หนึ่งปีที่แล้ว...
@The hospital A [แผนกศัลยกรรมทรวงอกและหัวใจ]
“สวัสดีค่ะคุณหมอพายุ...” เสียงเอ่ยทักทายยาวตั้งแต่ทางเข้าโรงพยาบาลไปจนถึงลิฟต์กลางภายในโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง ชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีขาว เขาค้อมศีรษะให้แม่บ้านตลอดจนรุ่นน้องนักศึกษาแพทย์
“มาเช้านะคะวันนี้”
“ครับ ป้าก็มาเช้านะครับ” เขายิ้มให้กับป้าแม่บ้านที่ในมือถือไม้ถูพื้นอยู่ ใบหน้ายิ้มแย้มเป็นกันเองของเขาทำให้ใครต่างชื่นชม คุณหมอพายุ หรือนายแพทย์พายุ นฤบดินทร์ลูกชายคนโตของเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ เขาเป็นกันเองไม่ถือตัวจนใคร ๆ ต่างนับถือและพูดถึงเขามาโดยตลอด
“ถืออะไรในมือคะ คุณหมอ” แม่บ้านยืนคุยกับคุณหมอหนุ่มให้กระชุ่มกระชวยหัวใจระหว่างรอลิฟต์ เขาขยิบตาข้างหนึ่งให้กับคุณป้าแม่บ้านด้วยความทะเล้น
“การ์ดงานแต่งครับ”
“โอ๊ะ! ใครแต่งงานกันคะเนี่ย อย่าบอกนะว่า...น้องชายคุณหมอ” เขาส่ายหน้าเบา ๆ คิดแล้วเชียวว่าคงไม่มีใครคิดว่าเขาจะแต่งงาน ชายหนุ่มยกมือขึ้นป้องปากทำทีเหมือนว่าเป็นความลับสุดยอด
“ผมเองครับ”
“ว้าย! ขุ่นพระ อย่าอำป้าเล่นสิคะ...คุณหมอไม่มีแฟนไม่ใช่เหรอคะ”
“หึ ครับ...ไม่มีแฟนแต่มีเมียเลย" เขาว่าด้วยน้ำเสียงไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร เป็นจังหวะพอดีที่ลิฟต์ได้เลื่อนลงมาถึง “ผมไปก่อนนะครับ”
“เดี๋ยวสิ...เรื่องนี้ต้องแถลงนะคะคุณหมอ!!” พายุฉีกยิ้มกว้างพลางยกหลังมือขึ้นอังริมฝีปาก เขานึกขันให้กับใบหน้าของคุณป้าแม่บ้าน ไม่นานข่าวของเขาที่กำลังจะแต่งงานคงแพร่สะพัดไปทั่วโรงพยาบาลยิ่งกว่าข่าวไทยรัฐหน้าหนึ่งแน่นอน
ติ๊ง~
ฝ่าเท้าในรองเท้าหนังราคาแพงก้าวออกจากตัวลิฟต์เมื่อลิฟต์แก้วเคลื่อนมาถึงแผนกของเขา ชายหนุ่มค้อมศีรษะให้กับเหล่าพยาบาลและทีมแพทย์ทุกคน เขาอารมณ์ดีเป็นวิสัย ความใจดีไม่สมกับเป็นลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลนี้ทำให้ใครต่างหลงรักและชื่นชอบเขา
“หึ...หน้าบึ้งแต่เช้าเชียว” เขามองไปเห็นเพื่อนสาวเพียงคนเดียวของเขาที่กำลังหน้าบึ้งอ่านชาร์ตคนไข้ในมือ บนต้นคอของเธอมีสายของหูฟังแพทย์คล้องอยู่ ผมยาวสีดำนั้นถูกมัดรวบไว้พร้อมกับมีหมวกอาบน้ำสีเขียวคลุมอยู่บนศีรษะ ซึ่งร่างหนาที่เดินเข้ามาใกล้นั้นไม่ได้เรียกสายตาของแพทย์หญิงอย่างขวัญตา
“เฮ้!!...”
“อ๊ะ!! จิ๊! เอาอีกแล้วนะพายุ!! อยากให้ฉันหัวใจวายตายหรือไง”
“โธ่ ถ้าเธอหัวใจวายฉันจะช่วยเธอเอง ฉันน่ะ...ศัลยแพทย์มือหนึ่ง...”
“มือหนึ่งหรือมือใหม่กันแน่ยะ หึ...ว่าแต่มาเช้านะวันนี้”
“หึ...ก็เพราะว่าเอาอันนี้มาให้เธอก่อนไง” เขาว่าพร้อมกับวางซองสีชมพูลงตรงหน้าเธอบนเคาน์เตอร์บาร์สำหรับวางของต่าง ๆ ของเหล่าพยาบาล ซึ่งซองสีชมพูนี้ทำให้หัวใจของขวัญตากระตุกทันที
“อะไรอ่ะ น้องแกแต่งไปแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ใช่ของน้องฉันน่ะสิ”
“หืม?”
“ของฉันไง”
“อะไรนะ!!” พายุสะดุ้งให้กับการตะคอกของคนเป็นเพื่อน เขาขมวดคิ้วพร้อมกับยกมือขึ้นทาบอกของตัวเอง
“จะร้องทำไมวะ ตกใจเป็นนะเว้ย!”
“ฉันต่างหากที่จะต้องตกใจ แต่งงานอะไรของแกวะ” ขวัญตาว่าเสียงสั่น ดวงตาของเธอแดงก่ำขึ้นมาทันที ความรู้สึกสับสนถาโถมเข้ามาในเวลาอันรวดเร็ว
“ก็ฉันจะแต่งงานไง พอดีว่าฉันจบเรสซิเด้นท์ [1] พ่อให้แต่งงานก่อน ขืนรอเฟลโล่ชิป [2] ก็อาจจะมีลูกยากพ่อก็เลย...”
“เดี๋ยวพายุฉันไม่เข้าใจ แกว่าอะไรนะ”
“หืม...”
“อึก นายถูกบังคับแต่งงานงั้นเหรอ”
“ก็...ไม่เชิง” เขาตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก พายุไม่ได้รู้สึกอะไรกับการหมั้นหมายของครอบครัวเขากับครอบครัวของเพื่อนพ่อ เพราะเขาไม่ได้มีแฟนและไม่ได้สนใจผู้หญิงคนไหน ถ้าพ่อหาผู้หญิงให้มันก็ยิ่งดีต่อตัวเขาเอง เพราะจะได้ไม่ต้องเสียเวลาจีบสาว เล่นเอาเวลาเหล่านั้นไปหาอ่านหนังสือยังดีเสียกว่า
“ไม่เชิง? ฉันไม่เข้าใจ แกช่วยจริงจังหน่อยได้ไหม นี่มันเรื่องใหญ่มากเลยนะ”
“หึ เธอเป็นอะไร ฉันแต่งงานนะโว้ยไม่ได้มีใครตายทำไมต้องตกใจขนาดนี้ด้วยวะ”
“_” ก็ฉันชอบแกไงไอ้ผู้ชายบ้า ดูไม่ออกหรือไง!! ขวัญตาได้แต่คิดในใจไม่ได้โพล่งเสียงออกมาอย่างที่ใจต้องการ เธอเฝ้ารอสารภาพรักกับเขามาโดยตลอด แต่กลัวว่าจะเสียความเป็นเพื่อนทำให้ต้องกั๊กไว้ตลอด ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะร่อนการ์ดแต่งงานแบบนี้
“อ้าว...เงียบอีก คือกูไม่ได้มีปัญหาอะไร พ่อแม่ว่าโอเคก็โอเค”
“แต่...การแต่งงานคือการที่ต้องใช้ชีวิตคู่นะ มันไม่ใช่แต่งแล้วก็จบ ๆ ไป”
“กูก็ไม่ได้คิดว่าจบ ๆ ไปนะ ก็...แต่งงาน มีลูกให้พ่อแม่ แล้ว...ก็อยู่ด้วยกันผัวเมีย” ขวัญตายกมือขึ้นกุมขมับ เธอส่ายหน้าไม่เข้าใจที่เขาพูด
“แสดงว่าแกก็ไม่ได้รักเธอ”
“ถูกต้อง หน้ายังไม่เคยเจอด้วย”
“อะไรนะ...”
“ได้ยินไม่ผิดหรอก แต่มึงจะมาซีเรียสอะไรขนาดนี้วะ แม่บอกน้องเขาก็น่ารักดี เป็นลูกสาวของเพื่อนพ่อ แล้วก็...ครอบครัวเรารู้จักกันมานาน”
“แต่แต่งงานทั้ง ๆ ที่ไม่รักเนี่ยนะ”
“ก็อาจจะรักกันก็ได้” ขวัญตาส่ายหน้าแรงกว่าเดิม คำพูดของเขานั้นดูไม่ใส่ใจอะไรเลย ต่างจากเธอที่เจ็บใจเจียนขาดใจ เขาจะกลายเป็นคนมีภรรยาอย่างนั้นหรือ
“ไม่ได้ การแต่งงานต้องเกิดจากคนสองคนรักกัน” พายุขมวดคิ้ว เขาส่ายหน้าเบา ๆ ไม่ได้สนใจคำพูดของเธอแม้แต่น้อย
“ในนั้นมีตั๋วเครื่องบินด้วย เธอเป็นลูกเสี้ยวอิตาลี ต้องไปแต่งที่อิตาลี กูเลยเอามาให้มึงด้วย มึงคนเดียวเลยนะที่กูเชิญ” ขวัญตาส่ายหน้าไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน มองดูเวลาที่เขาจะแต่งงานนั้น อีกเพียงแค่สองวันเท่านั้นเอง แล้วอย่างนี้เธอจะทำอย่างไรให้เขาเปลี่ยนใจ...
พายุหมุนตัวกลับไปทางเดิมหลังจากให้การ์ดเชิญงานแต่งงานของเขากับเพื่อนสนิทภายในชั้นเรียนเพียงคนเดียวอย่างขวัญตา ภายในแผนกศัลยกรรมทรวงอกและหัวใจกินพื้นที่ของตึกศัลยกรรมกว่าห้าชั้น เขาเดินไปที่ห้องพักของเขาที่ถูกแยกออกมาอย่างที่ใฝ่ฝัน เพราะตั้งแต่เรียนเฉพาะทางเขาต้องอยู่ห้องรวมกับแพทย์ประจำบ้านคนอื่น ๆ ทว่าพอเรียนจบแล้วเขาเรียนต่อยอดอีก แต่ยังดีที่เฟลโล่ชิปหรือแพทย์เฉพาะทางต่อยอดแยกห้องพักเวรแล้ว
ทว่าพอเปิดประตูห้องพักเข้ามากลับพบกับความว่างเปล่าของแฟ้มเอกสาร ซึ่งมันควรจะมีเอกสารคนไข้ของวันนี้วางอยู่บนโต๊ะทำงานของเขา ความผิดปกตินี้ทำให้ชายหนุ่มชะเง้อคอออกมาจากห้องพักเพื่อถามพยาบาลที่เดินผ่านไปมา
“ขอโทษนะครับนุชมายังครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามถึงพยาบาลที่ทำงานร่วมกับเขา
“อ้อ ยังค่ะ แต่เธอส่งข้อความฝากมาบอกคุณหมอพายุว่าวันนี้คุณหมอหยุดนะคะ”
“ห้ะ...”
“เห็นบอกว่าเป็นคำสั่งของเบื้องบนให้คุณหมอลางานน่ะค่ะ ฉันก็เพิ่งเห็นข้อความเหมือนกัน” พายุยกมือขึ้นกุมขมับทันที คำสั่งจากเบื้องบนคงไม่ใช่ใครที่ไหน ก็พ่อเขาเองนั่นแหละ
“โอเคครับ ขอบคุณนะครับ” พายุปิดประตูห้องพัก ก่อนจะเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้นวม เขาล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงเพื่อจะได้โทรหาคนเป็นพ่อ มองดูเวลาที่ยังไม่ถึงเวลาเข้างานทำให้รู้สึกสบายใจที่จะโทรพ่อของเขา
ติ๊ด!
“รับไวเหมือนกับรออยู่เลยนะครับ” ซึ่งพอกดโทรออกอีกฝ่ายก็กดรับทันที ราวกับรอสายเขาอยู่อย่างไงอย่างนั้น
[หึ แหงสิ...]
“พ่อให้ผมลาทำไมครับ”
[ไปเตรียมตัวไง จะถึงวันงานอยู่แล้ว มัวรีรออะไร บินไปหาน้องก่อนวันนี้]
“วันนี้เลยเหรอครับ ผมมีนัดคนไข้”
[พ่อให้คนเข้าแทนหมดแล้ว]
“งั้นผมรอส่งเวรก่อน”
[อ่า พ่อให้คนเตรียมทุกอย่างให้แล้ว]
“โอเคครับ ขอบคุณครับ”
[นี่พ่อไม่ได้พูดเล่นนะพายุ พ่อให้ไปตอนนี้ก็ต้องตอนนี้ คนไข้พ่อให้คนดูแลแทนแล้ว]
“เข้าใจแล้วครับ” พายุพ่นลมหายใจออกมา เขากำลังจะออกไปคุยกับหมอคนอื่นเพื่อฝากคนไข้ของเขาแล้ว ทว่าคนเป็นพ่อกลับรู้ทัน สั่งกำชับเขาอีกครั้ง ซึ่งพอได้ยินคนเป็นพ่อสั่งมาเช่นนี้ ก็คงไม่อาจปฏิเสธได้ ชายหนุ่มกดตัดสายโทรศัพท์ เขาเอนตัวลงพิงพนักพิงเก้าอี้เพียงครู่เดียวก่อนจะผุดลุกขึ้นยืน หากมัวอิดออดอยู่พ่อก็คงลงมาหา
ร่างหนาคว้ากระเป๋าหนังมาสะพายข้าง ก่อนจะเปิดประตูห้องพักของเขาออก ซึ่งพอเปิดมาก็ได้ยินเสียงกัมปนาทของคนเป็นเพื่อนอย่างเช่นทุกวัน
“ส่งอะไรต่อ ผลตรวจออกมาแบบนี้จะส่งตรวจอะไรต่อ” เธอยกกระดาษขึ้นชี้ใบหน้าของรุ่นน้องนักศึกษาแพทย์ที่ก้มหน้าไม่กล้าสบตา
“ถ้ายังตอบไม่ได้จะช่วยอะไรคนไข้ได้ ไหนอีกคน ตอบมาซิ” พายุเห็นท่าไม่ดีที่เห็นรุ่นน้องสามคนก้มหน้าวางมือที่หัวเข็มขัดไม่กล้าตอบคำถามรุ่นพี่อย่างขวัญตา
“ใจเย็นสิ...ตอบไม่ได้ก็ให้น้องเปิดหนังสือก่อนก็ได้” ขวัญตาหันมามองใบหน้าของพายุ เธอยังคุยเรื่องที่ค้างคาใจกับเขาไม่แล้วเสร็จเสียด้วยซ้ำ ทว่าเวลานี้กลับมีเรื่องปวดหัวเข้ามาอีก
“เหอะ...ถ้ามัวแต่เปิดหนังสือคนไข้รอได้ไหมพี่ถาม แบบนี้แสดงว่าไม่ได้เตรียมตัวมาเลยสินะ”
“ขอโทษครับ”
“ขอโทษ? เก็บไว้ขอโทษญาติคนไข้เถอะนะ...” พายุยิ้มแหย่ ๆ ให้กับรุ่นน้อง เขาดึงต้นแขนของขวัญตาออกมา
“ใจเย็นสิ ถ้าเธอสอนน้องแบบนี้น้องก็ยิ่งไม่กล้าตอบ” ร่างบางเงยหน้าขึ้นสบตากับเขาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ เพราะอารมณ์ที่ค้างอยู่กับการได้ยินข่าวแต่งงานของเขาทำให้เธอสติแตกไปในเช้าวันนี้ “เพิ่งลงเวรมาสิท่า ไปหาอะไรหวาน ๆ กินก่อนดีกว่าไหม”
“นายกำลังใจดีกับฉัน”
“หืม...”
“คิดบ้างไหมว่าฉันรู้สึกยังไง” เธอว่าพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา ทำเอาพายุมองด้วยความตกใจ เขางงที่อยู่ ๆ หญิงแกร่งที่ได้รับฉายาว่านังแม่มดประจำศัลยแพทย์หัวใจจะร้องไห้ออกมา
“ก็อยากให้รุ่นน้องเก่ง กูก็รู้...ว่ามึงอยากกฝึกให้น้องเก่ง แต่มันโหดมากไป เวลามึงด่าน้องเขาต่อหน้าคนเยอะ ๆ” ถึงกระนั้นพายุก็ยังไม่เข้าใจว่าเธอร้องไห้เพราะเรื่องอะไร
“_”
“เราก็เคยเป็นเรสิเด้นท์นี่หว่า” ขวัญตากำลังจะยกมือขึ้นปาดน้ำตา แต่ก็ถูกฝ่ามือหนาจับไว้เสียก่อน
“หึ...เป็นหมอจริงไหม เอามือเช็ดตาตอนนี้ติดเชื้อกันพอดี” เขาว่าก่อนจะล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกจากกระเป๋าสะพายข้างเพื่อเช็ดน้ำตาให้เธอ
“อย่าโหดมาก หนุ่ม ๆ ไม่กล้าจีบแล้ว”
“หึ...ทำไมจะไม่กล้าจีบ ฉันสวยจะตาย” พายุหัวเราะออกมาให้กับสาวเจ้า เขาไหวไหล่ขึ้นเบา ๆ
“ไม่งั้นจะโสดแบบนี้หรือไง สามสิบแล้วนะเว้ย!”
“_” เพราะฉันรอนายไง ขวัญตาเม้มริมฝีปาก เธอคิดในใจไม่กล้าเอ่ยพูดออกมา ก่อนจะยกมือขึ้นจับข้อมือของเขาไว้ “นายไม่ต้องแต่งงานได้ไหม”
“หืม...”
“แกบอกโดนบังคับนี่ เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็กเลยนะ”
“กูไม่ได้บอกว่าโดนบังคับนะ กูยินดีที่ทำให้พ่อแม่สบายใจ” เขาตอบอย่างไม่ยี่หระพลางก้มมองนาฬิกาบนข้อมือไปด้วย
“แต่...แบบนี้มันก็ไม่ต่างจากการถูกบังคับ ถ้าแกปฏิเสธไปฉันเชื่อว่ายังไงท่านประธานก็ยอม”
“คือ...กูไม่เข้าใจว่าทำไมกูต้องปฏิเสธไง กูกำลังไปหาน้องเขาแล้วด้วย”
“_”
“งานแต่งเตรียมมานานแล้วด้วย อยู่ ๆ กูจะไปยกเลิกมันก็ไม่ใช่”
“แต่มันเป็นทั้งชีวิตเลยนะ”
“ใช่ เพราะฉะนั้นก็อย่าเพิ่งตัดสิน ถ้ามันไม่ใช่ก็ค่อยหย่าก็ได้ แต่ตอนนี้กูอยากให้ที่บ้านสบายใจกับกู” เขาว่าพร้อมกับยกมือขึ้นจับไหล่เล็กทั้งสองข้างของคนเป็นเพื่อนไว้ เพราะความสุขของพ่อแม่คือความสุขของเขาไปแล้ว
“แกจะหย่าทีหลังใช่ไหม”
“หืม...ก็ถ้าไปกันไม่รอดน่ะนะ ก็คงต้องทำแบบนั้น” ขวัญตาเม้มริมฝีปากพลางพยักหน้าหงึกหงัก เขาแต่งได้...ก็หย่าได้เช่นกัน