ณัฐวรินทร์เดินเข้ามาในบ้านตอนเกือบเที่ยงวัน ร่างสูงโปร่งสาวเท้าเข้าไปยังห้องรับแขกที่ตอนนี้มีพ่อแม่และพี่ชายอยู่กันพร้อมหน้า
"ไงไอ้แสบ บ้านช่องไม่กลับ เมื่อคืนไปนอนที่คอนโดมาเหรอ" นนทวัชร์เอ่ยแซวน้องสาวทันทีเมื่อเห็นร่างสูงเดินมานั่งลงที่โซฟาใกล้ๆ
ณัฐวรินทร์ไม่ตอบแต่ส่งยิ้มเซียวไปให้ผู้เป็นพี่แทน
"เป็นอะไรไม่สบายหรือเปล่าลูก ดูหน้าตาไม่ค่อยดี หรือเมื่อคืนพากันดื่มหนักจนแฮ้งค์มายันเช้าเนี่ย" นุชจรีผู้เป็นแม่เอ่ยถามลูกสาว
ณัฐวรินทร์ส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมา เธอรู้สึกไม่สบายใจยังไงบอกไม่ถูก มันหน่วงๆในใจอย่างไม่เคยเป็น
"เป็นอะไร มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเรา"อาณัฐอดไม่ได้ที่จะถามลูกสาวบ้าง
"คือ เอ่อ คือเมื่อคืนนี้ณัฐได้ช่วยผู้หญิงคนนึงไว้ คือเธอถูกวางยาปลุกเซ็กส์น่ะค่ะ" ณัฐวรินทร์ตัดสินใจเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ครอบครัวฟัง
"ก็ดีแล้วนี่ลูก แล้วผู้หญิงคนนั้นปลอดภัยดีใช่ไหม ทำไมสังคมทุกวันนี้ช่างน่ากลัวจัง"นุชจรีบ่นออกมาแต่คนเป็นลูกสาวต้องยิ้มแหยหันไปสบตาพี่ชายที่มองมาอย่างจับผิด
"ณัฐ! เล่ามาให้หมด อย่าบอกนะว่าที่มานั่งทำหน้าอมทุกข์อยู่นี่เพราะตัวเองช่วยเขาแต่กลับลงมือกระทำเอง"
คำพูดของพี่ชายทำเอาเธอสะดุ้ง หันขวับไปมองผู้เป็นพี่ทันที เมื่อเจอสายตาคาดคั้นส่งกลับมา เธอก็ต้องพยักหน้ายอมรับเสียงอ่อย
"ค่ะ ณัฐยอมรับว่า เอ่อ นอนกับเธอ แล้ว คือ เอ่อ" ณัฐวรินทร์อ้ำอึ้งกับสิ่งที่จะเอ่ย แต่เมื่อเห็นสายตาของทุกคนจ้องมาที่เธอเป็นตาเดียวก็ต้องรีบพูดออกไปทันที
"คือเมื่อคืน ณัฐมีอะไรกับผู้หญิงคนนั้น แล้ว ละ คือ ณัฐไม่ได้ระวังป้องกันค่ะ"
"ห๊ะ ! ยัยณัฐ แกทำไมไม่ระวังตัว แกก็รู้ว่าแกไม่เหมือนคนอื่น" นนทวัชร์ได้แต่ต่อว่าผู้เป็นน้องสาวที่ตอนนี้ทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
พ่อกับแม่เองก็อึ้งไปเหมือนกันเมื่อได้ฟังคำสารภาพจากลูกสาว ทั้งคู่มองหน้ากันก่อนจะมองไปที่บุตรสาวคนเดียวที่นั่งนิ่งหน้าเครียด เห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้เจ้าตัวเองก็คงจะเครียดและกังวลไม่น้อย ไม่อย่างนั้นคงไม่ยอมเล่าเรื่องแบบนี้ให้คนในครอบครัวฟังเป็นแน่
นนทวัชร์ถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ยถามในสิ่งที่คนฟังแทบอยากจะเอาหน้ามุดพื้นห้องหลบอายกันเลย
" กี่ครั้ง แกมีความสัมพันธ์กับเขาไปกี่ครั้งตอบมา"
" สะ สี่ครั้ง" ณัฐวรินทร์จำใจตอบออกไปด้วยความอับอาย ไอ้พี่บ้าถามมาได้ แต่เธอก็เข้าใจว่าที่นนทวัชร์คาดคั้นเอาคำตอบขนาดนี้สาเหตุมันเพราะอะไร
พี่ชายเธอเป็นหมอ และสิ่งที่เธอมีไม่เหมือนผู้หญิงทั่วไปนั่นก็คือ เธอมียีนแฝงในร่างกายและยีนแฝงตัวนี้จะมีลักษณะคล้ายยีนดีเอ็นเอที่มีในเพศชาย และยิ่งกว่านั้นสารคัดหลั่งของเธอเปรียบได้กับน้ำเชื้อของเพศชาย มันสามารถทำให้ผู้หญิงท้องได้ไม่แตกต่างจากการร่วมรักกับเพศชายเลยนี่คือสิ่งที่เธอระมัดระวังตัวมาตลอด
และทุกคนในครอบครัวก็รู้ดี สาเหตุที่ร่างกายเธอเป็นแบบนี้ก็ยังไม่มีใครตอบคำถามได้ชัดเจนว่าเกิดขึ้นได้ยังไง แม้กระทั่งลุงหมอที่เป็นญาติของเธอเองก็ยังให้คำตอบในเรื่องนี้ไม่ได้ตอนแรกที่รู้เธอเองก็ไม่เชื่อทั้งอึ้งทั้งช๊อคเลยล่ะที่รู้ว่าเธอมียีนพิเศษในร่างกาย ก็เป็นผลจากการตรวจเลือดตอนที่พี่ชายเป็นนักศึกษาแพทย์อยู่ปีสุดท้าย ด้วยความที่อยากรู้และเป็นห่วงสุขภาพคนในครอบครัว ว่าที่คุณหมอนนท์ถึงได้เอาเลือดพ่อแม่รวมทั้งของเธอไปตรวจจนละเอียดแทบจะทุกโปรแกรม และข่าวอันน่าตื่นเต้นและตกใจสำหรับเธอก็เกิดขึ้นหลังจากนั้นเพียงหนึ่งสัปดาห์
แค่นั้นยังไม่สาแก่ใจว่าที่คุณหมอ เธอยังโดนพี่ชายบังคับให้ช่วยตัวเองเป็นครั้งแรก เพื่อจะเอาสารคัดหลั่งไปตรวจหาตัวอ่อนที่เรียกว่าอสุจิ โดยที่เจ้าตัวให้เหตุผลว่าได้อ่านเจอข้อมูลลักษณะคล้ายๆกับเธอ แล้วคนที่มียีนแฝงหรือโครโมโซมลักษณะนี้น้ำรักจะเหมือนของเพศชายซึ่งสามารถมีตัวอ่อนไปผสมกับไข่ของเพศหญิงแล้วเกิดการปฏิสนธิได้เหมือนการร่วมรักแบบหญิงชาย
และผลตรวจในครั้งนั้นก็ทำให้ทั้งครอบครัวต้องอึ้งไปตามๆกัน เพราะน้ำรักหรือสารคัดหลั่งของเธอมีตัวอ่อนเหมือนอสุจิเพศชายน่ะสิซึ่งมันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมาก นั่นคือสาเหตุที่ทั้งพ่อแม่และพี่ชายเป็นห่วงต้องคอยเตือนเธอหากจะไปยุ่งเกี่ยวกับใคร แต่มันแปลกตรงที่หากเธอมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายเธอจะไม่มีวันท้อง แต่หากเธอมีมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงด้วยกัน นั่นล่ะคือสิ่งที่น่าเป็นห่วง ที่ผ่านมาเธอเองก็ไม่ใช่จะไปยุ่งกับใครมากมายแม้ใจจะชอบพอในเพศเดียวกันตั้งแต่รู้ว่าตัวเองไม่เหมือนคนอื่นทำให้ต้องระวังมากเป็นพิเศษ เธอจึงมีวิธีป้องกันในแบบของเธอ
เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ของคุณหมอหนุ่มทำให้ณัฐวรินทร์ ยิ่งใจเสียเข้าไปใหญ่ ได้แต่หันไปมองบุพการีทั้งสองที่ตอนนี้มีสีหน้าหนักใจพอกัน
"มีโอกาสกี่เปอร์เซ็นต์ตานนท์ ที่ผู้หญิงคนนั้นจะท้องได้"อาณัฐเอ่ยถามลูกชาย
"มันก็ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของอีกฝ่ายด้วยครับคุณพ่อ ถ้าอธิบายตามหลักแล้ว ก็คล้ายกับเวลาผู้ชายเรามีความสัมพันธ์กับผู้หญิง หากว่ามีในช่วงที่มดลูกฝ่ายหญิงกำลังตกไข่พอดีแล้วได้รับน้ำเชื้อเข้าสู่ช่องคลอดโอกาสที่จะตั้งท้องได้ก็มีมากถึง 80% ทีเดียว แล้วยิ่งลูกสาวคุณพ่อจัดชุดใหญ่ขนาดนั้นผมไม่อยากจะคิดเลยหากร่างกายเธอคนนั้นอยู่ในระยะที่อันตรายอย่างที่บอก"
คำอธิบายยาวเหยียดของพี่ชายไม่ได้ช่วยลดความกังวลในใจณัฐวรินทร์ลงได้เลย เธอไม่เคยวิตกกังวลอะไรมากเท่านี้เหมือนมีลางสังหรณ์ยังไงก็ไม่รู้
"ณัฐรู้สึกไม่ดีเลยค่ะคุณพ่อคุณแม่ ณัฐกลัว ถ้าหากน้องเขาเกิดท้องขึ้นมาจริงๆ ณัฐไม่กลายเป็นคนบาปหนาไปเลยหรือที่สร้างตราบาปให้กับผู้หญิงคนหนึ่ง เมื่อเช้าณัฐผิดเองที่หลับลึกจนไม่รู้สึกตัวตื่นมาอีกทีเธอก็หายออกไปจากห้องนั้นแล้ว ณัฐจะทำยังไงดี ณัฐไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอเลยนอกจากชื่อเล่นที่เธอเรียกแทนตัว"
ร่างสูงโผเข้าซุกอกมารดาน้ำตาแห่งความอัดอั้นทุกข์ใจไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความกลัว ความกังวลและเป็นห่วงอีกคนหากสิ่งที่คิดตอนนี้มันเกิดขึ้นจริงอีกคนจะเป็นยังไง จะรับมือหรือแก้ปัญหาแบบไหน ผู้หญิงคนหนึ่งที่ท้องขึ้นมาทั้งที่ตัวเองไม่ได้ไปยุ่งกับผู้ชาย ไม่รู้กระทั่งสาเหตุของการตั้งท้อง สภาพจิตใจจะเป็นยังไงไหนจะครอบครัวและคนรอบข้างอีกจะรับได้ไหม เธอไม่อยากจะคิดเลยว่าหากเรื่องมันเลวร้ายถึงขั้นนั้นผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งจะผ่านช่วงเลวร้ายนั้นไปได้ไหม
นุชจรีเอามือลูบศรีษะลูกสาวอย่างเข้าใจ ถ้าหากเธอเองตกอยู่ในสภาพแบบนั้นท้องทั้งๆที่ไม่รู้ว่าใครคือพ่อของลูกก็คงจะรู้สึกแย่มากเหมือนกัน
"มันอาจจะไม่เกิดเรื่องเลวร้ายแบบนั้นขึ้นก็ได้นะลูกแม่ว่าเราอย่าเพิ่งคิดอะไรล่วงหน้าไปก่อนเลย จะทำให้เราเป็นทุกข์เปล่าๆ หรือถ้ามันจะเกิดขึ้นจริงๆก็ขอให้คิดว่าโชคชะตาได้กำหนดมาแบบนั้นแล้ว เราคงฝืนไม่ได้"
"ณัฐ พี่ถามอะไรหน่อย น้องเขาสวยใช่ไหม?"
ณัฐวรินทร์เงยหน้าที่ยังมีคราบน้ำตาเปรอะเปื้อนออกมาจากอกมารดาเมื่อได้ยินคำถามจากพี่ชาย มือเรียวปาดเช็ดน้ำตาลวกๆ หัวคิ้วก็ขมวดเข้าหากัน
"พี่นนท์ถามทำไม แล้วมันเกี่ยวอะไรกับสิ่งที่ณัฐกลัว" ณัฐวรินทร์มองหน้าพี่ชายงงๆ
"เหอะน่า ตอบพี่มาก่อน ว่าไง น้องเขาสวยใช่ไหม"
ณัฐวรินทร์ถึงแม้จะไม่เข้าใจในสิ่งที่คนเป็นพี่ถามแต่ก็พยักหน้าตอบกลับไป
"ค่ะ สวย"
"หึหึ นั่นไงคิดไว้ไม่มีผิด คงไม่ใช่แค่สวยหรอกพี่ว่า แต่คงจะเป็นหญิงในฝันแกเลยมั้ง นี่ถ้าแกไม่มานั่งคร่ำครวญทุกข์ใจกลัวว่าฝ่ายนั้นจะท้องไม่มีพ่อ พี่จะคิดว่าแกตั้งใจไม่ป้องกันตัวเองเพราะอยากจะได้เขามาเป็นแม่ของลูกแกมากกว่า ฮ่าฮ่า"
ณัฐวรินทร์เมื่อได้ฟังคำพูดของพี่ชายถึงกับอ้าปากค้าง ก่อนจะต่อว่าคนเป็นพี่ออกไปด้วยใบหน้าขึ้นสี
"จะบ้าเหรอพี่นนท์ ใครจะไปคิดแบบนั้นในสถานการณ์อย่างนั้นได้เล่า ณัฐก็แค่ แค่ เอ่อ อารมณ์มันพาไปน่ะ" คำสารภาพพร้อมใบหน้าที่แดงเรื่อขึ้นมาทำให้พี่ชายยิ้มออกมาได้ เขาก็แค่ไม่อยากให้น้องสาวเครียดในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นเท่านั้นเอง แล้วก็ยังไม่วายแกล้งแหย่อีกคนให้ได้โวยวายเล่น
"จากนี้ไปพี่ขอแนะนำให้แกไหว้พระสวดมนต์ทุกคืนและก็อธิษฐานจิต เลือกเอาข้อใดข้อนึง ระหว่างขอให้แกได้เจอว่าที่แม่ของลูก หรือ ขอให้น้องเขาอย่าท้องลูกของแก หึหึโชคดีนะไอ้ว่าที่คุณพ่อ "
เมื่อได้แกล้งน้องสาวให้หน้างอหน้าคว่ำคนเป็นพี่ก็รีบลุกเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปทันที
"แม่ดูพี่นนท์พูดสิ คนยิ่งเครียดๆอยู่ยังจะมาล้ออีก" ณัฐวรินทร์หันมาฟ้องมารดาที่ยิ้มบางก่อนจะบอก
"เอาน่าพี่เขาก็แหย่เล่นเพราะไม่อยากให้เราเครียดเท่านั้นแหล่ะ ป่ะไปล้างหน้าล้างตามาทานข้าวเที่ยงกัน พี่เราคงไปสั่งแม่ครัวตั้งโต๊ะรอแล้วล่ะ"
หญิงสาวจึงได้แต่พยักหน้าถอนหายใจอีกรอบ เธอรู้ดีว่าทุกคนเป็นห่วง สงสัยคงจะได้สวดมนต์อธิษฐานอย่างที่พี่ชายว่าเสียละมั้ง ให้เลือกงั้นเหรอ นั่นสิระหว่างสองข้อนั่นเธอจะเลือกข้อไหนดีแต่ถ้าจะให้ดีเธออยากได้ทั้งสองข้อนั่นล่ะ ขอให้ได้เจอ และขอให้เธอคนนั้นเป็นแม่ของลูก เมื่อคิดได้ดังนั้นใบหน้าสวยคมก็มีรอยยิ้มและความหวังขึ้นมาบ้าง
ปรายฟ้าเดินทางกลับมาถึงบ้านเกิดที่ระยองก็เป็นเวลาบ่ายสี่โมงกว่าแล้ว หลังจากทานยาแก้ไข้และหลับไปสามชั่วโมงกว่าทำให้ร่างกายรู้สึกดีขึ้น จะเหลือแค่เนื้อตัวที่ยังอุ่นๆอยู่บ้าง แต่อาการปวดหัวไม่มีแล้ว ยังไงคืนนี้เธอคงต้องกินยาอัดเข้าไปอีกรอบเพื่อป้องกันไข้กลับ
"เย้ๆ อาปรายๆ คุณปู่ครับ อาปรายมาแล้ว" เสียงร้องตระโกนดีใจของเด็กชายวัย4ขวบวิ่งแจ้นออกมายังหน้าบ้าน หลังจากได้ยินเสียงรถยนต์วิ่งเข้ามาจอดในบริเวณโรงรถข้างบ้านชั้นเดียวหลังขนาดกลางที่ตั้งอยู่ในเนื้อที่เกือบสองไร่ รอบบ้านเป็นลานหญ้าสีเขียวที่ถูกตัดจนเตียนและล้อมรั้วสีขาวสูงเสมออกผู้ใหญ่ รอบๆรั้วเต็มไปด้วยดอกไม้สีสันสดใสถัดออกไปเยื้องๆในบริเวณเนื้อที่เดียวกันยังมีบ้านชั้นเดียวอีกหลังที่อยู่ใกล้ๆกัน นั่นเป็นบ้านของพี่ชายเธอเอง
ปรายฟ้าลงจากรถปิดประตู ก็พอดีกับเจ้าตัวแสบวิ่งมาถึงเธอน้องวินหรือเด็กชายปัฐวินลูกของพี่ชายคนโตนั่นเอง
"ว่าไงคะน้องวิน ร้องดีใจนี่คิดถึงอาปราย หรือคิดถึงขนมกับของเล่นกันคะ" ปรายฟ้าก้มลงกอดรัดหลายชายพร้อมกับกดจมูกฝังไปกับแก้มหลานรักอย่างหมั่นเขี้ยว เสียงหัวเราะเอิ้กอ๊ากเพราะจั๊กจี้ของหลานทำให้หญิงสาวอมยิ้มขยี้มือบนหัวกลมทุยนั่นอย่างเอ็นดู
"น้องวินก็ต้องคิดถึงอาปรายคนสวยอยู่แล้วสิครับ ว่าแต่ไหนของฝากน้องวินละครับ"
สิ้นคำถามของหลานรักปรายฟ้าอดที่จะหัวเราะขำกับความปากหวานของเจ้าตัวแสบไม่ได้ เมื่อกี้ยังบอกว่าคิดถึงเธอ แต่ไม่วายก็ยังถามหาของฝากจากเธออยู่ดี เด็กหนอเด็กร่างบางส่ายหน้าไปมาพร้อมรอยยิ้มเอ็นดู
"อยู่หลังรถค่ะ เดี่ยวอาไปเปิดให้" ว่าแล้วร่างบางจึงเดินไปเปิดท้ายรถหยิบถุงใบใหญ่ 4-5 ใบออกมาซึ่งในนั้นก็จะมีของเล่นและขนมของเจ้าตัวน้อย และพวกอาหารเสริมเพื่อสุขภาพของพ่อกับแม่เธอด้วย
