรธใครเสียด้วยซ้ำ
ทว่าสตรีสกุลหวังคือข้อยกเว้น
“รบกวนท่านแล้ว” ดูเหมือนว่าการละทิ้งอดีต และย้ายมาอยู่ที่เมืองเฉินหยางจะมิใช่การตัดสินใจที่ผิดพลาด ช่วงแรกอาจจะทุลักทุเล เพราะพบเจอกับคนไร้น้ำใจไปบ้าง ทว่าสุดท้ายก็มีคนยื่นความช่วยเหลือให้กับนางแล้วมิใช่หรือ
“มีหลายเรื่องที่เจ้าควรจะทราบเอาไว้ก่อนที่จะเริ่มทำงาน คุณชายจะไม่ออกนอกบ้านในช่วงกลางวัน และนายท่านห่วงและตามใจคุณชายอย่างมาก หากคุณชายยอมให้เจ้าอยู่ต่อก็โชคดีไป หากคุณชายไม่พอใจ เจ้าก็อาจจะต้องถูกส่งตัวให้กับทางการ”
“คุณชายโจวดูคล้ายจะเอาแต่ใจอย่างมาก” หลี่ซินเหมยอดออกความเห็นมิได้
“เอาแต่ใจอยู่บ้าง แต่ก็มิเท่าพวกคุณชายเหลวไหลในเมืองนี้หรอก” อาเหยียนพาโฉมงามเข้าร้านสมุนไพรที่ใหญ่ที่สุดของเมืองเฉินหยาง และนั่นก็เป็นไปตามคาด เพราะสตรีที่เขาไม่อยากเจอก็อยู่ที่นั่นด้วย
คุณหนูหวังฮุ่ยเหอ ปรายตามองลูกค้าที่เข้ามาในร้านอย่างไม่สบอารมณ์ เป็นที่รู้โดยทั่วกันว่านางรักที่จะเอาใจเฉพาะลูกค้ากระเป๋าหนัก ส่วนคนที่มาขอซื้อสมุนไพรรายย่อยนั่นก็แล้วแต่ดวง หากแต่งตัวดีหน่อย นางก็ให้การต้อนรับ พูดคุยด้วยตามมารยาท หากดูแล้วไม่ใช่ผู้ที่มีกำลังซื้อจำนวนมาก นางก็จะรีบขายรีบไล่ ไม่สนทนาด้วยให้เสียเวลา
“เหตุใดยังใจกล้าหน้าด้านกลับมาอีก ก็บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าข้าไม่รับเจ้าทำงานที่นี่!” หวังฮุ่ยเหอตวาดโฉมงามที่เคยขอทำงานในร้านขายสมุนไพร ความจริงนางต้องการคนช่วยงาน ทว่ายอมรับไม่ได้ หากต้องว่าจ้างสตรีที่มีความงามเหนือกว่า
“นางมาซื้อสมุนไพร มิได้มาของานทำ” อาเหยียนกล่าวแก้
“ข้าอยากได้โต่วต๋ง ที่ร้านของคุณหนูพอจะมีหรือไม่”
หลี่ซินเหมยข่มอารมณ์ สอบถามถึงสมุนไพรแก้อาการปวดหลัง ปวดเอว และปวดหัวเข่า รวมถึงช่วยบำรุงตับ ไต และโลหิตได้เป็นอย่างดี
“ร้านข้าใหญ่ที่สุดในเมือง ย่อมต้องมีทุกอย่าง”
นางหยิบเอาสมุนไพรห่อเล็ก ๆ มาวาง ก่อนจะเอ่ยราคา ซึ่งค่อนข้างจะแพงเกินความจริงอยู่มาก และเมื่อเห็นทีท่าลังเลของลูกค้าหน้าหวาน หวังฮุ่ยเหอก็ทำท่าว่าจะเก็บสินค้ากลับคืน
นั่นทำให้หลี่ซินเหมยยอมวางเงินก้อนหนึ่งอย่างเสียมิได้
“ขูดรีดกันยิ่งนัก!”
หลี่ซินเหมยสบถเสียงดังทันทีที่เดินออกจากร้านขายยา
โฉมงามมองเงินที่เหลืออยู่ในมือและถอนหายใจยาว ความจริงนางตั้งใจว่าจะซื้อเสื้อผ้าบุรุษอย่างหยาบสักสองสามชุด เพื่อเอาไว้ใส่ไปทำงาน แต่ตอนนี้คงซื้อได้แค่เพียงชุดเดียวเท่านั้น
“ท่านพอจะแนะนำร้านค้าที่ขายเสื้อผ้าสำหรับใส่ไปทำงานในสวนได้หรือไม่ เอาที่ราคาไม่แพงนัก”
“ที่แท้เจ้ากังวลเรื่องเสื้อผ้าที่จะต้องใส่เข้าไปทำงานในสวน”
อาเหยียนยิ้มอย่างอารมณ์ดี เขาดูเป็นคนซื่อ ๆ คิดอย่างไรก็พูดออกมา และเมื่อทราบว่าลูกจ้างคนใหม่ของแปลงผักต้องการสิ่งใด เขาก็รีบเสนอทางออกให้ในทันที
“หากเจ้าไม่ถือสา ข้ามีเสื้อผ้าเก่า ๆ ของคุณชายโจวเก็บเอาไว้อยู่จำนวนหนึ่ง แต่ละชุดล้วนเหมาะกับการสวมใส่ ยามต้องทำงานในสวน”
ความจริงอาเหยียนตั้งใจจะเอาไปบริจาคตามคำสั่งของนายท่าน แต่การมอบให้นางก็มิถือว่าผิดจุดประสงค์มิใช่หรือ
“ไม่ถือสา อะไรที่ไม่ต้องใช้เงิน ข้าไม่ถือสาทั้งนั้น”
หลี่ซินเหมยรีบตอบทันควัน เมื่อทราบว่ามีหนทางที่ทำให้นางไม่ต้องใช้เงินเกินกว่าที่กำหนดไว้ในแต่ละวัน
หลังจากสนทนากันอยู่พักใหญ่ คุณหนูตกยากก็ทราบว่าคู่สนทนาอายุมากกว่าถึงห้าปี ทั้งยังมีตำแหน่งเป็นถึงหัวหน้าคนสวน คอยควบคุมทุกอย่างในแปลงผักหลวง ทว่าอาเหยียนก็ยืนยันว่ามิต้องเรียกขานกันว่าหัวหน้าให้มากความ ส่วนเรื่องเสื้อผ้าของคุณชายโจว เขาจะนำมาให้นางในวันพรุ่งนี้เช้า
“คงไม่ต้องแก้ไขอะไรมาก เพราะเสื้อผ้าเก่าที่ว่า คือเสื้อผ้าของคุณชายยามอายุได้เพียงสิบสองปีเท่านั้น” อาเหยียนยกมือขึ้นเพื่อวัดระดับความสูงของนาง ก่อนจะพึมพำกับตัวเองว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
“ท่านบอกข้าเรื่องคุณชายได้หรือไม่”
“คุณชายอารมณ์ดีเสมอ ทว่าบางครั้งก็ชอบแกล้งคนเล่นแก้เบื่อ อีกเรื่องที่สำคัญคือคุณชายมิชอบถูกแดด และจะออกมาดูแปลงผักแค่ในช่วงเช้าตรู่หรือไม่ก็ช่วงเย็นเท่านั้น แต่หากวันไหนแดดไม่แรงมาก คุณชายก็จะออกมาในช่วงกลางวันด้วย” คำบอกเล่าของอาเหยียนทำเอาคนฟังถึงกับลอบยิ้มหยัน
หลี่ซินเหมยไม่ชอบผู้ชายเจ้าสำอาง
“ซินเหมย มีอีกเรื่องเจ้าควรรู้”
“เรื่องอะไรหรือ” หลี่ซินเหมยขยับเข้าไปใกล้
“คุณชายถูกบังคับให้ทำความรู้จัก ผูกมิตรกับคุณหนูสกุลหวัง แต่คุณชายไม่ชอบนาง และจะอารมณ์เสียทุกครั้งที่คุณหนูแวะไปหาที่บ้าน”
“แล้วเหตุใดนางจึงต้องไปที่บ้านของคุณชายด้วยเล่า” หลี่ซินเหมยบีบขมับ เพราะไม่นึกว่าจะต้องเจอกับสตรีปากร้ายอีก
“เห็นว่าต้องนำสมุนไพรบำรุงร่างกายไปให้คุณชายทุก ๆ สิบห้าวัน นอกเหนือจากนั้นข้าก็ไม่รู้ ความจริงข้าก็เพิ่งจะถูกเรียกตัวมาจากต่างเมือง เพราะว่าคนงานที่นี่ถูกไล่ออกเกือบหมดเมื่อหลายเดือนก่อน”