ทุกครั้งที่หลี่ซินเหมยตักน้ำราดตัวก็จะสบถด่าเขาอยู่ในใจ เรือนร่างเปลือยเปล่ายอมทนหนาว มิยอมสกปรก หลังจากมั่นใจว่าเรือนกายสะอาดสะอ้านดีแล้ว นางก็รีบกลับเข้าห้องเพื่อแต่งตัว และในเมื่อวันนี้มิจำเป็นจะต้องกลับเข้าไปยังแปลงผักหลวง นางก็ขอทำตัวสวยให้สมกับเป็นคุณหนูสกุลหลี่สักวัน
ใช้เวลาเพียงชั่วอึดใจเดียว นางก็ปรากฏตัวต่อหน้าท่านย่า สวมชุดสวยงามสีลูกพลับตัดขอบเหลือง ทว่าหลี่ฉินเหยามิใช่คนเดียวที่ได้ชมความงามของหลานสาว ยังมีแขกมิได้รับเชิญที่นางพร่ำด่าอยู่ในใจตลอดหลายชั่วยามด้วยอีกคน
เจ้าของร่างสูงโปร่งวางขนมลงบนจานตามเดิม ก่อนจะขยับหมวกที่วางอยู่บนโต๊ะด้วยท่าทางที่บอกชัดว่ากำลังประหม่าอย่างมาก
“คุณชายมีธุระอันใดหรือเจ้าคะ” โฉมงามกล่าวทักทายแขกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ โดยมิลืมตวัดสายตามองอย่างอาฆาต
“ซินเหมย...” โจวเล่อเทียนกล่าวได้เท่านั้นจริง ๆ
เขายืนนิ่งอยู่หน้าบ้านของหลี่ซินเหมยอยู่เกือบสองเค่อ จนกระทั่งได้ยินเสียงของสตรีนางหนึ่งเอ่ยไล่ให้นางไปอาบน้ำชำระร่างกาย พอตระหนักได้ว่าตนรอจนกระทั่งใกล้จะถึงยามเซิน (15.00-16.59 น.) แล้ว โจวเล่อเทียนจึงตัดสินใจร้องเรียกคนในบ้านให้มาเปิดประตู
โจวเล่อเทียนแปลกใจอย่างมาก เพราะคนที่มาเปิดประตู เรียกขานสตรีที่เขาต้องการพบว่าคุณหนูหลี่ หลังจากขอตัวได้เพียงชั่วอึดใจหนึ่ง สาวใช้ที่ทราบในภายหลังว่าชื่อจ้าวจินอิ๋งก็เชิญเขาเข้าไปในบ้าน นางบอกว่าท่านย่าเอ่ยชักชวนให้ร่วมประทานของว่างยามบ่าย ระหว่างรอหลี่ซินเหมยทำธุระส่วนตัว
เขาจิบชาอย่างไม่อิดออด เพราะจำได้แม่นยำว่ามันคือชาดอกไม้ที่หลี่ซินเหมยเคยชวนให้ลองดื่ม ท่านย่าของนางคะยั้นคะยอให้ลองกินขนมดูสักคำ ทว่ายังมิทันจะได้เข้าปาก นางที่เขาต้องการพบก็ปรากฏตัวอยู่ต่อหน้า
คำพูดมากมายที่ตั้งใจจะกล่าว กลับลืมเลือนจนสิ้น
มากกว่าสองเดือนที่รู้จักกันมา หลี่ซินเหมยสวมเสื้อผ้าของบุรุษมาโดยตลอด แต่แค่นั้นเขาก็แอบชอบนางจนถอนตัวแทบจะมิขึ้นแล้ว พอเห็นเรือนร่างบอบบางสวมเสื้อผ้างามพร้อม มิต่างจากคุณหนูสกุลดัง หัวใจของเขาก็พลันเต้นแรง เลือดสูบฉีดเสียจนดวงหน้าขาวซีด แดงก่ำน่าสงสาร
“คุณชายมีธุระอันใดก็รีบพูดมาเถิดเจ้าค่ะ ข้ามีเวลาไม่มาก”