"ขอบคุณอาปรายคนสวยที่สุดเลยครับ" เด็กน้อยยกมือไหว้อย่างรู้ความก่อนจะรับเอาถุงของเล่นจากอาสาวไปถือด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มพร้อมกับจูงมืออาสาวคนสวยเดินเข้าไปในบ้าน
"แหมเจ้าตัวแสบ พอได้ของฝากนี่ยิ้มหน้าบานเลยนะไหนเอามาให้ปู่ดูซิ อาปรายซื้ออะไรมาฝากฮึ" ปกรณ์บิดาของเธอยืนยิ้มแซวอยู่หน้าประตูบ้าน
"คุณพ่อสวัสดีค่ะ" ปรายฟ้ายกมือไหว้บิดาก่อนจะโผตัวเข้ากอดร่างหนาของผู้เป็นพ่อด้วยความคิดถึง
"อืมเป็นไงลูก ขับรถมาเหนื่อยๆป่ะเข้าไปนั่งพักก่อน"ปกรณ์ลูบผมลูกสาวคนเล็กอย่างแสนรัก พร้อมรอยยิ้มอบอุ่นที่ส่งให้เมื่อลูกสาวผละออก
"แล้วนี่ไปไหนกันหมดคะ เงียบจัง" ร่างบางเอ่ยถามบิดาเมื่อเดินเข้ามาภายในบ้านแล้วไม่เจอใคร
"แม่กับพี่สะใภ้เราก็ทำอาหารอยู่ในครัวนั่นแหล่ะ ส่วนตาปัฐกับยัยปัณขับรถออกไปซื้อของที่ตลาด เดี๋ยวก็คงกลับมาแล้วล่ะ" หญิงสาวพยักหน้ารับรู้ก่อนจะนั่งลงที่โซฟาใหญ่ข้างบิดา มองไปยังเด็กชายที่ตอนนี้กำลังง่วนอยู่กับกล่อง พอเห็นรูปภาพของเล่นที่มีอยู่หน้ากล่องเด็กชายก็ร้องขึ้นด้วยความตื่นเต้นดีใจยกใหญ่
"โห้ ๆคุณปู่ดูนี่ อาปรายซื้อเครื่องบินบังคับให้น้องวินด้วย" เด็กชายรีบยกกล่องขึ้นอวดพร้อมรอยยิ้มดีใจทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองอดยิ้มตามไม่ได้
ปรายฟ้าซื้อเครื่องบินบังคับมา เพราะมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เธอพาหลานไปเดินที่ห้างในตัวเมือง แล้วบังเอิญเดินผ่านร้านที่ขายโมเดลเครื่องบินรูปแบบต่างๆเห็นหลานชายเธอหยุดมองอย่างสนใจ เธอก็เลยตั้งใจว่าจะซื้อมันเป็นของขวัญวันเกิดหลานรักที่อีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันเกิดของน้องวินแล้ว
"อันนี้อาปรายถือว่าให้เป็นของขวัญวันเกิดน้องวินล่วงหน้านะคะ เพราะอาทิตย์หน้าวันเกิดน้องวินอาปรายไม่ได้อยู่ด้วย"หญิงสาวเอ่ยบอกเด็กน้อยให้เข้าใจ
"ว้า แบบนี้อาปรายก็อดกินเค้กวันเกิดของน้องวินสิครับ คุณแม่บอกจะทำเค้กก้อนใหญ่ให้น้องวินด้วย"
เด็กชายทำหน้าตาท่าทางเสียดาย ที่อาสาวไม่ได้อยู่งานวันเกิดตัวเองในปีนี้
คำพูดของหลานรักทำให้ปรายฟ้าอดจะยิ้มเอ็นดูไม่ได้
