บทที่ 1 เริ่มต้นใหม่ในเมืองเฉินหยาง 3

1310 คำ
อาเหยียนรับหน้าที่ดูแลแปลงผักสกุลโจวที่อยู่อีกเมือง ซึ่งเป็นพืชปลูกยากที่ให้ผลผลิตเพียงแค่ปีละครั้งเท่านั้น เขายังเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับงานอีกหลายอย่าง เพื่อช่วยแนะแนวทางให้กับหลี่ซินเหมยได้ทราบว่าต้องทำอะไรต่อไปบ้าง “ความจริงข้ามิได้ถนัดการปลูกผักอย่างที่อ้างเอาตัวรอดก่อนหน้านี้ ทว่าก็พอมีฝีมือในการปลูกสมุนไพรอยู่บ้าง” หลี่ซินเหมยรู้สึกสบายใจขึ้นมาก จนกระทั่งยอมเปิดเผยรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับชีวิตของนาง ใช้เวลาไม่นาน อาเหยียนและลูกจ้างคนใหม่ก็ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าแผงผักสกุลโจว คนสวนสองชีวิตทำหน้าที่พ่อค้าจำเป็น จนกระทั่งไม่เหลืออะไรให้ขายอีก ทั้งคู่รีบมอบเงินจำนวนมากให้กับหัวหน้าคนสวนที่เพิ่งจะมาถึง ราวกับกลัวว่าเงินก้อนนั้นจะทำมือของทั้งสอง พองไหม้ไปเสียก่อน “นี่ซินเหมย นางจะมาทำงานกับเราในวันพรุ่งนี้” อาเหยียนแจ้งให้กับคนสวนทั้งสองได้รับทราบ “น้องสาวตัวเล็กนิดเดียว จะทำสวนไหวอยู่หรือ” หนึ่งในนั้นทำสีหน้ากังวล “ไม่ไหว ก็ทำเท่าที่ไหว ถ้าขาดเหลืออะไรก็ค่อยช่วยกัน” พออีกคนกล่าวปลอบใจก็ค่อยหายห่วงสาวน้อยขึ้นมาบ้าง “น้องสาวไม่ต้องห่วง ช่วงนี้งานไม่หนักแล้ว” อู๋ฮวนและหูเฉิน กล่าวทักทายแล้วเสร็จก็รีบขอตัวเก็บข้าวของ เตรียมกลับไปพักผ่อน พลางย้ำว่าถ้ามีปัญหาอะไรให้รีบบอก จะได้ช่วยกันแก้ไขได้ทัน และนั่นทำให้หลี่ซินเหมยแทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ ผู้คนที่เมืองเฉินหยางล้วนมีน้ำใจ แตกต่างจากคนที่บ้านเกิดของนางราวฟ้ากับดิน “ฟ้าจะมืดแล้ว เดี๋ยวข้าจะเดินไปส่ง” อาเหยียนเสนอตัว อย่างไรนางก็เป็นสตรี ควรต้องดูแลกันตามสมควร “อย่าลำบากเลย ข้ากลับเองได้” หลี่ซินเหมยรีบปฏิเสธ “เช่นนั้นก็เดินด้วยกัน จนกว่าจะถึงทางที่จะต้องแยก” อาเหยียนเดินคู่กับสาวงามไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงทางแยกเข้าบ้านหลังเล็กที่อยู่ไม่ห่างจากแปลงผักสกุลโจว “ถึงแล้ว บ้านของข้าอยู่แยกข้างหน้านี้เอง” “ที่แท้เจ้าก็เช่าบ้านของตาเฒ่าหยางอยู่ที่นี่ อย่างน้อยก็มั่นใจได้แล้วว่าคนงานใหม่จะไม่ไปทำงานสาย” อาเหยียนแสร้งทำท่าโล่งใจ ก่อนจะขอตัวกลับบ้านของตนที่อยู่ห่างออกไปไม่มากนัก หลี่ซินเหมยมั่นใจแล้วว่านี่คือการเริ่มต้นใหม่ที่ดี และจะไม่มีผู้ใดกล่าวหาว่าร้าย หรือพูดจาให้นางต้องชอกช้ำหัวใจอีก กลิ่นหอมของอาหารดึงสติของคนที่กำลังคิดมาก ให้กลับคืนสู่เหตุการณ์ในปัจจุบัน เสียงร้องเรียกของสาวใช้ทำให้คุณหนูสกุลหลี่รีบสลัดเรื่องรบกวนใจไปให้พ้นสมอง พอเลิกนึกถึงเรื่องในอดีต นางก็ตระหนักได้ว่าท้องกำลังร้องประท้วง เพราะตั้งแต่เช้ามายังไม่ได้กินอะไรเลยสักคำ และพอนึกถึงคำของอาเหยียนที่กล่าวว่า คุณชายอนุญาตให้นำผักที่ไม่ค่อยสวยกลับบ้านได้ หลังทำงานในแต่ละวัน หลี่ซินเหมยก็ถึงกับเผยรอยยิ้มแต้มมุมปากที่หาได้ยากยิ่ง คนในบ้านสกุลหลี่ ไม่ต้องอดตายแล้ว! หลังจากดวงตะวันแตะขอบฟ้าได้ไม่นาน โฉมงามสกุลหลี่ก็รีบก้าวขาออกจากบ้าน แม้ทราบดีว่ายังไม่ถึงเวลาเริ่มงาน ทว่านางก็รีบไปเพื่อที่จะได้รับชุดเก่า ๆ สำหรับทำสวน มาสวมใส่ให้ดูทะมัดทะแมง มิใช่สวมชุดเช่นเดียวกันกับยามที่นางยังพอมีฐานะดีอยู่ ทว่ายังมิทันจะพ้นทางแยก นางก็เจอหัวหน้าคนสวนยืนรออยู่ ในมือของเขามีห่อผ้าขนาดใหญ่ “คิดว่าเจ้าคงอยากจะเปลี่ยนที่บ้านมากกว่าที่แปลงผัก ที่นั่นมีแต่บุรุษ ซินเหมยคงไม่สะดวกนัก” อาเหยียนยิ้มกว้าง ความจริงเขาทราบดีว่าบ้านของนางอยู่ไม่ไกลนัก ทว่าก็จำจะต้องรักษามารยาทให้ดี ไม่ใช่คิดอยากจะไปบ้านสตรีใดก็ไปได้ “ท่านพูดถูก รอข้าสักครู่เถิด ครู่เดียวเท่านั้น” หลี่ซินเหมยพอได้ของที่ต้องการแล้ว ก็วิ่งปราดกลับเข้าบ้าน ใช้เวลาเพียงชั่วอึดใจ นางก็ปรากฏตัวใหม่ในชุดของบุรุษที่ดูทะมัดทะแมง เสื้อดูหลวมไปบ้าง ทว่าก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร “แก้ขาให้สั้นลงสักหน่อยก็ใช้ได้กระมัง” “เหตุใดท่านจึงดีกับข้านัก” หลี่ซินเหมยอดถามมิได้ “เห็นเจ้าแล้วคิดถึงน้องสาว นางตัวเล็กเท่ากัน ทว่ายิ้มเก่งกว่ามาก” “น้องสาวของท่านแต่งงานออกเรือนไปแล้วหรือ” “นางไม่อยู่แล้ว ท่านแม่ของข้าก็เช่นกัน” อาเหยียนเล่าว่ายามนั้นเขายังอยู่ที่ต่างเมือง และพอได้ยินข่าวว่าในเมืองเฉินหยางมีโรคระบาด เขาก็รีบกลับมา ทว่าก็มาทันแค่เพียงดูใจกันเท่านั้น มารดาและน้องสาวของอาเหยียนยังคงยิ้มกว้างจนกระทั่งวินาทีสุดท้ายของชีวิต ความจริงแล้วโรคระบาดที่ว่ามิได้ร้ายแรงมาก หากได้รับการรักษาเสียตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็คงหายดี แต่จนใจว่าในยามนั้นมีคนป่วยค่อนข้างเยอะ และสมุนไพรในเมืองมีไม่พอจำหน่าย ซ้ำยังขึ้นราคาเสียจนคนที่มีฐานะปานกลางเอื้อมแทบจะไม่ถึง ไม่ต้องพูดถึงคนที่มีฐานะต่ำ โอกาสมีชีวิตรอดแทบจะไม่มีเหลือ “ข้าเสียใจกับท่านด้วย เห็นยิ้มเก่งอารมณ์ดี นึกไม่ถึงว่าจะมีเรื่องทุกข์ใจซ่อนอยู่” “คนเรามีวิธีรับมือกับความทุกข์ใจต่างกัน น้องสาวของข้าร่าเริงอย่างมาก นางคงไม่ค่อยสบายใจ หากเห็นว่าข้ายังจมอยู่กับความทุกข์ มารดาของข้าเองก็เช่นกัน” เขาบอกให้หลี่ซินเหมยไปรอหน้าบ้านของคุณชายเพื่อเตรียมตัวรับคำสั่ง ก่อนจะแยกไปเตรียมตัวแจกจ่ายงานทันทีที่ถึงแปลงผักหลวง “ยามทำงานข้าอาจจะต้องดุเจ้าสักหน่อย” อาเหยียนทำสีหน้าไม่ค่อยสบายใจระหว่างก้าวขาออกห่าง “ท่านเป็นหัวหน้าคนสวน ดุด่าคนงานไม่ได้เรื่องอย่างข้าก็นับว่าสมควรแล้ว” “ดุด่าออกจะเป็นคำที่รุนแรงมากเกินไปสักหน่อยกระมัง” อาเหยียนหัวเราะเบา ๆ และพอเหล่าคนสวนทยอยมาถึงแปลงผักหลวง เขาก็เปลี่ยนไปทำหน้าเข้มราวกับมิใช่คนเดิม หลี่ซินเหมยไม่ได้เห็นรอยยิ้มของเขาอีก พอได้พูดคุยกับอาเหยียนสักหลายคำ นางก็เข้าใจแล้วว่าเขาเป็นคนที่มีจิตใจดีอย่างมาก ทว่าก็จริงจังกับงานอย่างมากมิแพ้กัน หลังจากนั่งมองหัวหน้าคนสวนหรืออาเหยียนสั่งงานได้พักใหญ่ หลี่ซินเหมยก็หยิบเอาผ้าคลุมผืนยาวมาพันรอบศีรษะและดวงหน้า เพื่อป้องกันมิให้แสงแดดแผดเผาเนื้อเนียน และพอจัดให้ทุกอย่างแน่นกระชับดีแล้ว สาวใช้ของบ้านก็ปรากฏตัว และเชิญนางให้เข้าไปพบคุณชายที่เพิ่งจะรับประทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยดี “ซินเหมยมาแล้ว!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม