อาเหยียนพรวนดินบริเวณนั้นเอาไว้ เผื่อต้องการใช้ปลูกอะไรเพิ่มเติม และเขาไม่ได้ขัดข้องยามหลี่ซินเหมยมาขออนุญาต ทดลองปลูกพืชผักประเภทไม้เลื้อยที่แปลงว่างเปล่านั่นเล่น
นึกไม่ถึงว่าแปลงผักทดลองของนางจะช่วยรักษาชื่อเสียงของสกุลโจวเอาไว้ได้
“เล่อเทียน เจ้ากลับเข้าไปพักผ่อนในบ้านก่อนเถิด เอาไว้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ค่อยตรวจสอบกันอีกที” โจวหงเหลียงตบบ่าของลูกชายเบา ๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าบ้านไป
สาวใช้จัดเตรียมอาหารให้คุณชายและนายท่านที่เพิ่งจะกลับมาบ้านในรอบสองเดือนกว่า อาหารมื้อเช้าที่คุณชายโปรดปรานถูกนำมาวางเอาไว้บนโต๊ะ ทว่าเขากลับมินึกอยากจะรับประทาน ทั้งยังทำสีหน้าคลื่นไส้คล้ายจะอาเจียนอีกด้วย โจวเล่อเทียนกินเข้าไปได้แค่สองคำก็จำต้องวางตะเกียบ
“กินข้าวมิลงเพราะเรื่องเมื่อครู่นี้หรือ”
“ขอรับท่านพ่อ”
คุณชายเจ้าสำอางฝืนยิ้มให้กับบิดา มือเรียวหยิบตะเกียบขึ้นมา ก่อนจะป้อนอาหารเข้าปากเพิ่มเติมอีกสองสามคำ
การถูกบิดาตามใจแทบจะทุกเรื่อง มิได้ทำให้โจวเล่อเทียนกลายเป็นคุณชายนิสัยเสีย เขารู้สึกเกรงใจที่ช่วยเหลือกิจการของครอบครัวได้ไม่มากพอ ทั้งยังทำให้ท่านพ่อต้องสูญเสียเงินบำรุงสุขภาพอีกจำนวนมาก หากมีเรื่องอันใดที่ทำแล้วบิดาสบายใจ เขาก็ยอมที่จะฝืนใจทำมันอย่างสุดความสามารถ
เว้นแค่เรื่องหมั้นหมายกับคุณหนูหวังฮุ่ยเหอ เขาฝืนทำตามใจบิดามิได้จริง ๆ
“เอาไว้พรุ่งนี้นางกลับมาทำงานแล้วค่อยขอโทษก็คงไม่สายเกินไปกระมัง” โจวหงเหลียงพอจะเดาได้ว่าลูกชายคิดอะไรอยู่
“ซินเหมยคงจะโกรธข้าอย่างมาก นางไม่ยอมกลับมาง่าย ๆ แน่ขอรับ” โจวเล่อเทียนเล่าว่านึกเห็นใจที่นางเป็นสตรี จึงชักชวนเข้ามาช่วยงานในบ้าน แทนการตากแดดร้อนจัดอยู่กลางแปลงผัก
“นางอ่านออกเขียนได้ ทั้งยังเชี่ยวชาญการทำบัญชี ดูท่าหลี่ซินเหมยคงจะมิใช่ชาวบ้านธรรมดาแล้วกระมัง”
“ท่านพ่อขอรับ ลูกทราบดีว่าอาจจะขอมากไปสักหน่อย แต่หลังจากงานเสร็จแล้ว ลูกขอไปหานางได้หรือไม่ขอรับ”
“ดูท่านางจะสำคัญกับเจ้าอย่างมาก” โจวหงเหลียงมิค่อยพอใจกับคำขอของลูกชายนัก
“ลูกแค่รู้สึกผิดที่ตวาดนาง ทั้ง ๆ ที่นางพยายามจะช่วย ตลอดสองเดือนที่ผ่านมา ลูกแทบมิต้องสวมชุดป้องกันความร้อน มิต้องออกไปให้คนข้างนอกได้หัวเราะเยาะเล่น ก็เพราะได้นางคอยรายงานทุกอย่างให้ได้รับทราบ ทั้งยังมิต้องทำงานดึก เพราะได้นางคอยช่วยทำบัญชีในช่วงเช้า”
“ช่วงเช้า แล้วช่วงบ่ายนางมิต้องทำงานหรือ”
“มิใช่ขอรับ นางขอแบ่งเวลาช่วยงานลูกแค่ช่วงเช้า และออกไปทำสวนต่อในช่วงบ่ายขอรับ” คุณชายโจวรีบแจ้ง เพราะกลัวบิดาจะเข้าใจไปว่า หลี่ซินเหมยได้รับอภิสิทธิ์มากกว่าผู้อื่น
“เล่อเทียน เจ้าชอบนางใช่หรือไม่”
“ขอรับ ข้าชอบที่นางขยันและช่วยงานข้าได้มาก”
สายตาของบิดาทำให้โจวเล่อเทียนหายใจมิสะดวก เขาจึงเลือกที่จะพูดความจริงส่วนหนึ่ง เพราะทราบดีว่าตนมิใช่คนโกหกเก่ง หากบอกไม่ว่ามิชอบนางจะถูกจับได้แน่ ๆ
“หากชื่นชอบเพราะนางช่วยให้เจ้าไม่ต้องเหนื่อยก็แล้วไป”
พอได้รับอนุญาตจากบิดา คุณชายเจ้าสำอางก็แทบจะเก็บความดีใจเอาไว้มิอยู่ เขาพยักหน้ารับคำสั่งว่าให้รอจนพ้นช่วงบ่ายแล้วค่อยออกจากบ้าน รวมถึงต้องสวมเสื้อผ้าและหมวกให้มิดชิด
“ความจริงวันนี้มิน่าจะมีแดดแล้ว แต่ป้องกันเอาไว้ก่อนดีกว่า และอย่าลืมกลับบ้านให้เร็วที่สุด เข้าใจหรือไม่” โจวหงเหลียงกล่าวย้ำก่อนจะกลับเข้าห้องไปเอนหลัง การเดินทางทำให้เขาเหน็ดเหนื่อย จนแทบมิอยากจะบังคับจิตใจของใครอีกแล้ว
หลังจากเกิดเรื่องเมื่อหลายปีก่อน คุณชายโจวก็มิเคยก้าวขาออกนอกบ้านและใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังตามคำสั่งของบิดาอยู่เสมอ ยามนี้คุณชายอายุสิบแปดปีแล้ว ทว่าโจวหงเหลียงก็ยังห่วงลูกชายไม่แปรเปลี่ยน แต่จะให้จำกัดอิสรภาพ มิให้เห็นอันใดนอกจากแปลงผักก็คงมิสมควรนัก
“เล่อเทียนอายุสิบแปดปีแล้ว ไม่ควรต้องกังวลเรื่องอันใดอีก” โจวหงเหลียงบอกตัวเองซ้ำ ๆ เช่นนั้นจนกระทั่งผล็อยหลับไป
โจวเล่อเทียนไม่รู้จักบ้านของโฉมงามที่เขาเพิ่งจะขู่ตะคอกไปเมื่อสามชั่วยามก่อน เขาจึงวานติงเกาให้เป็นผู้ดำเนินการสอบถาม
เดิมทีเจ้าหัวหน้าคนสวนตัวเล็กก็มิได้อยากจะช่วยคุณชายเจ้าสำอาง แต่พอได้ยินผู้ที่มีศักดิ์สูงกว่า ต้องการกล่าวคำขอโทษต่อสาวงาม เขาจึงรีบสอบถามจากเพื่อนร่วมงาน จนได้ความว่าบ้านของหลี่ซินเหมยอยู่ห่างจากแปลงผักไปไม่มากนัก
ทว่าอธิบายอย่างไร คุณชายเจ้าสำอางก็มิเข้าใจว่าต้องเดินไปมาทางไหนอยู่ดี และนั่นทำให้ติงเกาจำต้องเดินไปส่งบริเวณทางเข้าบ้านของหลี่ซินเหมยอย่างเสียมิได้
“ขอบใจเจ้ามาก” หลังจากกล่าวคำขอบคุณต่อผู้นำทาง คุณชายโจวถูกทิ้งไว้ตามลำพัง
กว่าหกปีแล้วที่คุณชายเจ้าสำอางมิได้ก้าวขาออกนอกบ้าน...
ทว่าความรู้สึกผิดต่อหลี่ซินเหมย บังคับให้คุณชายสกุลโจวต้องทำในสิ่งที่เขาไม่เคยคิดจะทำมาก่อน ซึ่งนั่นก็คือการก้าวขาออกจากบ้าน หลายคนเข้าใจว่าโจวเล่อเทียนถูกประคบประหงมโดยบิดา และถูกห้ามมิให้ออกนอกแปลงผักหลวง แต่ความจริงกลับเป็นตัวเขาเองที่มิกล้าทำเช่นกัน
‘ไม่มีแดดแล้วเจ้าโง่!’ เขากระซิบในใจมาตลอดทาง
โจวเล่อเทียนเกือบจะเอาชีวิตไปทิ้งกลางถนน และนั่นทำให้เขาฝังใจกลัวการออกจากบ้านมาโดยตลอด เขาบอกตนเองว่าจะไม่มีอะไรไม่ดีเกิดขึ้น ระหว่างการเดินตรงไปยังบ้านหลังเล็ก ๆ และพอขยับเข้าไปใกล้เข้า เสียงคุ้นเคยก็ทำให้จิตใจที่เต้นโครมครามเพราะความกลัว สงบลงไปได้เกือบแปดส่วน
อีกสองส่วนยังคงเต้นแรงเพราะได้ยินเสียงสตรีที่ตนชื่นชอบ
โดยปกติแล้ว หลี่ซินเหมยมีความสามารถในการควบคุมอารมณ์ได้ดีอย่างมาก กระทั่งยามตกอับลำบากก็ยังมิเคยโทษฟ้าโทษดิน หรือตัดพ้อต่อว่าในโชคชะตา นางทราบดีว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ ยามเกิดปัญหาน้อยคนนักจะมองหาทางแก้ไข ส่วนมากจะมองหาคนรับผิดชอบ จะผิดหรือถูกล้วนไม่สนใจรับฟัง
ทว่าวันนี้หลี่ซินเหมยกลับรู้สึกผิดหวังเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ไหว
คุณชายหัวทึบมิยอมฟังนางเลยสักคำ!
โฉมงามทิ้งตัวนั่งลงบริเวณแปลงสมุนไพรขนาดเล็กอยู่เกือบสองชั่วยาม ก่อนจะถูกสาวใช้เรียกให้ไปร่วมรับประทานของยามบ่ายร่วมกับท่านย่า หลี่ฉินเหยาเพิ่งจะเดินออกมาจากตัวบ้าน แต่กลับพบว่าวัชพืชถูกเก็บเสียจนเต็มตะกร้าแล้ว
หลี่ซินเหมยอารมณ์ขุ่นมัวหนักมากกว่าทุกวัน สาเหตุย่อมต้องเป็นเพราะคุณชายเจ้าของแปลงผักมิผิดแน่
“เหตุใดวันนี้จึงกลับบ้านเร็วล่ะซินเหมย” หลี่ฉินเหยาเพิ่งจะลุกออกจากเตียงเมื่อครู่ที่ผ่านมา นางจึงมิทราบว่าหลานสาวกลับมาบ้านตั้งแต่ยามเฉินแล้ว (07.00-08.59 น.)
“มีเรื่องที่แปลงผักนิดหน่อยเจ้าค่ะท่านย่า คุณชายเลยขอให้ข้ากลับมาพักผ่อนที่บ้านก่อน” นางโกหกเพื่อความสบายใจของผู้อาวุโสวัยไม้ใกล้จะถึงฝั่ง
หลี่ซินเหมยถูกไล่เยี่ยงสุนัข หาได้ถูกขอให้กลับบ้านมาพักผ่อนตามที่กล่าวอ้างไม่!
จอมโกหกรีบลุกไปปัดกวาดโต๊ะไม้และเก้าอี้ตัวเล็กที่ตั้งอยู่หน้าบ้าน ก่อนจะประคองท่านย่าให้นั่งลงบนเก้าอี้ใต้ร่มไม้ใหญ่
ในขณะที่รอขนมและน้ำชายามบ่ายที่สาวใช้จ้าวจินอิ๋งกำลังตระเตรียมอยู่ หลี่ซินเหมยก็เก็บกวาดใบ้ไม้บริเวณนั้นไปด้วย นางมิใช่คุณหนูฐานะร่ำรวยแล้ว หากทำงานในแปลงผักได้ นางก็ย่อมจะต้องช่วยทำงานเล็กน้อยที่บ้านได้เช่นกัน
หลี่ซินเหมยเลือกเช่าบ้านของตาเฒ่าหยาง เพราะตั้งอยู่ห่างจากตัวเมือง สภาพอากาศจึงค่อนข้างดี มีต้นไม้ใหญ่น้อยสร้างความร่มรื่นอยู่โดยรอบ นางหวังเพียงให้ท่านย่าได้ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบ ปราศจากเรื่องรบกวน และหากจะต้องกล่าววาจาโป้ปดเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ นางก็จะทำมันโดยไม่ลังเล
“ซินเหมยไปอาบน้ำอาบท่าให้สดชื่น แต่งตัวให้สวยงาม แล้วค่อยมานั่งคุยเป็นเพื่อนย่า”
“ตัวของหลานเหม็นมากถึงเพียงนั้นแล้วหรือเจ้าคะ”
“ตัวของเจ้าไม่ได้เหม็น ทว่าก็เปรอะเปื้อนจนย่าแทบจะทนมองดูมิได้แล้ว”
หลี่ฉินเหยาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะไล่หลานสาวไปจัดการธุระส่วนตัวให้แล้วเสร็จ ซึ่งนางก็ยินยอมทำตามคำสั่งแต่โดยดี
โฉมงามกล่าวกับสาวใช้ว่ามิต้องรอ เร่งจัดหาขนมและน้ำชาให้ท่านย่ากินดื่มล่วงหน้าไปก่อน หากนางอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วจะรีบตามไปเอง
หลี่ซินเหมยเดินไปยังหลังบ้าน นึกชื่นชมจ้าวจินอิ๋งที่ยังขยันขันแข็งไม่แปรเปลี่ยน นางปรับพื้นที่หลังบ้านส่วนหนึ่งให้กลายเป็นห้องสำหรับอาบน้ำ แม้จะไม่ค่อยสะดวกสบาย ทว่าก็ดีกว่าต้องลงไปอาบในแม่น้ำที่อยู่ไม่ไกลจากตัวบ้านนัก
ความจริงวันนี้อากาศเย็นจนนางอยากจะได้น้ำอุ่น ๆ เอามาไว้สำหรับแช่ตัว แต่จนใจว่าถังไม้สำหรับแช่ตัวก็ไม่มี สาวใช้คนเดียวหรือก็ดูแลท่านย่าจนแทบจะไม่เหลือเวลาพัก น้ำเย็นเฉียบจึงถูกราดลงบนตัวของหลี่ซินเหมย ทว่าความเย็นกลับมิทำให้นางหนาวเท่ากับคำพูดของคุณชายโจว
‘พวกเจ้าไม่ต้องเข้าข้างนาง! ซินเหมย เจ้าไปให้พ้นหน้าข้า!’
โจวเล่อเทียน ไอ้คุณชายเจ้าสำอาง! ไอ้คนใจร้าย!