"เอาไว้อากลับมารอบหน้า เดี๋ยวอาพาไปกินไอศครีมอร่อยๆดีไหมคะ'"
" ดีๆครับ น้องวินชอบกินไอศครีม" เด็กน้อยปรบมือยิ้มตาหยีให้กับอาสาว
"เอะอ่ะดีใจอะไรกันฮึ เจ้าตัวแสบ" เสียงใสคุ้นหูดังมาจากด้านหลัง ปรายฟ้าหันกลับไปยิ้มให้พี่สะใภ้กับมารดาที่กำลังเดินยิ้มเข้ามา
"สวัสดีคะแม่ พี่นา " ร่างบางยกมือไหว้มารดากับพี่สะใภ้ของเธอที่เดินเข้ามานั่งลงโซฟาตรงข้าม
"สวัสดีจ๊ะน้องปราย แล้วนี่ขนซื้ออะไรมาให้เจ้าตัวแสบอีกล่ะ บ่นหาอาปรายตลอดนี่อยากจะได้ของเล่นใช่ไหมน้องวิน"คุณแม่ยังสาวเอ่ยแซวลูกชายที่น้่งยิ้มแก้มปริอยู่ที่พื้นกับกล่องของเล่น
"ซื้อเครื่องบินบังคับมาน่ะค่ะ" ปรายฟ้าบอกพร้อมส่งยิ้มบางให้พี่สะใภ้
"คงจะถูกใจเจ้าตัวเขานักล่ะ เคยอ้อนพี่ปัฐซื้อให้อยู่เหมือนกัน ดีที่น้องปรายซื้อมาก่อนไม่งั้นคงจะชนกันเพราะพวกพี่กะว่าจะซื้อให้วันเกิดแกพอดี" นาราเอ่ยบอกกับน้องสาวแฟนด้วยรอยยิ้มเอ็นดู
พี่นา หรือ นาราพี่สะใภ้เธอซึ่งอีกคนเป็นเพื่อนสนิทกับพี่สาวเธอตั้งแต่เรียนมัธยม แต่พอจบต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปเรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบ นารานั้นเลือกไปเรียนพยาบาลตามความฝันของตัวเอง แล้วพี่ปัณพี่สาวเธอสอบติดมหาลัยในกรุงเทพ พอกลับบ้านทีทั้งสองคนถึงได้นัดเจอกัน บ้านของนาราอยู่ในตัวเมืองที่บ้านเธอเปิดร้านขายทอง และมีหอพักให้เช่า ส่วนครอบครัวของปรายฟ้ามีอาชีพทำสวน ปู่ย่าตายายของเธอนั้นมีอาชีพเป็นชาวสวนทั้งคู่ หลังจากพ่อกับแม่แต่งงานกันท่านทั้งสองก็กลับมาดูแลจัดการต่อยอดนำแผนเกษตรวิถีใหม่มาใช้ในสวนของตัวเอง และยังแบ่งปันความรู้ให้กับเพื่อนบ้านอีกด้วย ปีนึงรายได้จากการขายผลไม้หลายอย่างในสวนกว่าสองร้อยไร่ ก็ทำให้ครอบครัวของเธอพออยู่พอกินไม่ได้ลำบากอะไร และยังมีที่ดินเปล่า6 ไร่ที่อยู่หลังตลาดสด ที่ตากับยายของเธอยกให้เป็นของขวัญในวันแต่งงานของพ่อกับแม่ซึ่งตอนนี้ปล่อยให้เจ้าของตลาดเช่าเป็นที่จอดรถของลูกค้าและพ่อค้าแม่ค้ามาหลายปีแล้ว