นาราและปัฐวีพี่ชายเธอ แต่งงานกันเมื่อ 6 ปีก่อน เรื่องราวความรักของทั้งคู่นึกถึงแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้ เพราะมันคล้ายๆละครหลังข่าวที่พระเอกไปช่วยนางเอกตอนที่กำลังโดนรังแกจากผู้ร้าย จำได้ว่าตอนนั้นพี่ชายเธอเล่าให้ฟังว่า เป็นช่วงวันหยุดพัก15วันของนักเรียนนายร้อย และพี่ชายกับเพื่อนนัดกันไปดื่มที่ร้านอาหารในตัวเมืองระยอง แล้วก็มีคนเมาพูดจาเสียงดังแถมยังลวนลามหญิงสาววัยรุ่นโต๊ะข้างๆด้วย เมื่อเห็นเหตุการณ์สัญชาตญาณของว่าที่ผู้หมวดหนุ่มก็ทำงานทันที พี่ชายเข้าไปพูดคุยห้ามปรามแต่คนเมาดันไม่สนใจแถมยังทำร้ายพี่ชายเธอให้ได้เจ็บตัวอีกด้วย เพราะไม่ทันที่จะระวังตัว เลยโดนต่อยจนปากแตกจากนั้นความวุ่นวายก็เกิดขึ้นจนเจ้าของร้านออกมาจัดการ ส่วนพี่ชายเธอเองก็มึนด้วยฤทธิ์หมัดคนเมาไปพักใหญ่ มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มีสาวน้อยหน้าตาน่ารักยื่นผ้าเช็ดหน้ามาซับเลือดที่มุมปากให้นั่นแหล่ะ และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นความรักของว่าที่ผู้หมวดหนุ่มกับสาวน้อยนักเรียนพยาบาล
ปรายฟ้าอมยิ้มเมื่อนึกถึงเรื่องราวความรักของพี่ชายกับพี่สะใภ้คนสวยของเธอ
ไม่นานเสียงรถยนต์ก็วิ่งเข้ามาจอดหน้าบ้าน สักพักก็เห็นพี่สาวหิ้วของพะรุงพะรังเข้ามาในบ้าน ตามหลังด้วยพี่ชายคนโตปรายฟ้าลุกออกไปช่วยพี่สาวทันที
"โห พี่ปัณกับพี่ปัฐไปเหมาตลาดมาเหรอคะ ซื้ออะไรมาเยอะแยะเนี่ย" เสียงหวานเอ่ยทักพี่ทั้งสอง
"จะอะไรล่ะ ก็ซื้อของมาไว้ทำอาหารโปรดของพวกเรานี่ล่ะ แล้วปรายมาถึงนานยัง" ปัณสิตาเอ่ยถามน้องสาวคนเล็ก
"มาถึงพักใหญ่แล้วละคะ พี่ปัณมาถึงแต่เช้าแล้วเหรอค่ะ" ร่างบางหันมาถามพี่สาวหลังจากเอาของไปวางไว้ที่โต๊ะกลางห้องครัวเรียบร้อย
"จ๊ะ มาถึงตอนเก้าโมงกว่า ออกไปดูสวนกับพ่อมาด้วย" พี่สาวคนสวยตอบพร้อมรอยยิ้มบางส่งให้น้อง
"งานที่ทำงานหนักเหรอปราย แม่ว่าหน้าตาหนูดูเหนื่อยๆนะลูก" สารินีเอ่ยถามลูกสาวคนเล็กในขณะที่นั่งทานข้าวมื้อเย็น
ปรายฟ้าเงยหน้าขึ้นยิ้มให้มารดา ก่อนจะเอ่ยบอกให้ผู้เป็นแม่หายห่วง
"ไม่หนักหรอกค่ะแม่ ปรายแค่พักผ่อนไม่พอก็เลยเพลียนิดหน่อยน่ะค่ะ"
"อืม งัันคืนนี้ก็รีบนอนพักผ่อนล่ะ ขับรถมาเหนื่อยๆด้วยเดี๋ยวจะล้าจนป่วยเอานะลูก"น้ำเสียงห่วงใยของมารดาทำให้ร่างบางรีบยิ้มรับคำทันที
"ค่ะแม่"
