บทที่ 1 เริ่มต้นใหม่ในเมืองเฉินหยาง 1

1295 คำ
หลังจากได้ของที่ต้องการแล้ว หัวขโมยแปลงผักก็รีบเดินทางกลับบ้าน ซึ่งนั่นก็ใช้เวลาไม่นาน เพราะบ้านหลังเล็ก ๆ ที่นางเช่าอยู่กับท่านย่าและสาวใช้ อยู่ไม่ห่างจากแปลงผักหลวงมากนัก หากคำนวณดูให้ดี ใช้เวลาไม่เกินหนึ่งเค่อ (สิบห้านาที) ก็เดินถึงแล้ว หลี่ซินเหมยวางหัวไชเท้าที่นางได้มาอย่างยากลำบาก และล้างใบหน้าที่เปื้อนดินโคลนจนสะอาดดี “คุณหนูได้ของที่ต้องการมาด้วยหรือไม่เจ้าคะ!” จ้าวจินอิ๋ง อดีตสาวใช้สกุลหลี่เอ่ยถาม ดวงตาของนางเป็นประกายทั้ง ๆ ที่คุณหนูมิทันได้ให้คำตอบ ร่างบางวิ่งถลาตรงมายังหัวไชเท้าสีขาวอวบ ก่อนจะหันไปมองเจ้าไก่ตัวอ้วนที่ได้มาเมื่อสามวันที่แล้วด้วยสายตามิประสงค์ดี “บอกกี่ครั้งแล้วว่ามิให้เรียกว่าคุณหนู” หลี่ซินเหมยบ่นพึมพำ นางตกต่ำถึงขั้นต้องย้ายเมืองหนีปัญหา เงินทองที่เคยสะสมมาก็เริ่มร่อยหรอ หากมิหางานทำให้ได้ในเร็ววันนี้ นางก็คงจะมีปัญหามากอยู่เหมือนกัน ทีแรกหลี่ซินเหมยก็ตั้งใจว่าจะใช้ความรู้ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ ทว่าร้านขายสมุนไพรในเมืองกลับไล่นางเยี่ยงสุนัข ส่วนอีกร้านก็เล็กและไม่สะดวกที่จะรับใครเข้าทำงานเพิ่มเติม ทว่าก็ยังใจดีและบอกว่าจะรับซื้อสมุนไพร หากนางนำมาขายในอนาคต โชคยังดีที่คุณชายสกุลโจวช่วยให้นางได้มีงานทำ “ท่านย่าเป็นอย่างไรบ้าง” คุณหนูตกยากร้องถาม หลังจากทำความสะอาดร่างกายเรียบร้อยแล้ว “วันนี้นอนหลับทั้งวันเลยเจ้าค่ะ ตื่นมาเพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น” สาวใช้รีบรายงาน “ดื่มยาเรียบร้อยดีแล้วใช่หรือไม่” “เจ้าค่ะ แล้วคุณหนูไปได้หัวไชเท้ามาจากร้านใดหรือเจ้าคะ” จ้าวจินอิ๋งถามขณะลงมือตุ๋นไก่ ทำอาหารที่ผู้อาวุโสของบ้านต้องการรับประทาน “ไปขอซื้อมาจากแปลงผักสกุลโจว” หลี่ซินเหมยมิกล้าเล่าความจริง ทั้งยังโกหกต่อไปด้วยว่า ตนได้รับข้อเสนอให้ทำงานที่แปลงผักหลวง และต้องทำสัญญาเป็นเวลาหนึ่งปี “คุณหนูจะไหวหรือเจ้าคะ ให้จินอิ๋งไปแทนเถิดนะเจ้าคะ” “บอกว่ามิให้เรียกข้าว่าคุณหนูอีก อยู่บ้านซอมซ่อ เงินทองแทบไม่พอใช้ เจ้าจะเรียกว่าข้าคุณหนูได้อย่างไรกัน” “ต่อให้ต้องลำบากมากกว่านี้ คุณหนูก็ยังเป็นคุณหนู จินอิ๋งทำตัวเสียมารยาท ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงไม่ได้หรอกนะเจ้าคะ” นางเติมถ่านเข้าเตา ตั้งใจว่าจะตุ๋นไก่อีกสักครึ่งชั่วยาม เพื่อให้คนป่วยย่อยอาหารได้อย่างไม่ลำบาก “เอาเถิด อยากเรียกอย่างไรก็ตามใจเจ้า เดี๋ยวข้าจะไปตรวจดูอาการของท่านย่าสักหน่อย” หลี่ซินเหมยเบื่อที่จะเถียง นางและสาวใช้เติบโตมาด้วยกัน ในขณะที่บ่าวคนอื่น ๆ รีบหานายใหม่หลังบ้านสกุลหลี่แตก ทว่าจ้าวจินอิ๋งกลับมิยอมไปไหน สาวน้อยสัญญาว่าจะอยู่ด้วยจนกว่าจะถูกไล่ หรืออย่างน้อยก็จนกระทั่งถึงวาระสุดท้ายของผู้อาวุโสสกุลหลี่ ท่านย่าหลี่ฉินเหยา พลิกตัวตื่นทันทีที่ได้ยินเสียงประตูห้องเปิดออก นางอายุมากกว่าเจ็ดสิบปีแล้ว สุขภาพมิค่อยแข็งแรง เจ็บออด ๆ แอด ๆ นานนับสิบปี ยิ่งสูญเสียลูกชายคนเดียวไปเมื่อสองปีก่อน ก็ยิ่งทำใจให้กินดื่มได้ลำบาก หากคาดการณ์ไม่ผิดพลาด ปีนี้ก็คงเป็นปีสุดท้ายที่นางจะรั้งลมหายใจให้อยู่ต่อไปได้แล้ว “กลับมาแล้วหรือซินเหมย” “เจ้าค่ะ ท่านย่า” นางสัมผัสมือเหี่ยวย่นอย่างทะนุถนอม ก่อนจะตรวจชีพจรของญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวที่นางเหลืออยู่ ถึงแม้มิใช่หมอยามากฝีมือเช่นเดียวกับบิดา ทว่านางก็ยังมีความสามารถในการวิเคราะห์อาการของคนป่วยอยู่บ้าง “แล้วเจ้าได้งานที่ร้านขายสมุนไพรในเมืองนั่นหรือไม่” หลี่ฉินเหยาจำได้ว่าในตัวเมืองมีร้านขายสมุนไพรอยู่ถึงสองร้านด้วยกัน ในวันแรกที่ย้ายมายังเมืองเงียบ ๆ แห่งนี้ นางพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง หลังจากใช้เวลาเพียงแค่สองวัน หลานสาวยอดกตัญญูก็หาบ้านเช่าราคาถูกได้ “ไม่ได้เจ้าค่ะท่านย่า เขาบอกว่าได้คนในพื้นที่เรียบร้อยแล้ว แต่หลานได้งานที่แปลงผักหลวง อยู่ห่างจากที่นี่ไม่มาก” หลี่ซินเหมยโกหกเพื่อความสบายของคนรอบตัวจนเป็นนิสัย ชำนาญเสียจนไม่มีใครจับได้ว่าพูดความจริงหรือความเท็จ “เจ้าไม่เคยปลูกผัก จะทำงานไหวอยู่หรือ” “หลานของท่านย่าไม่เคยปลูกผัก ทว่าก็ปลูกสมุนไพรที่ปลูกได้ยากอย่างมากสำเร็จอยู่เสมอ การปลูกพืชผักสวนครัวก็คงไม่ยุ่งยากนักหรอกเจ้าค่ะ แล้วอีกอย่าง สวนที่รับหลานเข้าทำงานก็มิใช่สวนธรรมดา ทว่าคือแปลงผักหลวง รายได้จึงค่อนข้างดี หากท่านย่าอยากกินผักประเภทใด หลานก็ขอแบ่งซื้อกลับมาได้เจ้าค่ะ” “แปลงผักน่าจะมีแต่บุรุษ ซินเหมยต้องระวังตัวเองให้ดี เข้าใจหรือไม่” ท่านย่ากล่าวสั้นกระชับ เพราะเริ่มจะไม่ไหวกับการต้องออกแรงสนทนานาน ๆ “ท่านย่าไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ ซินเหมยจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด” นางยังอวดอ้างต่อไปด้วยว่าเย็นนี้ท่านย่าจะได้กินไก่ตุ๋นหัวไชเท้า ตามที่นึกอยากนานกว่าสามวันแล้ว หากเป็นเมื่อก่อน หลี่ซินเหมยคงจะมิอนุญาตให้ท่านย่ารับประทานอาหารตามใจชอบ แต่เมื่อปลงตกแล้วว่าปีนี้คงเป็นปีสุดท้ายที่นางจะได้มีลมหายใจอยู่ต่อ หลานสาวที่ใจแข็งมาโดยตลอดจึงยอมใจอ่อน ปล่อยให้ผู้อาวุโสรับประทานอาหารตามใจปรารถนา ซึ่งถือเป็นเรื่องสุดท้ายที่นางพอจะทำให้ได้ “อีกสักครู่ข้าจะไปตลาด ไปหาซื้อสมุนไพรให้ท่านย่า เจ้าอยากจะได้อะไรหรือไม่” หลี่ซินเหมยถอนหายใจยามทอดมองแปลงสมุนไพรเล็ก ๆ ที่นางเพิ่งจะลงมือปลูกได้ไม่กี่วัน หากเป็นไปได้ก็อยากจะเลือกใช้สมุนไพรที่ตนปลูกเอง แต่จนใจว่ามันโตไม่เร็วพอกับความต้องการของคนป่วย “คุณหนูรีบกลับมานะเจ้าคะ” สาวใช้กล่าวย้ำเป็นครั้งที่สามว่าไม่ต้องการอะไร คุณหนูของนางจึงไม่เซ้าซี้อีก โฉมงามสลัดเสื้อผ้าของบุรุษราคาถูกที่นางลงทุนซื้อมาจากตลาดเมื่อวานตอนบ่าย ก่อนจะสวมชุดที่เคยใส่อยู่เป็นประจำ ความจริงนางได้เข้าไปขอซื้อหัวไชเท้าที่แปลงผักหลวงตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่กลับได้รับคำปฏิเสธว่าช่วงนี้บ้านสกุลโจวจะไม่ขายผัก จนกว่าจะทำการคัดเลือกเก็บเกี่ยวผลิตผลชั้นดีส่งเข้าเมืองหลวงให้เรียบร้อยเสียก่อน แต่ใครเล่าจะรู้เล่าว่าต้องรออีกแค่สองวัน พืชผักที่ไม่ได้รับการคัดเลือกจะถูกนำมาวางขายในตลาด หลี่ซินเหมยลอบกลอกตายามเห็นชาวบ้านวิ่งกรูเข้าไปซื้อทั้งผักหายากและผักตามฤดูกาล เพียงชั่วอึดใจเดียว บุรุษรูปกำยำสูงใหญ่ก็ดูเหมือนจะจำนางได้ เขารีบออกคำสั่งให้คนงานควบคุมการค้าขายชั่วคราว ส่วนตนเองรีบวิ่งตรงมายังสตรีหน้าตาบูดบึ้งที่คล้ายไม่รู้จักคำว่ายิ้ม
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม