ภายในโรงหนังมืดสลัวและหนาวเย็นจนหล่อนสะท้านไปทั้งร่างกาย แต่กระนั้นกลับไม่ได้ทำให้หล่อนทรมานได้เท่ากับสิ่งที่สองตากำลังจ้องมองอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว
หนังรักโรแมนติกของดาริน ทำไมถึงได้มีฉากอย่างว่ามากมายนัก หากหล่อนมาดูกับเพื่อน คงไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนใจหนักหนาแบบนี้ แต่นี้หล่อนมาดูหนังเรื่องนี้กับเขา
เคียร์ส เบนด์เนอร์ พี่ชายที่ถูกกาลเวลาเปลี่ยนแปลงจนกลายเป็นคนใจร้ายเลือดเย็น
“อ๊า... อูยยย...”
เสียงครวญครางจากปากของนางเอกภาพยนตร์ดังกระหึ่มลั่นโรงหนัง และทุกคนที่ร่วมชมก็พร้อมใจกันนั่งจ้องมองภาพร่วมรักถึงพริกถึงขิงของพระนางในจอเงียบๆ รวมทั้งผู้ชายข้างตัวด้วย
สองพระนางแลกจูบกันอย่างดูดดื่ม ร่างกายของคนทั้งคู่เปลือยเปล่าล้อนจ้อนและแนบชิดกันจนคล้ายกับว่าทั้งสองคนร่วมเพศกันจริงๆ หล่อนหน้าร้อนผ่าว และรู้สึกวูบวาบในกายสาวจนไม่อาจจะทนดูได้อีกต่อไป หล่อนละสายตาจากจอภาพยนตร์ลงมองมือของตัวเอง นั่งบิดมือเข้าหากันไปมาด้วยความขัดเขินและประหม่า จนกระทั่งแก้มนวลร้อนรุ่มด้วยลมหายใจของเคียร์ส เป่าลด หล่อนตกใจหันไปมอง และก็พบว่าเขาเอียงหน้าเข้ามาหา ในความมืดหล่อนไม่สามารถล่วงรู้ได้หรอกว่า ในสายตาคมกริบคู่นั้นกำลังคิดอะไรอยู่ แต่กระนั้นเขาก็ทำให้หล่อนสั่นสะท้านได้ทั้งตัว
“นี่หรือหนังที่คุณแม่อยากให้เราดูด้วยกัน”
“เอ่อ...”
ปากของเขาชิดใกล้กับหล่อนมากมายเหลือเกิน คงเป็นเพราะเขาต้องกระซิบเบาๆ เกรงว่าจะรบกวนคนอื่นล่ะมั้ง เขาจึงแนบหน้าเข้ามาหาจนใกล้ขนาดนี้
“หรือว่ามันเป็นความคิดของเธอ”
เอาแล้วไง สุดท้ายเคียร์สก็โยนบาปทุกอย่างมาใส่มือของหล่อน หล่อนเม้มปากแน่น มองเขาทั้งน้ำตา
“ไม่ใช่นะคะ”
“หึ”
เขาแค่นยิ้ม และดึงตัวกลับไปนั่งตรงๆ บนเก้าอี้ประจำตัว และจ้องมองฉากร่วมรักของพระนางในจอต่อไปทำราวกับว่ามันคือฉากบู้ล้างผลาญแสนธรรมดา
อัญชันน้ำตารื้น ยกมือขึ้นป้ายน้ำตาทิ้ง และก้มหน้ามองมือของตัวเองต่อไปเงียบๆ ภาวนาให้หนังเรื่องนี้จบลงโดยเร็ว
หล่อนถอนใจออกมาทันทีด้วยความโล่งอกเมื่อภาพยนตร์ตรงหน้าจบลงแล้ว หล่อนรีบลุกขึ้น และเดินตามคนอื่นๆ ออกมา โดยมีเคียร์สเดินตามหลังมาติดๆ
“จะรีบเดินไปไหน”
เขาคว้าแขนของหล่อนเอาไว้ เมื่อออกมาจากโรงหนังแล้ว หล่อนหันไปมองเขา ก่อนจะตอบเสียงเรียบ
“หนูอัญจะไปเข้าห้องน้ำค่ะ ขอตัวนะคะ”
เขาหรี่ตาแคบมองนิ่ง ก่อนจะเค้นเสียงราบเรียบออกมา “งั้นฉันจะรออยู่ตรงนี้ รีบมาล่ะ”
หล่อนไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธคำสั่งของเขา เพราะน้ำตาเจียนจะไหลออกมาอยู่แล้ว หล่อนรีบจ้ำอ้าวเดินไปยังห้องน้ำ การได้อยู่ห่างจากคนใจร้ายสักพักคงทำให้หล่อนเจ็บปวดน้อยลง
หล่อนใช้เวลาในห้องน้ำเกือบสิบนาทีจึงตัดสินใจเดินออกมา มุ่งหน้าตรงไปหาเขา เพราะรู้ดีว่าถ้ามัวแต่ชักช้าจะต้องถูกเขาเอ็ดตะโรเอาอย่างแน่นอน
“พี่...”