หลังจากรับประทานอาหารมื้อเย็นเรียบร้อยทั้งหมดก็มานั่งรวมกันในห้องรับแขกของบ้าน ถามไถ่เรื่องราวต่างๆจนถึงสามทุ่มทุกคนถึงได้แยกย้ายกันไปพักผ่อนโดยพี่ชายกับพี่สะใภ้อุ้มเอาลูกชายที่งีบหลับไปตั้งแต่สองทุ่มเดินกลับบ้านตัวเองไป
"ฝันดีนะคะพี่ปัณ" ร่างบางเอ่ยบอกพี่สาวก่อนจะเปิดประตูเข้าห้อง
"จ๊ะ ฝันดีค่ะ" ปัณสิตาส่งยิ้มอบอุ่นให้น้องสาวก่อนจะเข้าห้องไป
ปรายฟ้าค้นซองยาแก้ไข้ในกระเป๋าขึ้นมากินก่อนที่จะมานั่งลงที่เตียงนุ่ม พออยู่คนเดียวความคิดก็เริ่มหมุนวนไปสู่เหตุการณ์เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา พอนึกถึงใบหน้าสวยคมของใครคนนั้น ใบหน้าหวานก็มีอันต้องร้อนผ่าวขึ้นมาอีกแล้ว เฮ้อ แล้วเธอจะมานั่งคิดถึงเรื่องนี้อีกทำไมเนี่ยปรายฟ้าสะบัดหน้า ไม่เข้าใจตัวเองที่สมองคอยแต่จะนึกถึงเหตุการณ์น่าอายนั่นบ่อยๆทำไมก็ไม่รู้ ร่างบางถอนหายใจกับความฟุ้งซ่านของตัวเองก่อนจะลุกไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่เดินเข้าห้องน้ำไป
เช้าวันจันทร์แรกของเดือนที่ดูจะวุ่นวายกันจนเป็นเรื่องปกติของมนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้บริหารระดับสูงของบริษัทอย่างณัฐวรินทร์ เช้านี้สาวสวยหน้าคมมีประชุมกับหัวหน้าแผนกทุกแผนกเพื่อแจกแจงแผนงานและส่งมอบเป้าหมายเดือนนี้ ให้แต่ละแผนกได้นำไปปฏิบัติให้บรรลุตามจุดประสงค์ที่ได้วางไว้
ณัฐวรินทร์มาถึงที่บริษัทตอนแปดโมง นี่ขนาดว่าเธอรีบออกจากบ้านตั้งแต่ยังไม่เจ็ดโมง กว่าจะฝ่าการจราจรของเมืองกรุงมาได้ก็เสียเวลาไปเกือบสองชั่วโมง
"สวัสดีค่ะคุณณัฐ" เสียงใสของอินทิราเลขาหน้าห้องของเธอส่งเสียงทักทายพร้อมรอยยิ้ม เมื่อเห็นร่างสูงโปร่งของเจ้านายคนสวยเดินมาถึงหน้าห้องทำงาน
"สวัสดีค่ะคุณอิน มาถึงแต่เช้าเลยนะคะ"
ณัฐวรินทร์เอ่ยทักทายอินทิราด้วยรอยยิ้ม
"ก็วันนี้มีประชุมแต่เช้านี่คะ อินก็ต้องรีบมาเตรียมความพร้อม ถึงเวลาจะได้ไม่มีอะไรผิดพลาด" เลขาสาวตอบพร้อมรอยยิ้มบางส่งให้ผู้เป็นเจ้านาย
"ขยันจริงนะคะ นี่ถ้ามีรางวัลเลขาดีเด่นฉันจะเสนอชื่อคุณอินเป็นคนแรกเลยค่ะ"
คำพูดหยอกเย้าของเจ้านายคนสวยทำให้อินทิราอดขำไม่ได้
"แหม คุณณัฐก็พูดไป อินก็แค่อยากทำหน้าที่ตัวเองให้ดีแค่นั้นละคะ"อินทิราเอ่ยบอกเจ้านายยิ้มๆ
ณัฐวรินทร์ถือว่าเป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ไฟแรงเพราะเจ้าตัวเพิ่งจะอายุเต็ม28 เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี่เองทั้งรูปร่างหน้าตาฐานะและความสามารถของหญิงสาวต่างเป็นที่หมายปองของทั้งชายและหญิง แต่เจ้าตัวนั้นก็แสดงออกชัดเจนว่าเธอนิยมชมชอบในอิสตรีเท่านั้น