“ซินเหมยรักษามารยาทด้วย” ท่านย่าหลี่ฉินเหยาเอ่ยเตือน น้ำเสียงเยือกเย็น บอกชัดว่ามิพอใจที่หลานสาวแสดงกิริยาไม่เหมาะสมกับผู้มีพระคุณ
“ซินเหมยผิดไปแล้ว ท่านย่าอย่าได้มีโทสะเลยนะเจ้าคะ”
นางรีบทิ้งตัวลงข้าง ๆ ก่อนจะแนบดวงหน้าลงบนตักนุ่มนิ่มของหญิงชรา ทว่าดวงตากลับตวัดมองคุณชายเจ้าสำอาง ออกอาการอาฆาตหนักยิ่งกว่าเดิม
โจวเล่อเทียนหน้าตาน่าเอ็นดูไม่ต่างจากสตรี ผู้สูงวัยมองปราดเดียวก็ทราบได้แล้วว่าคุณชายกำลังลำบากใจ คล้ายอยากจะสนทนากับหลานสาวของนางสักหลายคำ ซ้ำยังทำหน้าราวกับกำลังจะร้องไห้ ดูท่าความสำอางที่หลานสาวเคยกล่าวถึง คงจะมิใช่เรื่องล้อเล่นธรรมดาเสียแล้ว และพอเห็นคุณชายเงียบนักมากเข้า หลี่ฉินเหยาจึงขอตัวกลับเข้าไปพักผ่อน โดยไม่ลืมเรียกสาวใช้ให้ตามเข้าไปบีบนวดเฉกเช่นทุกวันที่ผ่านมา
บางเรื่องหญิงชราอย่างนางก็ต้องหลับหูหลับตาเสียบ้าง
“เหตุใดจึงบุกมาที่บ้านข้า มารยาทอยู่ที่ใดกัน!”
นางตวาดทันทีที่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง และนั่นทำให้คุณชายเจ้าสำอางที่เพิ่งจะยืนส่งท่านย่าถึงกับสะดุ้งตัวโยน
“ซินเหมยอย่าเสียงดังนัก”
โจวเล่อเทียนค่อย ๆ ขยับตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตามเดิม
“ยังกล้านั่งอยู่อีก!”
“พูดเบาหน่อย ข้า...” จังหวะของลมหายใจที่เปลี่ยนไป ทำให้เขาเอ่ยอันใดต่อไม่สะดวก มือเรียวทุบอกของตัวเองหลายครั้ง ราวกับว่านั่นจะช่วยให้เขาหายใจคล่องขึ้นมาบ้าง
“คุณชาย ท่านเป็นอะไรไป!” หลี่ซินเหมยเห็นว่าคนตรงหน้าเงียบเสียงไปจึงรีบร้องถาม นางขยับตัวเข้าไปใกล้ ๆ ก่อนจะจับชีพจรเพื่อตรวจสอบดูว่าเขาเป็นอะไรกันแน่
“หายใจไม่ทัน ข้า...หายใจ...ไม่ทัน” โจวเล่อเทียนหายใจหอบถี่ ตระหนักได้แล้วว่าเขาทำเกินกว่าขีดจำกัดของตนไปมาก
โชคดีที่ความรู้ทางการแพทย์ที่ได้มาจากบิดายังพอมีติดตัวอยู่บ้าง นางตั้งสติอยู่ครู่หนึ่งก็จับตัวคุณชายให้นั่งค้อมตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย ก่อนจะออกคำสั่งเสียงดังฟังชัด กำกับลมหายใจของคุณชายเจ้าสำอาง
“คุณชายค่อย ๆ หายใจช้า ๆ นะเจ้าคะ ใช่แล้ว ทำเช่นนั้น แล้วนับในใจตามข้า หนึ่ง สอง...หนึ่ง สอง...”