หล่อนกำลังจะเรียกเขา แต่เขาที่หันหลังให้อยู่กำลังยืนคุยยิ้มแย้มกับผู้หญิงคนหนึ่ง
ชัชชุอร!
ผู้หญิงคนที่กำลังยืนยิ้มหวาน และทำให้เคียร์สพูดไปยิ้มไปด้วยได้คือน้องสาวต่างมารดาของหล่อนนั่นเอง
หล่อนพยายามยืนนิ่งๆ และไม่คิดจะเข้าไปรบกวนคนทั้งคู่ แต่ชัชชุอรมองมาเห็นหล่อนเสียก่อน
“พี่อัญ... ไม่คิดจะเข้ามาทักทายอรบ้างเหรอคะ”
“เอ่อ สวัสดีอร”
“นั่นสิ ทำไมถึงได้เป็นคนมารยาทเสียแบบนี้ล่ะ”
คนตัวโตหันมาดุหล่อน และเอื้อมมือมาคว้าแขนเรียว ลากให้เข้าไปในวงสนทนา
“พี่เคียร์สอย่าไปว่าพี่อัญเลยค่ะ อรคงเป็นน้องสาวที่พี่อัญไม่อยากรู้จัก พี่อัญถึงได้ทำหมางเมินกับอรทุกครั้งที่เจอกันเลย นี่ขนาดเจอกันที่มหา’ลัยพี่อัญยังเดินหนีอรเลยนะคะ”
อัญชันเม้มปากแน่น มองน้องสาวต่างมารดาที่กำลังแสร้งแสดงละครเป็นน้องผู้แสนดีด้วยความอึดอัด หล่อนอยากจะพูด อยากจะเถียง แต่ก็รู้ดีว่าเคียร์สคงเลือกที่จะไม่เชื่อหล่อน
“ฉันคิดอยู่แล้วว่าเธอจะต้องเป็นคนแบบนี้ อัญชัน”
ใครว่าใครกล่าวหาหล่อน ไม่เคยเจ็บช้ำเท่ากับคำกล่าวหาไร้ความเป็นจริงจากปากของเคียร์ส หล่อนมองเขาน้ำตาซึม กัดปากแน่น
“หนูอัญขอตัวนะคะ”
แล้วหล่อนก็ไม่อาจจะทนยืนฟังคำตำหนิติเตียนจากปากของผู้ชายที่ตัวเองแสนเทิดทูนได้อีก หล่อนหมุนตัวก้าวยาวๆ เดินหนีไปทันที เสียงเรียกของเคียร์สดังตามหลังมา แต่ไม่อาจจะหยุดเท้าของหล่อนที่ก้าวไปข้างหน้าด้วยความเร็วได้ หล่อนเจ็บ... เจ็บจนจุกไปทั้งหัวใจแล้ว
“อัญชัน... กลับมาเดี๋ยวนี้นะ อัญชัน!”