ส่วนอินทิราเองเธอก็ไม่ได้รู้สึกว่าการที่เจ้านายสาวจะรักชอบพอในเพศเดียวกันนั้นเป็นเรื่องผิดแปลกแต่อย่างไร เธอชื่นชมอีกคนที่ความสามารถมากกว่า
"ว่าแต่คุณณัฐจะรับอะไรก่อนเข้าประชุมไหมคะเดี๋ยวอินไปจัดการให้" อินทิราเอ่ยถามเจ้านายสาวก่อนที่อีกคนจะเปิดประตูเข้าห้องทำงาน
"เช้านี้ขอเป็นโกโก้ร้อนกับคุกกี้ก็พอค่ะ ขอบคุณมาก" ร่างสูงหันมาบอกเลขาก่อนจะเดินเข้าห้องทำงานไป
ไม่นานเสียงเคาะประตูพร้อมร่างเลขาก็เดินถือถาดคุกกี้เนยและถ้วยโกโก้หอมกรุ่นเข้ามาวางตรงหน้าเธอ
ณัฐวรินทร์เอ่ยขอบคุณอีกครั้ง อินทิรายิ้มรับก่อนจะถอยออกจากห้องเพื่อไปเตรียมตัวเข้าประชุมพร้อมเจ้านายเช่นกัน
ณัฐวรินทร์มองดูนาฬิกาเธอมีเวลาอีกครึ่งชั่วโมงเพื่อเตรียมตัว มือเรียวรีบเปิดโน้ตบุ๊คเครื่องบางเพื่อเตรียมไฟล์งานที่ต้องแจ้งในที่ประชุมเช้านี้ขึ้นมาตรวจทานอีกครั้ง
เริ่มต้นเดือนใหม่ของทุกเดือน หลายแผนกในแต่ละบริษัทคงจะยุ่งวุ่นวายสำหรับเตรียมแผนงานของตัวเอง ยกเว้นแผนกบัญชีและการเงินที่ปรายฟ้าทำงานอยู่ เพราะแผนกเธอจะเริ่มยุ่งวุ่นวายอีกทีก็คือสัปดาห์ที่สามของเดือน ที่จะต้องเคลียร์งบเอกสารทุกอย่างให้เสร็จตอนสิ้นเดือน ช่วงต้นดือนจึงถือว่าเป็นช่วงเวลาที่งานในแผนกน้อยที่สุดก็ว่าได้
หญิงสาวนั่งเคลียร์งานตัวเองจนกระทั่งเสียงลากเก้าอี้ข้างตัวดังขึ้น ปรายฟ้าหันไปส่งยิ้มให้เมื่อเห็นว่าคนที่นั่งลงข้างเธอเป็นใคร วารินีเพื่อนเธอนั่นเอง แถมเจ้าตัวยังมานั่งเอามือเท้าคางจ้องหน้าเธอเหมือนจับผิดอะไรอีกด้วย
"หน้าเรามีอะไรติดเหรอวา นั่งจ้องทำไมเนี่ย" ปรายฟ้าเอ่ยถามเพื่อนเพราะอีกคนมาถึงก็ไม่พูดไม่จา เอาแต่นั่งจ้องเธอคิ้วก็ขมวดเป็นโบว์จนอดถามออกไปไม่ได้
วารินียืดตัวขึ้นนั่งหลังพิงพนักเก้าอี้ แต่สายตาก็ไม่ยอมล่ะจากเพื่อนคนสวยที่ได้แต่มองเธอแบบงงๆก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาให้อีกคนได้สงสัยเข้าไปอีก นี่เพื่อนเธอคงจะยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขาเลยสินะว่าตอนนี้ตัวเองได้กลายเป็นหัวข้อการเม้ามอยของคนไปครึ่งบริษัทแล้ว
"นี่ปรายไม่ได้ดูข่าวสารอะไรในเพจรวมของบริษัทเลยใช่ไหมนี่"วารินีเอ่ยถามเพื่อนที่นั่งหน้ามึนไม่เข้าใจ ก็พอจะรู้หรอกว่ายัยเพื่อนคนสวยไม่ค่อยจะสนใจพวกโซเชียลเหล่านี้ แค่คุณเธอมีไลน์กลุ่มไว้ให้เพื่อนได้ถามไถ่ก็ถือว่าดีถมไปแล้ว
ปรายฟ้าส่ายหน้าเมื่อได้ฟังคำถามเพื่อน ก็เธอไม่ใช่คนที่ชอบเข้าส่องอะไรแบบนั้นนี่นา อีกอย่างถ้าเป็นพวกข่าวสารเกี่ยวกับงานหรือบริษัท เธอก็จะรับรู้จากบอร์ดประชาสัมพันธ์อยู่แล้วเลยไม่จำเป็นต้องเข้าดูอะไรในกลุ่มนั้น
"มีข่าวอะไรน่าสนใจงั้นเหรอ วาถึงได้ทำหน้าตาเหมือนกับมีข่าวใหญ่ยังงั้นแหล่ะ" คนหน้าหวานเอ่ยเย้าเพื่อน
วารินีส่ายหน้ากับความช่างไม่รู้อะไรเลยของเพื่อนเธอเสียจริงเชียว
"ใหญ่หรือเปล่าไม่รู้ แต่ชื่อแกก็เป็นที่กล่าวถึงไปค่อนบริษัทแล้วย่ะคุณเพื่อน โดยเฉพาะพวกบรรดาผู้ชายที่เคยมาขายขนมจีบแกน่ะ"ไม่วายที่จะว่าให้อีกคน แหน่ะ ยังทำหน้าหมางงอีก เฮ้อ เพื่อนฉัน
"เรานี่นะ จะเป็นไปได้ยังไง วันๆวาก็เห็นว่าเราไม่ได้ไปไหนจู่ๆจะไปเป็นข่าวดังอะไรได้ล่ะ" ปรายฟ้าบอกเพื่อน นี่เพื่อนเธอจะมาอำอะไรเล่นอีกล่ะ
วารินีไม่ตอบแต่หยิบมือถือตัวเองขึ้นมากดอะไรยิกๆสักครู่เธอก็ยื่นโทรศัพท์ให้อีกคนดู ปรายฟ้ารับไปดูอย่างงงๆ แต่พอเห็นรูปที่โชว์หราบนหน้าจอก็ต้องเม้มริมฝีปากแน่น ยิ่งข้อความที่ขึ้นโชว์บอกสถานะของรูปยิ่งทำให้อารมณ์เธอขุ่นมัวมากขึ้น มันเป็นรูปภาพตอนที่เธอไปนั่งทานอาหารกับนายภาณุเมื่อเย็นวันศุกร์ที่ผ่านมานั่นเอง นายนั่นคงจะแอบวานให้เด็กในร้านแอบถ่ายให้เพราะเธอไม่รู้ตัวเลยสักนิด และภาพมันก็ออกมาในแบบที่ทำให้คนเห็นคิดกันไปได้เพราะเป็นภาพที่นายภาณุกำลังตักอาหารให้เธอพร้อมรอยยิ้ม ไอ้ผู้ชายเลวนี่เขากะจะรวบหัวรวบหางเธอไม่พอยังมีหน้ามาสร้างภาพให้คนอื่นเข้าใจเธอแบบผิดๆอีกด้วยมันน่าโมโหนัก
วารินีรับโทรศัพท์คืนมาจากเพื่อนพร้อมกับถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นสีหน้าหวานนั้นแดงเข้มขึ้น เธอรู้ว่ามันไม่ได้แดงเพราะอายแต่เพื่อนเธอคงกำลังโมโหหรือโกรธมากเลยล่ะ
"อยากเล่าอะไรให้ฉันฟังไหม"วารินีถามเพื่อนอย่างเข้าใจ เธอว่ามันน่าจะมีอะไรมากกว่าภาพที่เห็น ไม่งั้นเพื่อนเธอคงไม่โมโหแบบนี้หรอก
ปรายฟ้าสบตาเพื่อนก่อนถอนใจแล้วพยักหน้า วารินีเป็นเพื่อนสนิทที่คบหากันมาตั้งแต่เรียนมหาลัยด้วยกัน พอจบทั้งคู่ก็เลือกที่จะมาสมัครงานกับบริษัทนี้ซึ่งทั้งสองคนก็เคยได้มาฝึกงานช่วงก่อนจบการศึกษาที่นี่ด้วย
"ถ้างั้นออกไปหาอะไรทานกันข้างนอกนี่ก็จะเที่ยงล่ะ ออกก่อนเวลาสักหน่อยพี่แอ๋วคงไม่ว่าหรอกมั้ง เดี่ยวแกรอแป๊ปนะฉันไปเอากระเป๋าก่อน"
วารินีเอ่ยถึงอรสาหรือพี่แอ๋ว หัวหน้าแผนกของพวกเธอนั่นเอง ปรายฟ้าพยักหน้าให้เพื่อนก่อนจะรีบเก็บของส่วนตัวลงในกระเป๋าสะพายใบเล็ก ไม่นานเพื่อนสาวก็เดินกลับมาแล้วทั้งคู่จึงเดินออกไปยังลานจอดรถของบริษัท