หลี่ซินเหมยช่วยปรับลมหายใจของคุณชายได้ไม่นาน อาการของคนป่วยก็เริ่มจะดีขึ้น และกลับมาหายใจเป็นปกติดังเดิม นางวิ่งหายเข้าไปในบ้าน ชั่วอึดใจหนึ่งก็กลับมา พร้อมกับกระปุกเล็ก ๆ มือเรียวรินชาให้กับคุณชาย หยดของเหลวลงไปด้วยสองสามหยด ก่อนจะยื่นถ้วยให้กับคนป่วยตรงหน้า
“ซินเหมย เจ้าก็รู้ว่าข้ากินยาสุ่มสี่สุ่มห้ามิได้” เขากล่าวเสียงเบา ยังตกใจกับอาการเมื่อครู่มิหาย
“แค่น้ำผึ้งป่า คุณชายเลิกพูดและดื่ม ๆ ไปเถิดนะเจ้าคะ”
คนที่กำลังตกใจอยู่มีหรือจะกล้าเถียง เขาค่อยๆ จิบชาดอกไม้ผสมน้ำผึ้งป่าอย่างเชื่องช้า เสี้ยววินาทีแรกที่ความหวานสัมผัสกับปลายลิ้น โจวเล่อเทียนก็รู้สึกดีขึ้นถึงแปดส่วน
น้ำผึ้งป่าของนางมหัศจรรย์จริง ๆ
“หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้แล้วข้ามิอยู่ ให้คุณชายค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจตามที่สอนไปเมื่อครู่ เข้าใจหรือไม่เจ้าคะ”
“ข้าจะทำตามที่เจ้าสั่ง” โจวเล่อเทียนลอบบอกกับตนเองว่า จะมิก้าวขาออกนอกบ้านอีก
“แล้วเมื่อครู่คุณชายกังวลเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ”
หลี่ซินเหมยทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ ความกลัวว่าคุณชายจะเป็นอะไรไปเมื่อครู่ ทำให้นางลืมเรื่องที่กำลังขุ่นเคืองใจไปเสียสนิท
“กังวล เจ้าหมายความว่าอย่างไรหรือซินเหมย”
คำถามซื่อ ๆ ถูกหลี่ซินเหมยอธิบายเสียยืดยาวว่าอาการหายใจลำบากเมื่อครู่ โดยมากจะเกิดขึ้นเพราะความวิตกกังวล ความกลัว หรือไม่ก็ความเครียด
“ห้ามโกหกกันนะเจ้าคะ คุณชายก็รู้ว่าข้าจับคำโกหกของคุณชายได้แน่” หลี่ซินเหมยกล่าวดักเอาไว้ก่อน
“มิได้โกหก เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นอย่างไร”
“ท่านกังวลเรื่องของข้าใช่หรือไม่”
“เรื่องนั้นก็กังวลอยู่มาก แต่ซินเหมยจิตใจดีงาม หากข้าขอโทษเจ้าจากใจจะต้องได้รับการให้อภัยอย่างแน่นอน ความจริงข้ายอมออกจากบ้านก็เพราะ....” ดวงหน้าของคุณชายขาวซีดกว่าเดิมสองส่วน ปากค้างแข็ง มิมีคำใดหลุดออกจากริมฝีปากหยักได้รูปอีก
ทั้งเขาและหลี่ซินเหมยทราบได้ในทันทีว่าอาการหายใจลำบากเมื่อครู่มีสาเหตุมาจากอะไร
“คุณชายกลัวการออกจากบ้านหรือเจ้าคะ” คำถามสั้น ๆ ทำเอาคนฟังต้องก้มหน้ามองต่ำ
ชัดเจนแล้วว่าคุณชายเจ้าสำอาง
กังวลเรื่องการออกนอกบ้านอย่างมาก!