เคียร์สกำลังจะวิ่งตามไป แต่ชัชชุอรกระชากแขนเอาไว้เสียก่อน พร้อมกับทำเป็นบีบน้ำตา
“พี่อัญคงรังเกียจอรมากน่ะค่ะ ก็เลยรีบเดินหนีไปแบบนี้”
“พี่ขอโทษน้องอรแทนอัญชันด้วยนะ” เขาแกะมือของชัชชุอรออกจากแขนของตัวเอง
“พี่ต้องไปตามอัญชันก่อน”
“ไม่เห็นต้องเป็นห่วงเลยค่ะพี่เคียร์ส อย่าลืมสิคะว่าพี่อัญน่ะเก่งกล้าสามารถขนาดไหน แค่นั่งรถแท็กซี่กลับบ้านสบายอยู่แล้วค่ะ แต่อรว่านะ พี่อัญคงไม่เลือกลำบากนั่งแท็กซี่หรอก เพราะผู้ชายที่มารุมขายขนมจีบพี่อัญเยอะแยะไป แค่โทรตามขี้คร้านจะรีบแย่งกันออกมารับ”
เคียร์สฟังไปกัดฟันไป ความเดือดดาลแน่นอก
ชัชชุอรเห็นสีหน้าและแววตาของเคียร์สก็ลอบยิ้มและใส่ไฟพี่สาวต่างแม่ของตัวเองต่อไป
“แล้วหลังจากนั้นก็คงพากันไปเที่ยวก่อน ถึงจะกลับบ้าน อ้อ มีครั้งหนึ่งนะคะอรเห็นพี่อัญหายเข้าไปในโรงแรมกับผู้ชายด้วย อุ้ย...”
ชัชชุอรยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง ทำหน้าทำตาเหมือนกับรู้สึกผิด
“อร... อรไม่น่าพูดออกไปเลยพี่เคียร์สคิดเสียว่าไม่ได้ยินที่อรพูดนะคะ”
เคียร์สแทบระเบิดออกมาทั้งตัว เขาพยายามควบคุมโทสะเอาไว้ แต่มันก็ยากเย็นเหลือเกิน
“พี่ขอบใจน้องอรมากนะที่บอกเล่าเรื่องราวของอัญชันให้พี่รู้มาตลอดหลายปี”
ชัชชุอรสอดมือรัดรอบท่อนแขนของเคียร์สเอาไว้ และใช้ฝ่ามืออีกข้างลูบผิวเรียบตึงของเขาแผ่วเบา
“ด้วยความยินดีค่ะ ก็อรหวังดีกับพี่เคียร์สนี่คะ”
“ขอบใจมาก”
เคียร์สแกะมือของชัชชุอรออกจากแขนของตัวเองอีกครั้งด้วยกิริยาที่พยายามจะสุภาพ
“พี่ต้องขอตัวก่อนนะครับ”
ชัชชุอรหงุดหงิดจนควบคุมอารมณ์ไม่ได้
“นี่พี่เคียร์สยังจะไปตามนัง... พี่อัญอีกเหรอคะ”
“คุณแม่ของพี่จะไม่พอใจ ถ้าอัญชันไม่ได้กลับบ้านกับพี่”
“แต่ป่านนี้คงขึ้นรถไปกับผู้ชายคนไหนแล้วล่ะค่ะ” ชัชชุอรได้สติว่าไม่ควรหลุดภาพนางมารร้ายออกไป จึงรีบแก้คำพูด “เอ่อ อรก็แค่ไม่อยากให้พี่เคียร์สวิ่งตามคนที่ไม่เต็มใจจะกลับบ้านกับพี่เคียร์สน่ะค่ะ”
เคียร์สยืนนิ่ง มองเห็นความจริงจากคำพูดของชัชชุอร
นั่นสินะ เขาไม่ควรจะวิ่งไล่ตามผู้หญิงคนนั้น เพราะหล่อนไม่มีค่าพอแม้แต่จะให้เขานึกถึงด้วยซ้ำ
“แล้วนั่นพี่เคียร์สจะไปไหนคะ”
ชัชชุอรเห็นเคียร์สหมุนตัวจะเดินไปในทิศทางตรงกันข้ามกับทางที่อัญชันเดินจากไปก็รีบเอ่ยถาม
“พี่จะไปลานจอดรถน่ะ จะกลับบ้าน”