"เดี๋ยวเอารถเราไปก็ได้" ปรายฟ้าเอ่ยบอกเพื่อนสาวเมื่อเดินมาถึงบริเวณลาดจอดรถวารินีพยักหน้ารับ
20 นาทีต่อมาทั้งสองสาวก็มาถึงร้านอาหารแนวธรรมชาติที่เป็นร้านไม่ใหญ่มาก ซึ่งเจ้าของต่อเติมส่วนของร้านออกมาจากตัวบ้านอีกทีข้อดีคือบริเวณบ้านที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่รอบๆหลายต้นทำให้บรรยากาศในร้านเย็นสบาย ที่สำคัญอาหารที่นี่ราคาไม่แพงแถมยังอร่อยอีกด้วย เธอกับเพื่อนก็แวะมาทานกันหลายครั้งแล้ว บางทีก็มาเป็นกลุ่มใหญ่กับบรรดาพี่ๆในแผนก
เมื่อหาโต๊ะนั่งได้แล้วซึ่งตอนนี้ลูกค้ายังไม่เยอะเพราะพวกเธอออกมาก่อนเวลาเที่ยงเกือบครึ่งชั่วโมง จึงสามารถเลือกที่นั่งริมระเบียงในสุดของร้านที่ดูจะเป็นมุมค่อนข้างส่วนตัวไม่มีคนเดินผ่าน ไม่นานเด็กในร้านก็เดินยิ้มเข้ามาต้อนรับ สองสาวจึงสั่งอาหารไป3-4อย่างพร้อมข้าวเปล่า
"อ่ะ คราวนี้แกก็เล่ามา ว่าที่มาของภาพนั้นมันยังไงแค่ฉันลาพักร้อนครึ่งวัน แกก็โดนนายนั่นลวงล่อให้ไปเดทกับเขาได้เชียวเหรอปราย"
วารินีสอบถามเพื่อนรักทันทีเมื่อเด็กในร้านเดินพ้นโต๊ะไป เธอยังแปลกใจที่เห็นภาพนี้ครั้งแรกเพราะที่ผ่านมาปรายฟ้าไม่เคยที่จะออกไปไหนกับผู้ชายสองต่อสองแน่นอน มันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ
ปรายฟ้าสบตาเพื่อนแล้วถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจเล่าถึงต้นสายปลายเหตุแห่งภาพนั้นให้เพื่อนฟัง
"โหย ไอ้คนสารเลวเฮงซวยเอ้ย นี่มันทำถึงขนาดนี้เลยเหรอแก" เสียงสบถด่าทอจากปากเพื่อนดังขึ้นทันทีเมื่อเธอเล่าถึงเหตุการณ์ในร้านอาหารคืนนั้นให้ฟัง
"นี่ถึงขั้นวางยาแก มันเลวมากเลยนะไอ้ผู้ชายคนนี้ แล้วยังไง แกรอดมาได้ไงปราย" คำถามของเพื่อนทำให้ใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อทันที แล้วนั่นอะไรสายตาจ้องจับผิดมาอีกแล้ว
"กะ ก็พอดีมีคนช่วยน่ะ เขาเจอเราตอนจะออกจากห้องน้ำ" ปรายฟ้าเอ่ยเล่าพร้อมทั้งหลบสายตาไอ้เพื่อนตัวดีที่จ้องมาราวกับจะสแกนคำพูดของเธอ
วารินีขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อเพื่อนคนสวยเอ่ยบอก แล้วทำไมเพื่อนเธอต้องหน้าแดงด้วย แถมยังจะหลบตาเธออีกมันต้องมีอะไร วารินีคนฉลาดนึกในใจ
"ช่วย? เจอในห้องน้ำ? ผู้หญิง ?? คำถามย้ำมาอีกครั้งให้แน่ใจ ปรายฟ้าหันมามองเพื่อนพร้อมพยักหน้า
"อืม ห้องน้ำผู้หญิงแกจะให้เป็นผู้ชายหรือไงล่ะ"
คนหน้าหวานส่งค้อนให้แม่เพื่อนตัวดี ที่ยังส่งสายตาเป็นคำถามมาหาเธอ
"รู้แล้วว่าห้องน้ำหญิงก็ต้องมีแต่ผู้หญิงเข้า แต่ที่ฉันอยากรู้คือ ทำไมแกต้องหน้าแดงแล้วหลบตาฉันต่างหากยัยปราย"หึ ท่าทางมีพิรุธนะเพื่อน
"กะ ก็อากาศมันร้อนไงแก พอๆเลิกถามได้แล้วกินข้าวกันดีกว่า" ปรายฟ้ารีบเปลี่ยนเรื่องทันทีเมื่อเห็นเด็กเสิร์ฟเดินถือถาดอาหารที่สั่งมาวางลงบนโต๊ะ โดยที่ไม่ทันได้เห็นแววตามีเลศนัยของเพื่อนรักที่ยกยิ้มมุมปากมองมาที่เธอ อากาศร้อน มันใช่เหรอ ยิ่งมุมที่พวกเธอนั่งอยู่ริมระเบียงลมพัดเย็นสบายเชียวล่ะ หึหึ มันต้องมีอะไรแน่ๆวารินีคิด
"แกมีอะไรปิดบังฉันอยู่ใช่ไหมยัยปราย" คำพูดที่หลุดออกจากปากเพื่อนทำเอาคนมีความลับถึงกับสำลักน้ำต้มยำที่เพิ่งชิมเข้าไปทันที ทำให้เจ้าตัวต้องรีบวางช้อนไอแคกๆหน้าแดงก่ำไม่รู้เพราะอายที่โดนคำถามจี้ใจดำหรือเพราะความเผ็ดของน้ำต้มยำกันแน่ หญิงสาวคว้าเอาทิชชู่จากมือเพื่อนตัวดีมาเช็ดน้ำหูน้ำตา
ได้แต่ส่งค้อนให้เพื่อนที่ยังส่งสายตาล้อเลียนเธอไม่ยอมกินข้าว จนเธอต้องแกล้งตักอาหารวางใส่จานอีกคนจะได้เลิกถามเธอเรื่องนี้ซักที แม้ว่าทั้งคู่จะสนิทกันมากแต่เธอก็อายเกินกว่าที่จะเล่าถึงเหตุการณ์ลึกซึ้งในคืนนั้นให้อีกคนฟังอยู่ดี
แกทำตัวน่าสงสัยนะปราย ไอ้อาการหน้าแดงหูแดงนี่มันน่าสงสัยจริงๆวารินีคิดในใจที่เห็นอาการแปลกๆของคนหน้าหวานที่ตอนนี้ใบหน้าแดงไปยันลำคอขาวๆนั่นแล้ว อืม แล้วมันจะอายอะไร ระหรือว่า เฮ้ย! อย่าบอกนะว่าเพื่อนเธอ ฮึ้ย!!?ตายแล้วหรือว่าการช่วยเหลือที่เพื่อนเล่ามา มันคือ เอ่อ ชะช่วยแบบมีอะไรกัน เมื่อความคิดนั้นแวบมาในหัวทำให้เธอวางช้อนกินข้าวแล้วเงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนรักทันที
ปรายฟ้าเองก็ชะงักมือที่กำลังจะตักอาหารใส่จานตัวเองมองหน้าเพื่อนอย่างงงๆ แล้วก็ต้องสะดุ้งจนช้อนเกือบหลุดมือเมื่อเพื่อนรักโพร่งคำถามอันน่าตกใจขึ้นมาอีกครั้ง
"ยัยปราย กะ แก แกอย่าบอกนะว่า แกโดนช่วยเหลือ บะ แบบ แบบนอนด้วยกันน่ะ" ใช่ ต้องใช่แน่ๆดูหน้าเพื่อนเธอตอนนี้สิมันตกใจอ้าปากค้างเลยล่ะ ใบหน้าหวานที่แดงเรื่อก่อนหน้านี้ตอนนี้มันกลับแดงแปร๊ดเลยทีเดียว
"ฮ่า ฮ่า ๆ " เสียงหัวเราะสะใจแกมขำขัน ทำให้ปรายฟ้าได้สติขึ้นมามือบางฟาดเข้าที่ต้นแขนเพื่อนรักทั้งเขินอายและตกใจ
"วา แกจะขำอะไรนักหนาห๊ะ "ปรายฟ้าส่งเสียงดุเพื่อนที่พยายามกลั้นขำจนหน้าแดง ยัยเพื่อนบ้า มันใช่เรื่องที่ต้องมานั่งขำล้อเลียนเธอไหมทำอะไรเพื่อนไม่ได้มากไปกว่านั้น จึงได้แต่ส่งสายตาดุไปให้อีกฝ่ายแทน